ตอนที่ 346 หมาป่าที่รู้ใจมนุษย์
“ตอนที่ข้าไป มันยังไม่โตเต็มวัย เมื่อครู่ข้าเกือบดูไม่ออกว่าเป็นมัน คุณหนู อย่างนี้แสดงว่าท่านเทวดากำลังช่วยพวกเรานะเจ้าคะ”
หลิงอวี้จื้อพยักหน้า แต่พอเห็นท่อนแขนขาขาดบนพื้นก็ยังคงรู้สึกสยดสยอง เธอชี้ไปที่กรงข้างใน ถามว่า
“ข้างในมีอะไรหรือ ดูเหมือนไม่มีเสียงอะไรเลย”
“ข้างในคงเป็นหมาป่ามนุษย์เจ้าค่ะ”
“คืออะไร ปล่อยออกไปได้หรือไม่”
“หมาป่ามนุษย์เป็นทารกชายที่เจ้าสำนักเอากลับมาจากชาวบ้าน ป้อนยาตั้งแต่เด็ก ทำให้พวกเขาโตมารูปร่างสูงใหญ่ และยังมีเขี้ยวแหลมคม ให้กินเนื้อดิบหรือเนื้อคนมาตลอด พูดจาไม่เป็น ฟังคำสั่งเจ้าสำนักได้เท่านั้น ทุกวันตอนเย็นพวกเขาต้องกินยา ดังนั้นตอนนี้จึงนอนอยู่เจ้าค่ะ”
หลิงอวี้จื้อรู้สึกขนพองสยองเกล้า ควบคุมขนที่ลุกซู่ของตนเองไม่ได้
“คุณพระ เจ้าสำนักอู๋จี๋วิปริตเกินไปแล้ว เปลี่ยนคนดีๆ ให้กลายเป็นเช่นนี้ มิน่า ราชสำนักถึงอยากทำลาย อย่างนี้เ**้ยมโหดไร้มนุษยธรรมเกินไป อยู่ที่นี่ได้นานกว่านี้ไม่ได้แล้ว พวกเราปล่อยหมาป่าดำออกไปเถิด”
มั่วชิงพยักหน้า หมาป่ามนุษย์ยังหลับอยู่ ถึงแม้หลับอยู่ก็ไม่สามารถเอาไปปล่อยได้ ถึงตอนนั้นคนแรกที่โดนโจมตีก็จะเป็นพวกนาง
มั่วชิงหยิบกุญแจดอกหนึ่งออกมาจากที่ซ่อนในคุกใต้ดิน เปิดประตูห้องขัง หมาป่าดำเดินออกมาหมด ซ้ำยังเดินตามหมาป่าผีออกมาอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
หมาป่าผีเดินมาถึงตรงหน้ามั่วชิง มั่วชิงย่อตัวลง หมาป่าผีเลียหน้ามั่วชิง ดูเหมือนจะตื่นเต้นดีใจมาก
มั่วชิงลูบหัวหมาป่าผี
“นึกไม่ถึงว่าจะได้เจอเจ้าอีก เจ้าหมาป่าผี ข้าอยากให้เจ้าช่วยข้าอย่างหนึ่ง เพื่อนของข้าถูกขังอยู่ที่คุกใหญ่ ข้าอยากช่วยเขา เจ้ายินดีช่วยข้าหรือไม่”
หมาป่าผีทำเสียงคำรามต่ำหนึ่งครั้ง มั่วชิงยิ้มให้หมาป่าผี
“ขอบใจนะ เจ้าหมาป่าผี”
หลิงอวี้จื้อมองอ้าปากตาค้าง นึกไม่ถึงว่าหมาป่าตัวนี้จะฟังคนรู้เรื่องทุกอย่าง มหัศจรรย์จริงๆ มิน่าถึงไม่เหมือนหมาป่าตัวอื่น ที่แท้สติปัญญาสูงมาก
มั่วชิงพูดจบแล้วก็ชี้ไปที่หลิงอวี้จื้อ กล่าวแนะนำ
“นี่คือคุณหนูของข้า เป็นคนที่สำคัญกับข้ามาก นางไม่มีวรยุทธ์ อีกสักครู่หากมีอันตราย หากข้าดูแลไม่ทั่วถึง เจ้าจะปกป้องนางได้หรือไม่”
หมาป่าผีร้องเอ๋งครั้งหนึ่ง จากนั้นก็เดินมาตรงหน้าหลิงอวี้จื้อ แลบลิ้นยาวๆ ออกมาเลียขากางเกงของหลิงอวี้จื้อ
หลิงอวี้จื้อก็นั่งยองๆ ด้วย ลองลูบหัวหมาป่าผีดู หมาป่าผีไม่ได้ปฏิเสธ เชื่องมาก ยอมให้หลิงอวี้จื้อลูบ
ตอนเริ่มเห็นหมาป่าผีรู้สึกตกใจเล็กน้อย ตอนนี้กลับรู้สึกว่าหมาป่าผีก็น่ารักอยู่เหมือนกัน
“ไปกันเถิดเจ้าค่ะ”
มั่วชิงไม่กล้าเสียเวลานาน พาฝูงหมาป่าออกจากห้องทิศเหนือ นางรู้จักทาง จึงนำทางอยู่ข้างหน้า และเจาะจงเดินเส้นทางเล็กๆ ที่แอบซ่อนอยู่ เริ่มวิ่งไปทางคุกใหญ่
หลิงอวี้จื้อวิ่งจนหอบแฮก หวังว่าเซียวเหยี่ยนยังสบายดีอยู่ ขออย่าให้เจียงสือลงโทษทรมานเขาเลย
พวกเขาวิ่งไปตลอดทาง หากพบอุปสรรคระหว่างทาง มั่วชิงก็ลงมือฆ่าทันที วรยุทธ์ของนางไม่ต่ำต้อย ทหารยามธรรมดาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง หากมั่วชิงรับมือไม่ได้ หมาป่าผีก็จะเข้าไปช่วย
นับว่าหลิงอวี้จื้อได้พบเห็นความหาญกล้าและดุดันของหมาป่าผีแล้ว กัดทีเดียวก็คอขาด เกือบทั้งหมดถูกกัดตายภายในครั้งเดียว ฉากนองเลือดนั้นไม่ขอพรรณนา
มาถึงปากทางคุกใหญ่ มั่วชิงก็คุ้มกันอยู่ข้างกายหลิงอวี้จื้อ ฝูงมาลุยอยู่ด้านหน้า
เห็นฝูงหมาจู่ๆ ก็วิ่งออกมา ทหารยามก็ตกใจหน้าซีด คุกใหญ่ทั้งคุกเลือดไหลเป็นแม่น้ำ ซากแขนขาขาดเกลื่อนไปทั่ว สภาพจิตใจของหลิงอวี้จื้อยังนับว่าแข็งแกร่ง ภายนอกดูสงบนิ่ง ภายในท้องไส้ปั่นป่วน ได้แต่ฝืนอดทนไว้
ตอนที่ 347 ที่แท้เจ้าก็คือหลิงอวี้จื้อ
หลังจากการต่อสู้ ฝูงหมาป่าก็ตายไปสามตัว ทหารยามข้างในบาดเจ็บตายไปพอสมควรแล้ว มั่วชิงก็พาหลิงอวี้จื้อเดินไปถึงภายในห้องขังของเซียวเหยี่ยน
เมื่อหลิงอวี้จื้อมา เซียวเหยี่ยนก็ตกใจหน้าซีด ตลอดมาเขานึกว่าหลิงอวี้จื้อออกไปจากสำนักอู๋จี๋แล้ว นึกไม่ถึงว่านางยังอยู่ที่นี่
“คุณหนู อยู่ที่นี่นะเจ้าคะ ข้าจะไปหากุญแจ”
เฟิงอิ๋นเห็นฝูงหมาป่า สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที รีบผิวปาก เพียงแต่ฝูงหมาป่าไม่ฟังคำสั่งนาง นางตะโกนเรียกด้านหลังของมั่วชิง
“เจ้าเป็นใคร”
มั่วชิงไม่มีเวลามาสนใจเฟิงอิ๋น สนใจหากุญแจเท่านั้น
“อาเหยี่ยน ท่านไม่เป็นไรนะ!”
หลิงอวี้จื้อพินิจพิเคราะห์เซียวเหยี่ยนด้วยความกังวล อยากดูเสียหน่อยว่าเขาได้รับบาดเจ็บหรือไม่
“เหตุใดเจ้ายังอยู่ที่นี่”
เซียวเหยี่ยนนึกว่าหลิงอวี้จื้อออกไปจากสำนักอู๋จี๋แล้ว ตอนนี้เห็นหลิงอวี้จื้อยังอยู่ที่นี่ ในใจก็ร้อนรนอย่างยิ่ง ที่นี่ไม่ใช่ที่ๆ นางควรอยู่
“ข้าพบมู่หรงกวานเสวี่ยเข้า ดังนั้นจึงเป็นเช่นนี้ ท่านร้ายกาจเกินไปแล้ว รู้หรือไม่ว่าเกือบทำให้ข้าโกรธจนกระอักเลือด ตอนนี้ท่านไม่ต้องอธิบาย รอให้ออกไปได้ก่อนแล้วค่อยอธิบายข้าช้าๆ”
บทสนทนาของทั้งสองคนเข้าหูเฟิงอิ๋น นางรู้แล้วแน่นอนว่าหลิงอวี้จื้อเป็นใคร จึงยิ้มเยือกเย็นพูดว่า
“ที่แท้เจ้าก็คือหลิงอวี้จื้อ”
“เป็นข้าแล้วจะทำไม เป็นอย่างไร ข้าแสดงได้ไม่เลวใช่หรือไม่ ฝีมือการแสดงไม่แพ้ผู้ชายของข้า”
“พวกเจ้า…”
เฟิงอิ๋นโมโหจนพูดไม่ออก นางไม่นึกว่าจะถูกพวกเขาสองคนปั่นจนหัวหมุนโดยไม่รู้ตัว ตอนนี้นางแทบจะฆ่าหลิงอวี้จื้อเสียเดี๋ยวนั้น
หลิงอวี้จื้อเดินไปตรงหน้าเฟิงอิ๋น
“ผู้ชายก็มิได้ตายไปหมดทั้งโลกนี้แล้วสักหน่อย เจ้าก็รังแต่จะเกาะติดอาเหยี่ยน หากเขาชอบเจ้าก็แล้วไป เช่นนั้นข้าก็เป็นมือที่สาม ข้าถอยเอง
แต่เขาไม่เคยคิดเช่นนั้นกับเจ้าเลย ข้าเคยได้ยินแต่การบังคับให้ผู้หญิงแต่งงาน แต่ไม่เคยได้ยินการบังคับให้ผู้ชายแต่งงาน ยอมลดสถานะของตนเองมาดูแคลนตนเองเช่นนี้ ไม่รู้สึกผิดต่อตนเองบ้างหรือ”
เธอคิดจะด่าเฟิงอิ๋นฉอดๆ ตั้งนานแล้ว ก่อนหน้านี้ติดอยู่ที่สถานะตนเองพูดไม่ได้ ตอนนี้ไม่ต้องระวังเรื่องนั้นแล้ว ย่อมเอาเรื่องที่อยากพูดออกมาพูดทั้งหมด
“ร่างกายเจ้ายังไม่โตเต็มที่ เซียวเหยี่ยนเองจะชอบเจ้าไปถึงเมื่อใด แม่สาวน้อย เจ้าเข้าใจเรื่องผู้หญิงผู้ชายหรือไม่”
“เป็นห่วงว่าข้าจะไม่เข้าใจขนาดนี้ มิเช่นนั้นเจ้าจะสาธิตให้ข้าดูหรือไม่ หน้าข้าอาจจะเล็กไปสักหน่อย แต่ร่างกายของข้าดีกว่าเจ้า เจ้าแบนหน้าแบนหลัง ช่างเหมือนกับกระดานซักผ้าเสียจริง คาดว่าถูกผู้ชายเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก ยังจะมีหน้ามาว่าข้าอีก เสียทีที่มีคนนับหน้าถือตา”
“เจ้า…”
เฟิงอิ๋นนึกไม่ถึงว่าหลิงอวี้จื้อจะหน้าด้านเพียงนี้ ซ้ำยังปากคอเราะร้าย ตนเองพูดไม่ชนะหลิงอวี้จื้อ โมโหจนหน้าเขียวไปหมด นัยน์ตามีประกายเยือกเย็น อยากฆ่าคนเสียแล้ว
“ข้าจะแสดงแววตาอำมหิตให้เจ้าดูสักหน่อย”
หลิงอวี้จื้อพูดจบก็หุบยิ้ม เหลือบตาขึ้น ดวงตาเต็มไปด้วยความปรารถนาอยากฆ่า ถึงแม้ว่าความอำมหิตเช่นนี้จะไม่ค่อยเข้ากับใบหน้าอ่อนเยาว์ของเธอ แต่กลับให้ความรู้สึกน่ากลัว ทรงพลังอย่างยิ่ง
ตลกน่า เธอเคยแสดงเป็นไทเฮาที่ว่าราชการหลังม่านมาแล้ว เรื่องแค่นี้เล็กน้อย
จากนั้นเธอก็เผยรอยยิ้มกริ่มตาหยี ราวกับว่าเมื่อครู่เป็นเพียงภาพลวงตา
เซียวเหยี่ยนไม่ได้พูดอะไร แต่มองหลิงอวี้จื้อด้วยสีหน้าหลงใหล แววตาอ่อนโยนหยาดเยิ้มจนแทบละลายเป็นน้ำ
ตอนนี้เองมั่วชิงวิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ แสดงว่าเจอกุญแจแล้ว นางถือกุญแจกำลังจะไขให้เซียวเหยี่ยน
“ท่านอ๋อง พวกเราต้องรีบไปจากที่ให้เร็วที่สุดเพคะ การเคลื่อนไหวที่นี่ไม่นานก็รู้ไปถึงทหารยามคนอื่น ท่านพาคุณหนูไปก่อน”
เฟิงอิ๋นพินิจพิเคราะห์มั่วชิงอยู่ตลอด ถึงแม้ว่าตั้งแต่ต้นจนบัดนี้มั่วชิงจะไม่หันไปมองนางเลย ราวกับจงใจหลีกเลี่ยงเฟิงอิ๋น
“เจ้าคือมั่วชิงหรือ”
น้ำเสียงของเฟิงอิ๋นเหมือนจะมั่นใจ หมาป่าดำสำนักอู๋จี๋เป็นฝูงหมาป่าที่ถูกฝึกให้เชื่องมาโดยเฉพาะ การจำคนได้ ปกติจะใช้การผิวปากออกคำสั่ง คนที่เข้าใจเรื่องพวกนี้มีเพียงแค่ผู้คุมกฎไม่กี่คนกับเจ้าสำนัก