ตอนที่ 217 ทำลายมือทั้งสองข้างของนาง 

 

 

 

 

 

รุ่งเช้าซูจิ่วซือจึงออกจากวัง นางกลัวว่ากู้เฉินหรงจะไปแล้ว ดังนั้นพอออกจากวังจึงไม่ได้กลับไปที่จวนอันผิงโหว แต่ไปจวนสกุลกู้ก่อน อยากเอาเชือกถักลายมงคลมอบให้กู้เฉินหรง 

 

 

ขณะที่กำลังเข้าไปในจวนสกุลกู้ นางยังไม่ทันไปหากู้เฉินหรง ซูเหมยก็เรียกนางไปหา 

 

 

ซูเหมยรู้ว่าหงเหลียนตายแล้ว เวลานี้ความโกรธแค้นในใจไม่มีที่ระบาย พอเห็นซูจิ่วซือมาหากู้เฉินหรง จึงไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือ 

 

 

ซูจิ่วซือตามสาวใช้จวนสกุลกู้เข้าไปในห้องของซูเหมย ซูเหมยนั่งเอนตัวบนเตียง ในห้องจุดกำยานสงบใจ มีสาวใช้นั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ นวดขมับให้ 

 

 

พอเห็นซูจิ่วซือเดินเข้ามา ซูเหมยให้สาวใช้ที่นวดขมับออกไป ลืมตาขึ้น จ้องมองซูจิ่วซืออย่างเย็นชา “ไม่เห็นองค์หญิงอันผิงไม่กี่วัน องค์หญิงไม่รู้จักทักทายท่านอาแล้วหรือ” 

 

 

“บางคนไม่คู่ควรเป็นอา ซูฮูหยินมีอะไรจะสั่งสอนหรือ” 

 

 

ในเมื่อฐานะของนางเวลานี้คือองค์หญิงอันผิง ไม่จำเป็นต้องเอาใจฮูหยินตราตั้งขั้นหนึ่ง ซูเหมยก็ทำอะไรนางไม่ได้ 

 

 

ซูเหมยลุกขึ้นนั่ง “ข้าประเมินฝีมือเจ้าต่ำไป กล้าใส่ร้ายกู้เฝิ่นไต้จนถูกกักบริเวณ เจ้าคิดจะเป็นศัตรูกับข้าหรือ” 

 

 

“เรื่องนี้ซูฮูหยินเข้าใจผิดมาตลอด กู้เฝิ่นไต้จงใจทำร้ายข้า ที่พระนางตกอยู่ในสภาพอย่างนี้เป็นเพราะกรรมที่ตนก่อไว้” 

 

 

ซูจิ่วซือสีหน้าราบเรียบ เวลานี้นางกับซูเหมยเป็นคู่ต่อสู้ที่มีกำลังเสมอกัน น้ำเสียงที่พูดกับซูเหมยจึงเปลี่ยนไปจากเดิม ไม่จำเป็นต้องนอบน้อม ไม่จำเป็นต้องเสแสร้งอีก 

 

 

สายตาของซูเหมยหยุดอยู่ที่นิ้วมือที่มีผ้าพันแผลของซูจิ่วซือ ดวงตาฉายแววอำมหิต เจ้าเด็กนี่ไม่เห็นนางอยู่ในสายตา นางต้องสั่งสอนให้หนัก ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง 

 

 

นางเป็นองค์หญิงอันผิงแล้วจะเป็นอย่างไร แม้ตนไม่อาจทำอะไรนางได้มากนัก แต่ทำให้มือสองข้างนั่นพิการได้ 

 

 

พอคิดได้อย่างนี้ ซูเหมยจึงพยักหน้าให้สาวใช้ที่อยู่ใกล้ๆ สาวใช้สองคนนี้เข้าใจความหมาย จึงเข้าไปจับซูจิ่วซือไว้ 

 

 

ขณะที่จื่อหลานกำลังจะพุ่งเข้าไปปกป้องซูจิ่วซือ เสียงซูเหมยก็ร้องสั่งขึ้น สาวใช้ที่เฝ้าอยู่ข้างนอกผลักประตูเข้ามา จับจื่อหลานไว้ 

 

 

“ซูฮูหยิน ทำอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร คุณหนูของข้าได้รับการแต่งตั้งจากไทเฮาให้เป็นองค์หญิง ถ้าฮูหยินบังอาจทำร้ายนาง ไทเฮาคงไม่ให้อภัยซูฮูหยินแน่” 

 

 

ซูเหมยยิ้ม “พอได้เป็นองค์หญิงก็เปลี่ยนไป แม้แต่คนใช้ใกล้ชิดก็พูดเสียงกระด้าง” 

 

 

พูดจบ ซูเหมยก็ลุกเดินมาอยู่หน้าซูจิ่วซือ ยังคงรักษากิริยาอ่อนโยนน่าใกล้ชิด “จิ่วซือ นิ้วมือเจ้ายังเจ็บอยู่ อาสะใภ้ไม่วางใจ ข้ามียารักษาแผลชั้นดี จะทาให้เจ้า!” 

 

 

พูดจบก็หยิบขวดลายเขียวออกมาจากลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้ง เดินเข้ามาหาซูจิ่วซือช้าๆ แล้วสั่ง “เข้ามา เอาผ้าพันแผลองค์หญิงออก ข้าจะทายาให้องค์หญิงเอง” 

 

 

ซูเหมยเน้นคำว่าทายาอย่างหนักแน่น นางจะทำให้มือคู่นี้พิการ พูดจบก็ปรายตามองซูจิ่วซือ ยิ้มที่มุมปาก สายตานั้นอำมหิต 

 

 

ซูจิ่วซือเข้าใจเจตนาของซูเหมยดี นิ้วมือของนางบาดเจ็บอยู่ก่อน พอถึงตอนนั้นซูเหมยก็พ้นจากข้อสงสัยทุกอย่าง ไม่มีใครจับผิดนางได้เลย 

 

 

สาวใช้สองคนกลัวว่าซูจิ่วซือจะดิ้น จึงจับซูจิ่วซือไว้แน่น 

 

 

พอได้ยินซูเหมยสั่ง แม่เฒ่าคนหนึ่งก็เข้ามา ดึงผ้าพันแผลที่มือของซูจิ่วซือออกอย่างรุนแรง ความเจ็บปวดที่แล่นเข้าไปถึงหัวใจทำให้ซูจิ่วซือขมวดคิ้ว 

 

 

ซูจิ่วซือขยับมือไม่ได้ แต่ขยับเท้าได้ พอเห็นซูเหมยเข้ามายืนข้างหน้า นางก็ยกเท้าขึ้น กระทืบหลังเท้าของซูเหมยอย่างแรง