นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 615 คอยสนับสนุน
ฮ่อหยุนเฉิงมองตาซูฉิงที่เต็มไปด้วยรัก ที่ไม่มีสายตาที่ไม่พอใจเหมือนมองสวีหว่านเอ๋อร์เมื่อกี้แล้ว
“ไม่น่าขำเลยหรอ”
ซูฉิงยิ้มให้กับฮ่อหยุนเฉิง ยิ้มนี้ทำให้ประทับใจฮ่อหยุนเฉิงมาก
“อืม น่าขำ”
ฮ่อหยุนเฉิงที่เห็นซูฉิงมีความสุขก็ยิ้มออกมา รอยยิ้มนี้ยิ้มอยู่นาน จนได้เสียงเสียงเคาะประตูทำลายความเงียบ
“ท่าประธาน ฉันเข้าไปได้มั้ยคะ”เลขาที่อยู่ข้างนอกส่งเสียงถาม
ซูฉิงขยิบตาให้กับเขา แล้วเขียนอะไรลงบนกระดาษ จากนั้นก็เดินออกไป
ในหมู่บ้าน ท่ามกลางหุบเขามีแม่น้ำล้อมรอบ ต้นไม้โบราณที่สูงตระหง่าน
หลิวเสี่ยวหนิงมองหุบเขาที่อยู่ตรงหน้า ไม่ทันไรเธอก็ได้มาถ่ายทำละครตัดขาดจากโลกภายนอกสามเดือนแล้ว
หมู่บ้านที่มีภูเขามีแม่น้ำลำบากมาก แต่ก็มีอากาศปลอดโปร่ง ไม่มีคอมเมนท์ด่าในโลกโซเชียล และก็ไม่มีคนพูดเสียดสี ทำให้หลิวเสี่ยวหนิงรู้สึกสงบใจมาก
ตอนนี้ถ่ายละครมาจนถึงฉากสุดท้ายแล้ว เธอก็ใกล้จะไปจากที่นี่แล้ว
มองดูภูเขาสลับซับซ้อนกันไปมา ก็รู้สึกคิดถึงไม่อยากกลับ
แต่ถึงยังไงก็ต้องกลับไป เธอยังมีงานที่ต้องทำ และยิ่งกว่านั้นก็ยังมีครอบครัวของเธอ
หลิวเสี่ยวหนิงสูดลมหายใจเข้าปอดลึก แล้วก็ขึ้นไปนั่งบนรถบัส เพื่อที่จะเดินทางกลับออกไปจากป่าเขียวชอุ่มนี้แล้ว
ซูฉิงที่กำลังยืนอยู่หน้าบริษัทเพื่อรอหลิวเสี่ยวหนิงกลับมา เธอที่พึ่งได้รับแจ้งข่าว แต่ครั้งนี้เข้าป่าไปไม่ไช่เรื่องง่ายเลย ไม่ว่ายังไงก็ต้องให้รางวัลเธอสักหน่อย
เห็นหลิวเสี่ยวหนิงเดินลงมาจากรถบัส ซูฉิงก็รีบเดินเข้าไปรับ :”ช่วงนี้ลำบากแล้ว ไปพักผ่อนเถอะ”
หลิวเสี่ยวหนิงที่ดูคล้ำลงไปเยอะ ดูแล้วน่าจะตากแดดมาก
“ฮือ ๆ พี่เสี่ยวฉิง ฉันคิดถึงพี่มากเลย”
หลิวเสี่ยวหนิงที่กำลังจะโผเข้ากอดซูฉิง แต่คิดไม่ถึงว่าซูฉิงจะเดินถอยหลังหลบ
“อย่าทำอย่างนี้ ฉันรับไม่ได้”
ทุกคนต่างก็สบตากันแล้วหัวเราะ ออกมา แล้วพาหลิวเสี่ยวหนิงกลับบริษัทไป
เพียงไม่นานหนังก็เข้าโรง
วันแรก ตั๋วหนังขายได้ไม่มาก เพราะหลิวเสี่ยวหนิงถือว่าเป็นมือใหม่ และยังได้เป็นนางรองอีก ก็ถือเป็นเรื่องปกติ
ซูฉิงมองหลิวเสี่ยวหนิงที่ทำหน้าท้อแท้ พร้อมกับตบไหล่เธอเบาๆ :”ไม่เป็นไรนะ นี่พึ่งเริ่มต้น ต่อไปยังมีโอกาสอีกเยอะ
หลิวเสี่ยวหนิงพยักหน้า แต่ก็ยังทำหน้าท้อแท้อยู่
เช้าวันต่อมา ซูฉิงตกใจกับจำนวนตั๋วที่ขายได้มากกว่าเมื่อวานมากกว่าที่หลายเท่า
เธอมองตัวเลขบนหน้าตัวอย่างเหลือเชื่อ จนถึงตอนนี้ ยังมีคนกำลังจองกันอยู่
หลิวเสี่ยวหนิงก็ตาค้าง มองดูตัวเลขบนหน้าจอที่ขยับขึ้นอย่างรวดเร็ว เธอถึงขั้นสงสัยว่าเปิดเว็บผิดรึเปล่า
“นี่ นี่เป็นจำนวนตั๋วหนังที่ฉันเล่นจริงหรอ”
“เด็กโง่ เธอเล่นนั่นแหละ”
ซูฉิงยิ้มกว้าง คิดไม่ถึงว่าการทำหนังครั้งนี้จะประสบความสำเร็จแล้ว
“พี่เสี่ยวฉิง พี่ดูสิ บนเวยป๋อมีแฟนคลับเยอะมากที่แนะนำหนังเรื่องนี้”
หลิวเสี่ยวหนิงยื่นโทรศัพท์ไปทางซูฉิง ซูฉิงก็ได้รู้ว่าเรื่องเป็นยังไง
ตอนแรกที่ทุกคนดูหนังเรื่องนี้ ไม่ได้มีความคาดหวังอะไรมาก คนดูก็ไม่มาก ที่มาก็เพราะคนพวกนั้นคลั่งอันลี่ ถึงได้มีคนมาดูมากในวันนี้
“ไม่เลวเลยนะหลิวเสี่ยวหนิง”
ซูฉิงพยักหน้าอย่างพอใจ:”เห็นว่าเธอทำงานได้ไม่เลว ฉันจะเพิ่มโบนัสให้เธอ”
“จริงหรอ ขอบคุณค่ะพี่เสี่ยวฉิง!”
หลิวเสี่ยวหนิงตาวาวข้น กำลังจะขยับเข้าไปกอดซูฉิงแต่ก็ถูกซูฉิงขวางเอาไว้
“อะแฮม ระวังหน่อย ระวังหน่อยสิ”
หลิวเสี่ยวหนิงส่ายหน้าอย่างประหม่า แล้วก็หันกลับไปดูจำนวนตั๋วที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วก็รู้สึกดีใจไม่หยุด
หลายวันต่อมา ตั๋วหนังก็เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว จนทำลายสถิติของจำนวนตั๋วของปีที่แล้ว
และหลิวเสี่ยวหนิงที่เป็นนางรองก็มีชื่อเสียงกลบกระแสนางเอกไปเลย กลายเป็นคนที่ถูกพูดถึงมากในโลกโซเชียล
จากที่ตั๋วหนังถูกขายออกไปอย่างถล่มทลาย ชื่อเสียงของหลิวเสี่ยวหนิงก็ค่อยๆ กลับมา
เพราะวงการนี้ถ้าพูดถึงเรื่องความสามารถ ขอเพียงทำผลงานออกมาก็จะมีคนให้ความสนใจมาก
ตอนนี้ในโลกโซเชียลที่แต่ก่อนคอมเมนท์เธอในด้านลบก็เปลี่ยนไปแล้ว มีคนมากมายมาคอมเมนท์ว่าความสามารถอย่างเธอเหมาะกับตัวแสดงนี้มาก และก็มีน้อยมากที่จะสนใจในข่าวเสียหายของเธอก่อนหน้านี้ ตอนนี้หลิวเสี่ยวหนิงถือว่าได้กลายเป็นคนโด่งดังไปแล้ว
หลิวเสี่ยวหนิงที่มองดูตั๋วหนังที่ถูกขายออกไปอย่างถล่มทลาย ก็รู้สึกดีใจมาก และทันใดนั้นเอง เธอก็ได้รับข้อความจากแฟนของเธอจินจิ่นหราน
เพราะหนังที่ขายดิบขาดดี จินจิ่นหรานคิดว่าหลิวเสี่ยวหนิงทำผลงานออกมาได้ดี เลยอยากจะพาเธอไปหาพ่อแม่
หลิวเสี่ยวหนิงอ่านข้อความก็ใจเต้นขึ้นมา คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะมาถึงแล้ว
เธอเดินทางกลับบ้านอย่างตื่นเต้นดีใจ แล้วก็ควานหาเสื้อผ้าในตู้ เสื้อผ้าที่เต็มตู้นั้นล้วนไม่มีเสื้อผ้าที่ดูเป็นทางการเลย
หลิวเสี่ยวหนิงที่มองดูเสื้อผ้าเต็มตู้อย่างครุ่นคิด
จินจิ่นหรานเป็นถึงลูกเศรษฐี เธอจะต้องแต่งตัวให้ดีเพื่อที่จะไปพบพ่อแม่ของจินจิ่นหราน
แต่ตอนนี้กลับต้องมานั่งกลุ้ม ปกติแล้วเธอชอบสวมใส่เสื้อผ้าที่สบายๆ นอกจากชุดในละครแล้ว ก็ไม่มีชุดไหนที่เหมาะสมเลย
ขณะที่ยังกลุ้มอยู่เธอก็คิดได้ว่าจะไปแต่งหน้าที่ร้านทำผม รอให้จินจิ่นหรานมารับตน แล้วก็นั่งรถไปกับจินจิ่นหรานไปที่บ้านของเขาด้วยความตื่นเต้น
พอเดินเข้าไปในบ้าน หลิวเสี่ยวหนิงก็สัมผัสได้ว่าภายในบ้านล้วนตกแต่งอย่างหรูหรา
ไม่ว่าจะเดินไปตรงไหน ล้วนมีแสงสว่างระยิบระยับ ดูเปิดเผยแต่ก็ไม่ทำให้สูญเสียความสง่างาม
“คุณลุง คุณป้า”
พ่อกับแม่ของจินจิ่นหรานที่นั่งอยู่บนโซฟา หลิวเสี่ยวหนิงก็โค้งคำนับให้พวกเขา สุดท้ายจินจิ่นหาานก็จูงมือเธอมานั่งตรงโซฟาตรงข้าม
“นี่คือเสี่ยวหนิงใช่มั้ย”
แม่จินเอ่ยถาม ด้วยสีหน้าเรียบ ดูไม่ออกว่าชอบหรือไม่ชอบเธอ
“ใช่ค่ะ คุณป้า “หลิวเสี่ยวหนิงตอบอย่างประหม่า และจินจิ่นหรานก็เอ่ยพูด:”พ่อ แม่ครับ นี่เป็นของขวัญที่เสี่ยวหนิงเอามาฝากครับ เธอตั้งใจเลือกเองกับมือเลยนะ”
หลิวเสี่ยวนหนิงอึ้ง นี่คือของขวัญที่จินจิ่นหรานเตรียมมา
เธอรู้สึกขอบคุณ ที่จินจิ่นหนานนึกถึงและคิดแทนเธอ
แม่ฮ่อมีสีหน้าเคร่ง รับของขวัญด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“คุณป้าคะ……..’
หลิวเสี่ยวหนิงที่จิกมือตัวเองแน่นด้วยความประหม่า
“เสี่ยวหนิง พวกเราได้ยินมาว่าเธอทำงานเป็นนักแสดงหรอ”
“ค่ะ ใช่ค่ะ”
หลิวเสี่ยวหนิงกลืนน้ำลายอึก หันไปมองหน้าจินจิ่นหรานที่อยู่ข้างๆ ด้วยความรู้สึกประหม่า
ฉันกับพ่อของจิ่นหรานได้ยินข่าวว่า เมื่อก่อนเธอมีข่าวเสียหายในโซเชียล อืม ยากจะพูดจริงๆ”
มารยาทของแม่จินที่เกิดมาในตระกูลผู้ดี ทำให้ไม่ได้พูดต่อ
แต่หลิวเสี่ยวหนิงก็พอจะเข้าใจความหมายที่แม่จินต้องการจะสื่อ
“แม่ แม่พูดอะไร”
จินจิ่นหรานที่เริ่มร้อนใจ เขาได้คุยเรื่องนี้กับพ่อแม่ของเขาก่อนแล้ว คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะพูดอย่างนี้