ตอนที่ 215 มีเรื่องขอความช่วยเหลือ 

 

 

 

 

 

นั่งลงไปบนเก้าอี้ไม่ทันร้อน เจาเอ๋อร์ที่อยู่ด้านนอกก็วิ่งเข้ามาในห้องด้วยความร้อนรนเสียแล้ว “คะ…คุณหนู ท่านอ๋องเสด็จมาเจ้าค่ะ…” 

 

 

“เสด็จพ่อเสด็จมาแล้วเหตุใดเจ้าต้องตกอกตกใจด้วยเล่า” อวี้อาเหรากลอกตามองคราหนึ่ง 

 

 

“มิได้เจ้าค่ะ อนุรองอีกทั้งคุณหนูใหญ่ก็ตามท่านอ๋องมาด้วยเจ้าค่ะ” เจาเอ๋อร์ละล่ำละลักกว่าที่นางจะพูดจบ นี่ก็น่าแปลกยิ่งนัก สองแม่ลูกนั่นแต่ไหนแต่ไรก็ไม่ถูกกับคุณหนูของนาง แล้วเหตุใดถึงมาเยือนถึงที่นี่ด้วยตัวเองเช่นนี้เล่า? 

 

 

อวี้อาเหรานิ่งอึ้งไป ลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ ก่อนจะโยนเตาอุ่นมือไปบนโต๊ะด้านข้าง หันไปสอบถามกับเจาเอ๋อร์อย่างละเอียด “เจ้าแน่ใจหรือว่าไม่ได้มองผิดไป” 

 

 

“ไม่ผิดเจ้าค่ะ” เจาเอ๋อร์รีบส่ายหน้าในทันที 

 

 

“ท่านอ๋องเสด็จ!” ไม่ทันให้นางได้ถามอะไรต่อ ก็บังเกิดเสียงรายงานดังขึ้นจากทางด้านนอก เมื่อมองไปอีกทีก็เห็นว่าหลิงอ๋องเดินเข้ามาพร้อมทั้งอนุรองและลูกสาว อวี้อาเหราปรับสีหน้าและแววตาให้เป็นปกติ แม้ว่านางจะไม่ได้ลนลานเหมือนเช่นเจาเอ๋อร์ แต่ในใจก็รู้สึกแปลกประหลาดอยู่ไม่น้อย 

 

 

“ลูกถวายบังคมเสด็จพ่อเพคะ” 

 

 

“อืม ลุกขึ้นเถิด” หลิออ๋องเข้ามาประคองนางเอาไว้ 

 

 

อนุรองและอวี้จื่อเยียนจึงแย้มยิ้มตาม “คารวะคุณหนูรองเจ้าค่ะ” 

 

 

“อ๊ะ เหตุใดอนุรองและพี่สาวต้องคารวะข้าด้วยเล่า” อวี้อาเหรารู้สึกแปลกใจ หากเพียงมาเยือนถึงหน้าประตูก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่อวี้จื่อเยียนที่แสนหยิ่งทระนงและไม่ชอบนางถึงกับคารวะให้นาง นี่ก็ช่างน่าแปลกยิ่งนัก นางรู้สึกไม่วางใจเลย 

 

 

“คุณหนูรองกล่าววาจาน่าขันยิ่งนักเจ้าค่ะ หากพวกเราไม่คารวะให้ท่านแล้วจะคารวะใครกัน” อนุรองยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นป้องปากหัวเราะอย่างงดงามสดใส ตั้งแต่ที่รู้ตัวว่าตนเองท้องได้สองวัน ใบหน้าของนางก็แดงระเรื่ออย่างคนกินดีอยู่ดี เมื่อแย้มยิ้ม ใบหน้าของนางก็ดูงดงามขึ้นหลายส่วน 

 

 

อวี้อาเหรานิ่งอึ้งไป ฝืนยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะหันหน้ากลับไปหาหลิงอ๋อง “ไม่ทราบว่าเสด็จพ่อเสด็จมาดึกดื่นถึงเพียงนี้มีเรื่องอะไรหรือเพคะ” 

 

 

“ไม่มีอะไรหรอก พ่อเพียงมาดูเจ้าเท่านั้น อีกอย่างเป็นเพราะอนุรองและเยียนเอ๋อร์มีเรื่องอยากจะมาขอความช่วยเหลือเจ้าน่ะ” หลิงอ๋องตอบกลับ  

 

 

“มีเรื่องอยากขอความช่วยเหลือหรือเจ้าคะ” อวี้อาเหรามองไปทางอนุรองและอวี้จื่อเยียนอย่างตกตะลึง นางคิดว่าดวงตะวันจะขึ้นทางทิศตะวันตกเสียแล้ว ไหนเลยพวกนางจะเข้ามาขอความช่วยเหลือด้วยตัวเองทั้งที่มีใบหน้าแย้มยิ้มเช่นนี้ได้ เมื่อคิดดังนั้น นางก็ลอบสบถในใจ 

 

 

หากนางปล่อยให้สองแม่ลูกผู้นี้สมหวังก็แปลกแล้ว! 

 

 

อวี้จื่อเยียนลอบดึงชายเสื้อของอนุรอง เพื่อให้นางออกปาก 

 

 

อนุรองอ้าปากขึ้น แต่กลับพูดอะไรไม่ออก ทำได้เพียงมองหน้าหลิงอ๋องเท่านั้น 

 

 

เช่นนั้นหลิงอ๋องจึงจำต้องเปิดปากขึ้นว่า “ก็เรื่องที่ฝ่าบาททรงประสงค์ที่จะจัดงานเลี้ยงเลือกคู่ให้องค์ชายแห่งเป่ยเจียงนั่นละ วันนี้หวังกงกงมาส่งเทียบเชิญให้กับเจ้ามิใช่หรือ เช่นนั้นอนุรองจึงอยากจะไปชมความคึกคักในวังหลวงด้วย แม้ว่าพ่อจะสามารถไปงานนี้ได้ แต่กลับไม่มีเทียบเชิญที่ฮ่องเต้พระราชทานให้จึงก็ไม่อาจพาผู้อื่นไปได้ อีกทั้งสถานะของพวกนางก็ไม่ค่อยสะดวกใจนัก ในจวนหลิงอ๋องนี้มีเพียงเจ้าที่มีเทียบเชิญอยู่ในมือ จึงสามารถพานางเข้าไปได้ ไม่รู้ว่าเจ้าจะยินยอมหรือไม่” 

 

 

“ใช่แล้วๆ” อนุรองแย้มยิ้มออกมาอย่างงดงาม “หากพวกเราสามคนแม่ลูกเข้าวังพร้อมกันก็ได้ช่วยดูแลกันได้” 

 

 

“แม่ลูก? อนุรองคงเข้าใจผิดแล้วกระมัง เสด็จแม่ของข้าเป็นพระชายาแห่งจวนหลิงอ๋อง หากท่านคิดจะนับข้าเป็นลูกสาวก็เกรงว่าจะไม่เหมาะสมกระมัง…” ริมฝีปากของอวี้อาเหราเผยรอยยิ้มเย็น เหตุใดนางจะไม่รู้ว่าอนุรองและอวี้จื่อเยียนนั้นกำลังวางแผนอะไรกันอยู่ คิดจะใช้โอกาสนี้เข้าไปเชิดหน้าชูตาในหมู่บุปผางาม แต่มีนางเป็นอุปสรรคชิ้นใหญ่ คาดว่าอนุรองคงเป่าหูหลิงอ๋องให้พามาถึงที่นี่ แน่นอนว่าหากเป็นต่อหน้าหลิงอ๋องแล้ว นางคงยากที่จะปฏิเสธแน่ 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 216 ปิดประตูตีแมว 

 

 

 

 

 

เมื่อได้ยินนางพูดเช่นนั้น ใบหน้าของอนุรองและอวี้จื่อเยียนก็เผือดสี มองมาทางนางด้วยสีหน้าไม่น่าดูนัก 

 

 

วาจาเมื่อครู่นี้ก็เท่ากับว่านางกำลังตีแสกหน้าพวกนางสองแม่ลูกมิใช่หรือ 

 

 

เมื่อหลิงอ๋องได้ยินเช่นนั้นแล้วก็รู้สึกไม่สู้ดีนัก “แม้ว่าพวกนางจะเป็นอนุ แต่ก็นับว่าได้ทำเพื่อจวนของเราไว้มาก มิสู้ลูกเห็นแก่สถานะของพ่อ ยอมให้พวกนางไปด้วยเถิด” 

 

 

“ไม่ใช่เพราะว่าลูกไม่ยินดีที่จะให้พวกนางไปนะเพคะ” สีหน้าของอวี้อาเหรายังคงเผยให้เห็นถึงรอยยิ้ม ค่อยๆ อธิบายอย่างช้าๆ “แต่ว่าอนุรองนั้นกำลังตั้งครรภ์ สมควรที่จะรักษาตัวอยู่ในจวน ในวังมีการเปลี่ยนแปลงมากมาย ถ้าหากไม่ระวังแล้วถูกชนล้มกระแทกขึ้นมา โทษทั้งหมดคงจะมาตกอยู่ที่ลูกเหมือนเช่นเมื่อเช้านี้ แม้จะมีหลายปากพูดก็อาจจะแก้ต่างไม่ได้ เช่นนี้แล้วลูกไหนเลยจะกล้าพสนางพวกนางเข้าวังด้วยเพคะ” 

 

 

“เรื่องนี้…” ในใจของหลิงอ๋องเกิดความสั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อย 

 

 

ที่อวี้อาเหรากล่าวมานั้นก็ไม่ผิด เช้าวันนี้เกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้น นี่ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าจะไม่มีครั้งต่อไป 

 

 

เมื่อเห็นหลิงอ๋องทำท่าจะโอนเอียงไปตามคำพูดของอวี้อาเหราแล้ว อนุรองก็ร่ำไห้น้ำตานองหน้า “คุณหนูรองกล่าวอะไรกัน ก่อนหน้านี้เป็นเพราะพวกเราไม่ได้ตั้งใจจริงๆ โทษแต่เพียงเยียนเอ๋อร์ที่เป็นกังวลเกินเหตุจนกล่าวโทษท่าน ในจวนก็น่าจะเข้าใจอารมณ์ของนางดี แต่ไหนแต่ไรมานางก็มักใจร้อนหุนหันพลันแล่น พวกเราสองแม่ลูกก็พึ่งพาอาศัยกันมาตลอด หากไม่เป็นห่วงกันก็คงน่าแปลกนัก เพราะเช่นนั้นหากคุณหนูรองยังไม่หายโกรธ ข้าน้อยจะยอมคุกเข่าขอโทษท่านก็ได้!” 

 

 

“คุกเข่า? ท่านแม่!” อวี้จื่อเยียนตกอกตกใจ เหตุใดนางจะต้องคุกเข่าให้อวี้อาเหราด้วย? เช่นนั้นก็ก็ไม่เท่ากับยอมแพ้หรอกหรือ! 

 

 

อนุรองตะคอกด้วยเสียงเคร่งเครียด “ยังไม่รีบคุกเข่าลงอีกหรือ!” 

 

 

หลิงอ๋องไม่สบายใจ “เจ้าตั้งครรภ์อยู่จะมาคุกเข่าอะไรกัน นี่ก็เป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิดกันเท่านั้น ช่างมันเถิด” 

 

 

“ใช่แล้ว หากอนุรองยังคงคุกเข่าต่อหน้าข้า หากคนนอกมาเห็นเข้าก็คงคิดว่าข้าใช้สถานะตัวเองรังแกท่าน เมื่อถึงเวลานั้นคนที่เสียชื่อเพราะเรื่องนี้ก็คงจะเป็นข้า ที่ท่านทำเช่นนี้เพราะตั้งใจจะให้ข้าดูเป็นคนไร้ความเมตตาใช่หรือไม่” อวี้อาเหรากล่าววาจาเชือดเฉือน พลิกกลับง่ายๆ เพียงชั่วขณะเดียวปัญหาของเรื่องนี้ก็ตกลงไปสู่อนุรองเสียแล้ว 

 

 

สีหน้าของอนุรองเปลี่ยนไปอย่างฉับพลันในทันที ไม่กล้าที่จะคุกเข่าต่อไปอีก 

 

 

การคุกเข่านั้นเดิมทีเป็นเพียงการแสดงที่นางต้องการให้หลิงอ๋องได้เห็นเท่านั้น แต่เมื่ออวี้อาเหรากล่าวออกมาเช่นนี้แล้ว ผลลัพธ์ก็กลับกลายเป็นตรงกันข้าม ไม่เพียงแต่ไม่สามารถทำให้หลิงอ๋องบังเกิดความเห็นอกเห็นใจได้ ทว่ากลับรู้สึกได้ว่านางนั้นกำลังแสดงละคร แต่เรื่องการเข้าวังนั้นอย่างไรเสียก็ต้องทำให้ได้! ในยามที่นางกำลังลำบากหาทางออกไม่พบนั้น อวี้อาเหราก็พยักหน้า แล้วยอมรับปากตกลง 

 

 

“เพื่อไม่ให้เสด็จพ่อต้องลำบากพระทัย ข้าก็จะพาพวกท่านเข้าวัง แต่อย่างไรก็ต้องขอกล่าวเสียก่อนว่าหากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันขึ้น ก็อย่าได้มาโทษข้า มิเช่นนั้นก็คงไม่ผิดไปจากที่ข้าพูดไว้แล้ว!” 

 

 

หากไม่ใช่เพราะต้องการสร้างความประทับใจต่อหน้าหลิงอ๋อง นางก็คงจะไม่พาพวกตีสองหน้าเช่นนี้ไปด้วยแน่ เดิมทีในวังหลวงนั้นก็มีคนมากมายนักที่เห็นนางขัดหูขัดตา เมื่อถึงตอนนั้นหากพวกนางร่วมมือกันแล้วนางก็คงเหมือนตกลงไปในรังมดแดง ที่ไม่ว่าอย่างไรก็คงถูกกัดจนเจ็บไปเสียหมด 

 

 

เมื่อย้อนกลับไปคิดถึงหญิงสาวที่ทำร้ายนางที่ยังคงหาตัวไม่พบ ก็ไม่รู้เลยว่าครั้งนี้จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้าง 

 

 

ถ้าหากไม่ใช่เพราะได้รับเทียบเชิญโดยตรงจากฝ่าบาท นางก็คร้านที่จะไปเข้าร่วมงานเลี้ยงที่น่าคึกคักจะตายเช่นนี้! 

 

 

แม้จะบอกว่าเป็นการเข้าวังเพื่อเข้าร่วมงานคัดเลือกพระชายาให้องค์ชายเป่ยเจียง แต่สำหรับพวกนางที่เป็นเพียงหญิงธรรมดาเดินดินนั้น จะไม่เท่ากับเอาชีวิตเสี่ยงเล่นๆ หรอกหรือ? โชคดีที่รัชทายาทถูกกักไว้ในวังตะวันออก มิเช่นนั้นคงต้องพบเจอกับความยุ่งยากมากกว่าเดิมเป็นแน่ 

 

 

เมื่อเห็นนางตอบรับ อนุรองและอวี้จื่อเยียนก็ยิ้มแย้มอย่างเบิกบาน “ขอบพระคุณคุณหนูรอง!” 

 

 

“เอาเถิด” อวี้อาเหราโบกมืออย่างรำคาญ หากไม่มีหลิงอ๋องอยู่ด้วย นางก็คงสั่งเจาเอ๋อร์ปิดประตูตีแมวไปแล้ว