ตอนที่ 643 ถูกต้องหรือไม่ แม่นางซู / ตอนที่ 644 ยาปลอมตัวถูกเปิดโปง

เล่ห์ร้ายโฉมสะคราญ

ตอนที่ 643 ถูกต้องหรือไม่ แม่นางซู 

 

 

“ซื่อจื่อ ท่านจะทำอะไร!?” หากก่อนหน้านี้ไม่ผ่านประสบการณ์เรื่องเหล่านั้นในวังหลวง ซูหลีอาจตื่นตระหนกมากกว่านี้ 

 

 

ทว่าหลังจากถูกฉินเย่หานปลิ้นชิงความสาวไปอย่างเผด็จการ ซูหลีก็ตัวสั่นคล้ายกับลูกนก สำหรับการสัมผัสตัวกันอย่างกะทันหันเช่นนี้ นางถึงแสดงท่าทีปฏิเสธออกมาอย่างชัดเจน 

 

 

ฉินมู่ปิงเห็นนางมีท่าทีโต้ตอบทีค่อนข้างจะรุนแรง เขาจึงหรี่ตาลงอย่างอดไม่ได้ จากนั้นจึงคลายมือนางออก 

 

 

เมื่อเขาปล่อยมือออก ซูหลีก็ถอนหายใจยาวออกมาเฮือกหนึ่ง นางไม่สนใจที่จะโต้เถียงกับเขาอีก ในเวลานี้นางอยากที่จะหลุดพ้นออกไปจากห้องรับรองนี้ 

 

 

“ก็แค่คว้ามือไปครู่หนึ่ง ไยคุณชายซูถึงมีท่าทางโต้ตอบรุนแรงขนาดนี้กัน” ฉินมู่ปิงถอยหลังไปก้าวหนึ่ง ไม่เข้าใกล้นางอีก ทว่าก็ยังขวางทางที่ซูหลีจะออกไปอย่างแน่นหนาดังเดิม 

 

 

สายตาของเขาหยุดที่ร่างของซูหลี สายตาของเขาแฝงเอาไว้ความหมายบางอย่าง ทำให้ซูหลีขมวดคิ้วขึ้น 

 

 

ในเวลานี้ซูหลีจึงจับสังเกตได้ จู่ๆ ฉินมู่ปิงเปลี่ยนคำเรียกขานนาง ไม่ได้เรียกว่าใต้เท้าซูแล้ว แต่เป็นคุณชายซู 

 

 

ซูหลีผงะไปเล็กน้อย สีหน้าเปลี่ยนเป็นไม่น่ามองขึ้นทันใด 

 

 

“พวกเราราชวงศ์ต้าโจว การใกล้ชิดระหว่างชายหญิงมิได้เคร่งครัดขนาดนั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบุรุษสองคนสัมผัสมือกัน คุณชายซูมีท่าทางตอบโต้รุนแรงขนาดนี้ มีเรื่องอะไรปิดบังผู้อื่นอยู่ใช่หรือไม่” 

 

 

ฉินมู่ปิงมองซูหลีด้วยใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม เขาผู้ซึ่งมีท่าทางเช่นนี้ สีหน้าแฝงซ่อนไว้ด้วยความชั่วร้าย ทว่าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วเขาในเวลานี้กลับดูดึงดูดสายตากว่าเมื่อก่อน ให้คนมองไม่อาจละสายตาได้ 

 

 

“…ซื่อจื่อพูดอะไรกัน” ซูหลีมีสีหน้าย่ำแย่ แม้แต่กลิ่นอายรอบกายมิได้เหมือนดังแต่ก่อน นางกลับเคลื่อนสายตาของตนออกมา ไม่สบตากับฉินมู่ปิงอีก 

 

 

ฉินมู่ปิงเห็นดังนั้น ริมฝีปากจึงยกยิ้มเป็นรอยยิ้มที่ไม่ใส่ใจสิ่งใด เขาลุกขึ้นอย่างกะทันหัน ร่างกายมากกว่าครึ่งของเขาเอนเข้าใกล้ซูหลี ทั้งร่างของซูหลีถูกลมหายใจของเขาปกคลุม 

 

 

ซูหลีขมวดคิ้ว จากนั้นเตรียมถอยหลังตามสัญชาตญาณของตน 

 

 

ทว่าในเวลานี้เอง นางกลับได้ยินฉินมู่ปิงใช้น้ำเสียงดูเกียจคร้าน แม้กระทั่งแฝงไปด้วยความชั่วร้ายเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบาว่า 

 

 

“นอกเสียจากแท้จริงแล้ว เจ้าจะเป็นแม่นางอรชรอ้อนแอ้นคนหนึ่ง ที่ปลอมตัวเป็นเด็กผู้ชาย!” 

 

 

คำพูดนี้ค่อยๆ ลอยเข้าใกล้ใบหูของซูหลี ความร้อนที่ปล่อยออกมาทะลวงเข้าไปในใบหูของซูหลี ทำให้ใบหูของซูหลีรู้สึกคันโดยไม่รู้ตัว 

 

 

ทว่าเพราะเนื้อความในคำพูดของฉินมู่ปิง ในชั่วขณะนี้ซูหลีจึงไม่ได้สนใจเรื่องระยะห่างระหว่างพวกเขาทั้งสองคน 

 

 

นางแหงนศีรษะขึ้นมองฉินมู่ปิงอย่างรวดเร็ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก 

 

 

“ข้าพูดถูกต้องหรือไม่? แม่นางซู?” มือของฉินมู่ปิงเล่นกับปอยผมที่อยู่ข้างแก้มของซูหลี เขานำปอยผมมาพันที่นิ้วของตน น้ำเสียงของเขามีความเกียจคร้านและชั่วร้ายอย่างบอกไม่ถูก 

 

 

ดวงตาดุจเหยี่ยวที่เรียวยาวคู่นั้นมองนางอย่างวูบไหว ในดวงตานั้นราวกับมีน้ำหมึกสีดำพรั่งพรูทะลักออกมาก็มิปาน คล้ายดั่งสามารถทำให้ทั้งร่างของซูหลีจมหายไปได้อย่างง่ายดาย 

 

 

ซูหลีหยิกมือที่แนบอยู่ข้างตัวของตน พยายามควบคุมตนเองให้สงบลง ไม่สามารถเผยพิรุธออกมาต่อหน้าฉินมู่ปิง! 

 

 

นางผงะไปพริบตาหนึ่ง จากนั้นพลันเอ่ยขึ้นว่า “เรื่องนี้มิใช่ข้าอธิบายอย่างชัดเจนในงานวันเกิดของข้าคราก่อนแล้วหรือ ผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว ซื่อจื่อยังจะนำเรื่องนี้มากล่าวอีก นี่ดูเหมือนไม่ค่อยไม่เหมาะสมกระมัง?” 

 

 

“เหอะ!” ฉินมู่ปิงได้ยินดังนั้นพลันหัวเราะออกมาอย่างกะทันหัน ซูหลีมองเขาหัวเราะราวกับปีศาจชั่วร้ายที่มิมีใครเทียบได้ เป็นเพราะถูกความงามของเขาเข้าใกล้ระยะประชิดตัว ทำให้หัวใจของซูหลีเต้นรัว อีกทั้งยังถูกความมั่นใจในคำพูดของเขาทำให้ประหม่า 

 

 

“คราก่อนเจ้าตบตาอย่างไร ในใจของข้าและเจ้าล้วนทราบดีมิใช่หรือ” 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 644 ยาปลอมตัวถูกเปิดโปง 

 

 

เมื่อได้ยินดังนั้น ซูหลีก็ไม่แม้จะสามารถเก็บสีหน้าได้ 

 

 

นางชะงักค้างและจ้องมองที่ฉินมู่ปิงตาไม่กะพริบ กลับเห็นความเย้าแหย่ในแววตาของฉินมู่ปิง มิได้เหมือนกับคนที่พูดจาชักจูงให้นางช่วยเหลืออย่างจริงจังเมื่อครู่นี้สักนิด 

 

 

คนผู้นี้ยังมีอิริยาบถกี่แบบกัน กิริยาท่าทางไหนกันแน่ที่เป็นตัวจริงของเขา 

 

 

“ทำไมรึ วันนี้มิได้พกยาที่ทำให้เจ้ามีลูกกระเดือกในวันนั้นมาหรือ” ฉินมู่ปิงเห็นซูหลีก้มศีรษะไม่พูดไม่จา จึงหัวเราะออกมาเบาๆ แล้วเอ่ยคำพูดประโยคนี้ออกมา 

 

 

สีหน้าของซูหลีพลันเปลี่ยนไปโดยฉับพลัน นางคิดไม่ถึงว่าแม้แต่ยาปลอมตัว ฉินมู่ปิงก็สืบสวนหมดแล้ว 

 

 

ทว่าไยเขาถึงรับรู้เรื่องนี้ได้ หรือข้างกายของนางจะมีไส้ศึกอยู่? 

 

 

ความคิดนี้เพิ่งจะโผล่เข้ามาในสมองของซูหลี ทว่ากลับถูกนางโต้เถียงกลับอย่างรวดเร็ว ไม่ นี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ 

 

 

เรื่องของปลอมตัวในเวลานี้มีเพียงนางและผู้ติดตามข้างกายนางไม่กี่คนเท่านั้นที่รับรู้ ไป๋ฉินอยู่ข้างกายซูหลีตั้งแต่เด็ก ไม่มีทางที่จะเป็นไส้ศึกของฉินมู่ปิง เย่ว์ลั่วยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้ 

 

 

คนอย่างจี้เหิงหราน จะนำไส้ศึกที่เป็นผู้สอดแนมของผู้อื่นมาเป็นคนสนิทคอยรับใช้ข้างกายได้อย่างไร 

 

 

ชุยตานเป็นบุตรชายของแม่นมของนาง ไม่มีทางที่จะหักหลังนางได้อย่างง่ายดาย 

 

 

เช่นนั้นสรุปแล้ว… 

 

 

ทันใดนั้นซูหลีก็ฉุกคิดถึงเรื่องหนึ่งได้ ก่อนหน้านี้ตอนนางอยู่ที่เรือนขาว เคยมีคนฉวยโอกาสยามนางไม่อยู่เข้าไปในเรือนขาง ทั้งยังหยิบยาจำนวนมากของนางไป หนึ่งในนั้นมียาชนิดหนึ่ง คือยาปลอมตัว 

 

 

ดูเหมือนว่า คนที่วางแผนแอบเข้าไปในเรือนขาวและหยิบฉวยยาของตนไป ก็คือคนของฉินมู่ปิง! 

 

 

“นี่แม่นางซูเป็นอะไรไปกัน ไยถึงไม่พูดไม่จาแล้ว” ฉินมู่ปิงเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของซูหลี จึงยกมุมปากขึ้นแล้วมองนางอย่างแน่วแน่  

 

 

ซูหลีหวนสติกลับคืนมาแล้วใช้สายตาเมินเฉยมองเขาและเอ่ยว่า “เจ้าต้องการอะไร” 

 

 

สิ่งที่สำคัญในที่ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องที่เขารู้เรื่องยาปลอมตัวได้อย่างไร ทว่าเขาใช้จุดอ่อนนี้เพื่อต้องการให้ซูหลีกระทำสิ่งใดกันแน่! 

 

 

“ทำไมสีหน้าของเจ้าถึงตึงเครียดเช่นนั้น” ฉินมู่ปิงเห็นถ้าทางของนางกลับหัวเราะออกมาด้วยเสียงทุ้มต่ำ 

 

 

ซูหลีค้นพบว่ายามที่เขาหัวเราะนั้นดูดีเป็นอย่างมาก ใบหน้าอันหล่อเหลาราวกับเปล่งประกายมิปาน ทำให้คนไม่อาจละสายตาไปได้ 

 

 

ทว่าบัดนี้ นางไม่มีเวลามาชื่นชมกับเรื่องเหล่านี้ คิดแค่เพียงว่าจะหลุดพ้นจากที่นี่ได้อย่างไร 

 

 

“เมื่อครู่พวกเรามิใช่คุยกันอย่างชัดเจนแล้วหรือ ขอเพียงเจ้าช่วยข้าเพียงเล็กน้อย ความลับนี้ก็จะเป็นความลับตลอดไป ในเมื่อเจ้าตั้งใจปิดบังทุกคนขนาดนี้ อย่างไรข้าก็ควรเก็บรักษาความลับของเจ้าไว้ เจ้าว่าถูกต้องหรือไม่ ซูหลี…” 

 

 

ยามฉินมู่ปิงขานเรียกชื่อของนางตอนท้ายสุด ราวกับชื่อของนางซ่อนอยู่ไนปากเขา และกำลังถูกเขาลิ้มรสอย่างละเมียดละไม 

 

 

ซูหลีได้ยินแล้วถึงกับขมวดคิ้วเป็นปม 

 

 

ในเมื่อเรื่องดำเนินมาถึงจุดนี้แล้ว แท้จริงแล้วในใจของนางก็ไม่ได้รู้สึกตื่นตระหนกเหมือนกับสีหน้าที่แสดงออกมา 

 

 

หากพูดถึงเรื่องสตรีปลอมตัวเป็นบุรุษ ซูหลีกลัวใครรับรู้ที่สุด แน่นอนว่าคือฉินเย่หาน 

 

 

บัดนี้ฉินเย่หานรับรู้เรื่องนี้แล้ว อีกทั้งยังแต่งตั้งนางให้เป็นขุนนางในขณะที่รับรู้เรื่องนี้แล้ว 

 

 

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องนี้จึงไม่น่าหวาดหวั่นขนาดนั้นแล้ว 

 

 

อีกทั้งในใจของซูหลีรู้อย่างชัดแจ้งดีว่า ในเมื่อฉินมู่ปิงต้องการใช้เรื่องนี้ข่มขู่นาง ดังนั้นเขาจึงไม่อาจนำเรื่องนี้ไปป่าวประกาศให้กับผู้คนได้รับรู้อย่างง่ายดาย 

 

 

ซูหลีก็ไม่อยากปิดบังเรื่องนี้กับทุกคนไปตลอดชีวิต 

 

 

ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา นี่ก็ถือว่านานพอแล้วไม่ใช่หรือ 

 

 

“เพียงแต่ไม่รู้ว่า ซื่อจื่ออยากที่จะรับรู้ความคิดของฮ่องเต้เพียงฝ่ายเดียว เพื่อจะตั้งหลักหรือว่ามีจุดประสงค์อื่นกันแน่!” ซูหลีหวนสติกลับคืนมาและมองฉินมู่ปิงด้วยความเย้ยหยัน 

 

 

แม้ในใจนางจะไม่รู้สึกตื่นตระหนกขนาดนั้น ทว่านางก็ไม่อาจแสดงออกมาได้