ตอนที่ 1593 สาขาจ้าววิญญาณ (3)

Genius Doctor Black Belly Miss

ตอนที่ 1593  สาขาจ้าววิญญาณ (3)

ในใจหลินเฮ่าอวี่เต็มไปด้วยความโกรธและเกลียด  แต่ในสถานการณ์นั้นเขาไม่สามารถทำอะไรได้เลยนอกจากเก็บความเกลียดชังเอาไว้ในใจ

สถานการณ์แย่ๆที่จวินอู๋เสียต้องเผชิญได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก  จำนวนคนที่ด่านางลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด  และจำนวนคนที่สอดแนมอาจารย์ของนางก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

จวินอู๋เสียไม่รู้จะพูดยังไงกับพวกจอมหื่นกลุ่มนี้  นางรู้ว่าซูหย่างดงามมากเพียงใด  แต่คนที่ได้เห็นซูหย่านั้นมีไม่มากนัก  แถมส่วนใหญ่ก็เห็นกันแต่ด้านร้ายๆของซูหย่า

แต่คนพวกนี้ก็ยังพยายามจะแอบดูนางให้ได้สักแวบหนึ่ง  ทำให้จวินอู๋เสียอดคิดถึงคำว่า “มาโซคิส” ไม่ได้

บางครั้งตอนที่ซูหย่าหงุดหงิดเต็มที  นางก็จะไปซ่อนตัวอยู่ที่ชั้นใต้ดิน  กอดไหเหล้าและดื่มจนเต็มคราบ

หลังจากจวินอู๋เสียแช่ตัวในสระเหล้าเสร็จ  นางก็เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่  แล้วเดินลงจากชั้นสามมาเจอเข้ากับชายชราหลังค่อมคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ที่ชั้นหนึ่ง

ภาพด้านหลังนั้นเป็นภาพที่จวินอู๋เสียรู้สึกคลับคล้ายคลับคลาอยู่บ้าง

“ไง  เจ้าหนู  ไม่ได้เจอกันนาน  ยังจำตาแก่คนนี้ได้รึเปล่า?”  ชายชรามีใบหน้าเหี่ยวย่น  สายตาวาววับราวลูกไฟของเขามองมาที่จวินอู๋เสีย

เป็นชายชราตัวเล็กที่จวินอู๋เสียเจอในป่าบนภูเขาฝูเหยานั่นเอง

หลังจากแยกทางกันในวันนั้น  จวินอู๋เสียก็ไม่ได้เห็นชายชราอีกเลย  คิดไม่ถึงว่าจะได้เจอเขาที่นี่

สำนักธาราเมฆห้ามคนนอกเข้าออก  การที่ชายชราปรากฏตัวที่นี่ก็หมายความว่าเขาเป็นคนของสำนักธาราเมฆ

จวินอู๋เสียพยายามเดาตัวตนของอีกฝ่ายอยู่ในใจ  แต่ไม่ได้แสดงออกอะไรทางใบหน้า  เพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อยเท่านั้น

“คนหนุ่มสาวนี่ความจำดีนะ  วันนั้นข้ายังไม่ได้ขอบคุณเจ้าเลย  ที่ช่วยรักษาเสี่ยวฮวาให้  ถ้าเจ้าไม่ว่าอะไร  ก็นั่งคุยเป็นเพื่อนข้าหน่อยซิ”  ชายชราตัวเล็กยิ้มอย่างใจดี  ไม่มีวี่แววของความบ้าอย่างในวันนั้น

จวินอู๋เสียมองอีกฝ่าย  ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะนั่งลง

ในเมื่ออีกฝ่ายเป็นคนของสำนักธาราเมฆ  นางจึงไม่อยากขัดแย้งกับเขา

ต่อให้ไม่ใช่เพื่อตัวนางเอง  อย่างน้อยก็เพื่อไม่ให้ซูหย่ามีปัญหาเพิ่มมากขึ้น

“เจ้าชินกับการอยู่ในสำนักธาราเมฆรึยัง?”  ชายชราตัวเล็กถามพลางหัวเราะ

“ชินแล้ว”  จวินอู๋เสียกล่าวด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก  แต่ในใจรู้สึกว่าชายชราคนนี้ค่อนข้างแปลก  ตอนที่ทั้งสองพบกันครั้งแรก  เขาไม่ได้ “สุภาพมีมารยาท” ขนาดนี้

“ชินแล้วก็ดีแล้ว”  ชายชราตัวเล็กกลอกตา  แล้วหยิบเอาขวดกระเบื้องใบเล็กออกมาจากเสื้อคลุมอย่างระมัดระวัง

จวินอู๋เสียมองมัน  นั่นคือขวดยาที่นางโยนให้ชายชราตัวเล็กในวันนั้นไม่ใช่หรือ?

ผ่านมาตั้งหลายเดือนแล้ว  เขายังเก็บเอาไว้อีก!

“แหะๆ  เจ้าหนู  คราวที่แล้วเจ้ารีบไป  ข้ายังพูดกับเจ้าไม่จบเลย  ข้าอยากถามเจ้าว่าเจ้าปรุงไอ้นี่ได้ยังไง?  มีเคล็ดลับอะไรไหม?”  ชายชราตัวเล็กมองจวินอู๋เสียอย่างจริงจัง  ดวงตาเป็นประกายด้วยความกระหายใคร่รู้

“…………”  จวินอู๋เสียมองชายชราตัวเล็กอย่างอึ้งๆ  คนคนนี้บ้าปรุงยามากขนาดไหนกัน

แต่พอคิดถึง  “ยาพิษ”  ที่ชายชราตัวเล็กคนนี้เอาให้ดูวันนั้น  จวินอู๋เสียก็รู้สึกว่า……คนคนนี้ไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับการปรุงยาเลยตลอดชีวิต  ไม่งั้นล่ะก็  สักวันเขาอาจจะวางยาใครตายก็ได้

ยาของเขาช่วยคนไม่ได้  แต่ใช้ทำร้ายคนได้ดีเชียวล่ะ!

เมื่อเห็นจวินอู๋เสียไม่พูด  ชายชราตัวเล็กก็ย่นจมูกและพูดว่า  “เจ้าหนู  อย่าขี้เหนียวนักเลยน่า  พวกเราต่างก็ชอบแสวงหาความรู้เรื่องการรักษา  การแบ่งปันความรู้ให้กันและกันคือสิ่งสำคัญนะ  ไม่งั้นจะพัฒนาตัวเองให้แตกฉานในความรู้นั้นๆได้ยังไง?”

จวินอู๋เสียเงียบ  นางรู้สึกว่าการตอบตกลงคุยกับชายชราคนนี้คือการตัดสินใจที่ผิดพลาด

เจ้าหมอนี่โผล่มาจากรูไหนกัน?  ซูหย่าไม่สังเกตเห็นเลยหรือไง?