ตอนที่ 226 พวกเธอทำเรื่องเอง

ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง

ดึกมากแล้วเมื่อทั้งหมดกลับถึงบ้าน เซียวหงอี้บอกให้เซียวเจี่ยนกับถังซีไปนอน “พวกลูกต้องไปทำงานและไปโรงเรียนพรุ่งนี้ ไปนอนเถอะ พ่อจะดูแลแม่เอง”

 

 

ถังซีพยักหน้า พูดกันตามตรงเธอไม่สนิทกับเซียวหงอี้และครอบครัวมากพอที่จะเสียสละความเป็นส่วนตัวในความต้องการปัจจัยพื้นฐานเพื่อพวกเขา เธอมองหลินหรูแล้วกล่าวว่า “ตกลงค่ะ หนูจะไปนอนแล้ว อย่านอนดึกเกินไปนะคะพ่อ”

 

 

ถังซีตื่นขึ้นในเช้าวันต่อมาตามเวลาที่เคยชินเหมือนมีนาฬิกาปลุกส่วนตัว เธอลงไปเล่นโยคะที่สนามตามปกติ แต่เช้านี้เธอเคลื่อนไหวได้คล่องแคล่วขึ้น ไม่รู้สึกเส้นตึงอย่างที่เป็นในช่วงก่อนหน้านี้ หลังจากนั้นไม่นานคุณปู่เซียวก็เดินออกมา เมื่อเห็นถังซีเล่นโยคะอยู่ที่สนามหญ้าท่านก็เดินเข้าไปหาด้วยรอยยิ้ม “ทำไมไม่นอนต่ออีกสักหน่อยล่ะ เมื่อคืนนี้หนูกลับดึกมาก”

 

 

ถังซีหยุดชั่วครู่ “หนูเคยตื่นแต่เช้ามาออกกำลังกายเป็นประจำค่ะ”

 

 

ในขณะนั้นนั่นเองเซียวเจี่ยนก็เดินออกมาอย่างเร่งรีบ เมื่อเห็นคุณปู่เซียวเขาก็รีบหยุดทักทายท่านด้วยความเคารพ “คุณปู่ครับ”

 

 

รอยยิ้มบนใบหน้าคุณปู่เซียวจางหายไป เมื่อเห็นเซียวเจี่ยนในชุดสูท คุณปู่เซียวขมวดคิ้วหน้าเข้มเขม้นมองเขา “นี่หลานกำลังจะไปทำงานใช่ไหม”

 

 

เซียวเจี่ยนยิ้ม “โรงงานของเราที่เมือง W มีปัญหาครับ ผมต้องไปดูที่นั่น”

 

 

“เธอต้องไปเองแต่เช้าเลยหรือ รองประธานล่ะ ทำอะไรอยู่” คุณปู่เซียวกระแทกไม้เท้าลงกับพื้น ขณะมองหน้าเซียวเจี่ยน “นานๆ ปู่จะมาค้างที่นี่สักที จะไม่กินอาหารเช้ากับปู่ก่อนหรือ”

 

 

เซียวเจี่ยนมีท่าทางกระอักกระอ่วน มองหน้าถังซีเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ถังซียังคงเล่นโยคะต่อไป เขาจึงทำได้แค่ขยับเข้าไปใกล้คุณปู่เซียว แล้วกล่าวกับท่านเบาๆ ว่า “คุณปู่ครับ เกิดอุบัติเหตุขึ้นในโรงงานครับ จู่ๆ คนงานคนหนึ่งก็หายใจไม่ออกและเสียชีวิต หลังจากออกมาจากโรงงานหลังที่เขาทำงานอยู่ ผมจึงต้องไปที่นั่นด้วยตัวเอง”

 

 

คุณปู่เซียวขมวดคิ้ว ผงะก้าวถอยหลังแล้วถามว่า “ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้”

 

 

“ผมยังไม่แน่ใจว่าสาเหตุเกิดจากอะไรครับ ถึงต้องไปดูด้วยตัวเอง และเพื่อไปปลอบใจครอบครัวของคนตายด้วยครับ” เซียวเจี่ยนมองดูนาฬิกาข้อมือและกล่าวต่อไปว่า “คุณปู่ครับ ผมต้องขึ้นเครื่องบินเที่ยวเก้าโมงเช้า คนขับรถมารอรับแล้ว ผมไปก่อนนะครับ…”

 

 

“ไปเถอะ อย่าลืมดูแลครอบครัวคนงานให้ดีด้วยนะ” คุณปู่เซียวไม่ห้ามเขาอีกต่อไป

 

 

เซียวเจี่ยนมองไปทางถังซี “ขอโทษนะโหรวโหรว เธอเพิ่งมาอยู่วันแรก พี่ก็ไปส่งเธอที่โรงเรียนไม่ได้ซะแล้ว”

 

 

ถังซียิ้ม “งานมาก่อนค่ะ พี่ไปทำงานของพี่เถอะ” เธอได้ยินเรื่องที่เซียวเจี่ยนพูดกับคุณปู่เซียวเมื่อกี้หมดแล้ว เธอไม่เคยคิดมาก่อนว่าเซียวเจี่ยนจะเป็นท่านประธานที่มีศักยภาพเช่นนี้

 

 

หลังจากเซียวเจี่ยนไปแล้ว ถังซียังคงเล่นโยคะและคุยกับคุณปู่เซียว ก่อนจะไปทานอาหารเช้า หลังอาหารเธอได้ยินเสียงรถยนต์บีบแตรอยู่นอกบ้าน ถังซีรีบหยิบกระเป๋านักเรียนแล้วรีบออกไป พร้อมกับกล่าวลา “คุณปู่คะ หนูไปโรงเรียนก่อนนะคะ เจอกันเย็นนี้ค่ะ” ก่อนกล่าวจบเธอก็วิ่งออกจากบ้านไปแล้ว

 

 

เซียวหงอี้มองตามร่างลูกสาวที่วิ่งห่างออกไป แล้วเม้มริมฝีปาก “เธอมีความสุขเสมอ เมื่อได้เห็นอากับครอบครัวของอา”

 

 

คุณปู่เซียวส่งเสียงคำรามเบาๆ “ก็ใครล่ะ เป็นคนทำให้เป็นแบบนี้ พวกเธอทำเรื่องเอง จะโทษใคร”

 

 

เซียวหงอี้ไม่สามารถหาคำใดมาปฏิเสธ ได้แต่ก้มหน้าก้มตาทานอาหารเช้า “ผมไม่ได้โทษใครเลย ผมแค่พูดความจริง”

 

 

“ถ้าพวกเธอไม่อยุติธรรมกับลูกก่อน สถานการณ์ก็จะไม่เป็นแบบนี้ เพราะฉะนั้นเธอควรหุบปากเรื่องนี้ และระมัดระวังคำพูดด้วย!” คุณปู่เซียวซดข้าวต้มในถ้วย มองหน้าเซียวหงอี้ แล้วกล่าวต่อไป “และถ้าโหรวโหรวต้องการกลับไปหาครอบครัวหงลี่ เธอก็ต้องไม่ห้าม ไม่อย่างนั้นฉันจะหักขาเธอ!”

 

 

“คุณพ่อ!” เซียวหงอี้เงยหน้าขึ้นมองด้วยความตกใจ และกล่าวอย่างขุ่นเคือง “คุณพ่อเข้าข้างหงลี่ขนาดนี้ได้ยังไง! ผมก็เป็นลูกคุณพ่อเหมือนกัน! โหรวโหรวเป็นลูกสาวผม เธอก็ควรอยู่บ้านผมสิครับ!”

 

 

“เข้าข้างหรือ” คุณปู่เซียวคำรามใส่เขาอย่างแรง จ้องหน้าเซียวหงอี้ด้วยความโกรธ “ฉันเข้าข้างหงลี่เมื่อไหร่ ฉันเป็นคนบอกให้แกประกาศว่าโหรวโหรวเป็นเพียงลูกสาวบุญธรรมของแกอย่างนั้นหรือ ฉันขอให้แกรับยายหนูเป็นลูกสาว แต่แกปฏิเสธ และแทบรอไม่ไหวที่จะโยนเธอให้หงลี่ ตอนนี้โหรวโหรวกลายเป็นลูกสาวหงลี่ไปแล้ว และเธอก็จดจำไปแล้วว่าบ้านของเธอคือบ้านหงลี่ แล้วแกจะอยากให้เธอกลับมาได้ยังไง แกคิดว่าจะเป็นไปได้หรือ”

 

 

“คุณพ่อครับ! แต่โหรวโหรวกลับมาอยู่บ้านเราแล้ว ทำไมผมต้องส่งเธอกลับไปให้หงลี่ด้วยล่ะครับ” เซียวหงอี้กล่าวด้วยความโกรธ “แล้วอีกอย่างเราก็เป็นพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดเธอ เธอไม่ควรอยู่กับเราหรอกหรือครับ เราจะปฏิบัติต่อเธออย่างดีมากๆ!”

 

 

“แต่ยายหนูไม่ต้องการอยู่กับแก!” คุณปู่เซียวมองเขาด้วยความโกรธ กล่าวอย่างเย็นชา “ไม่ใช่เรื่องของเราที่จะมาพูดกันเรื่องนี้ ต้องขึ้นอยู่กับโหรวโหรว เธอมีสิทธิ์เลือกเองว่าจะอยู่ที่ไหน ไม่มีใครบังคับเธอได้ ไม่อย่างนั้นอย่ามาโทษฉัน ถ้าฉันใจร้าย”

 

 

เซียวหงอี้พูดไม่ออก ทำได้แค่ลดความมุ่งมั่นในความคิดลงและเปลี่ยนไปเรื่องใหม่ “แต่โหรวโหรวหมั้นไว้กับหลิวเฉิงอวี่แล้วนะครับ และเฉิงอวี่ก็ชอบเธอมาก เราปฏิเสธเรื่องนี้ไม่ได้ จริงไหมครับ”

 

 

“ฝันไปเถอะ!” คุณปู่เซียวผุดลุกขึ้นทันที และจ้องมองเซียวหงอี้ “แกใช้เซียวจิ้นหนิงไม่ได้แล้ว ตอนนี้ก็เลยหันมาใช้โหรวโหรวแทนอย่างนั้นหรือ ฉันจะบอกแกให้นะ ถ้าแกกล้าบังคับหรือสร้างความลำบากใจให้โหรวโหรว ไม่ว่าด้วยเหตุผลใดก็ตาม ฉันจะหักขาแกทั้งสองข้าง!”

 

 

เซียวหงอี้รู้สึกว่าเขาผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง “คุณพ่อ! เซียวโหรวเป็นลูกสาวผมนะครับ! ผมทำอย่างนี้ก็เพื่อเธอ! ถึงแม้เธอจะเป็นคุณหนูตระกูลเซียวของเรา แต่ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่าเธอใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านนอกมาตลอดยี่สิบสามปี นอกจากเฉิงอวี่แล้ว จะมีชายหนุ่มจากตระกูลร่ำรวยและมีอิทธิพลคนไหนยอมรับเธอ…

 

 

…ตอนนี้เธอยังเรียนหนังสืออยู่ก็จริง แต่ในอนาคตล่ะครับ” เซียวหงอี้กล่าวต่อไปอย่างไม่สนใจ “ผมจะวางแผนอนาคตให้เธอ!”

 

 

“ฉันเลี้ยงหลานสาวของฉันได้ ถ้าไม่มีใครอยากแต่งงานกับเธอ!” คุณปู่เซียวหันหลัง เดินเข้าไปในห้องนั่งเล่นพร้อมกับกล่าวอย่างจริงจัง “ฉันไม่อยากได้ยินแกพูดเรื่องนี้อีก!”

 

 

เซียวหงอี้ลุกขึ้นยืน มองตามหลังคุณปู่เซียวและขมวดคิ้วกล่าวอย่างเย็นชา “ทำไมคุณพ่อถึงได้คิดสั้นๆ แบบนี้!”

 

 

สำหรับตระกูลเซียวของเขา ตระกูลหลิวเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด! เซียวโหรวจะมีชีวิตที่สุขสบายหลังจากแต่งงานกับหลิวเฉิงอวี่!