ตอนที่ 1943

 

ผู้อาวุโสของนิกายเมฆาทะยาน นิกายห้าธาตุ นิกายหวนคืนปรโลกและนิกายเซียนเหินเวหาก็มาถึงเช่นกัน ในช่วงเวลานี้พวกเขาก็สังเกตเห็นเซียปิงที่อยู่กับบรรดาผู้อาวุโสของนิกายฟ้าดิน ทันใดนั้นก็มีสายตาเป็นประกาย รีบก้าวเข้ามาหาทันที

 

เพราะถึงอย่างไรบุคคลที่มีชื่อเสียงโด่งดัง สามารถเอาชนะลูกศิษย์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นในช่วงเวลาที่ผ่านไปไม่นานนี้ พวกเขาก็มีความสนใจในตัวเซี่ยปิงผู้นี้มาก

 

อย่าว่าแต่ฝ่ายตรงข้ามมีโอกาสที่จะพัฒนาเป็นเซนต์ในอนาคตเลย ต่อให้ตอนนี้เซี่ยงจะอยู่ในระดับกฎเทวรูปเพียงเท่านั้น ทว่ามันก็เพียงพอที่พวกเขาจะมองว่าเซียปิงมีสถานะที่อยู่ในระดับเดียวกับตนเอง เป็นผู้ที่ถือครองอํานาจที่ยิ่งใหญ่ไว้ในมือ

 

บุคคลเช่นนี้มีอนาคตที่สดใสอย่างแน่นอน ต่อให้จะไม่ประจบสอพลอ ก็จะต้องทําความรู้จัก ต่อให้จะกลายเป็นมิตรสหายไม่ได้ ก็จะกลายเป็นศัตรูไม่ได้อย่างแน่นอน

 

“จอมยุทธ์เซีย ช่างเป็นเด็กหนุ่มที่มีอนาคตก้าวไกลนัก”

 

“ข้าได้ยินเรื่องราวของเจ้ามามากมาย”

 

“การที่สามารถบรรลุพลังอํานาจในระดับนี้ทั้งๆที่ยังมีอายุน้อยนั้น ช่างเป็นเรื่องที่น่าอิจฉาเกินไป”

 

“ว่ากันว่าจอมยุทธ์เซียวางแผนที่จะเข้าร่วมกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้น ด้วยพลังอํานาจและพรสวรรค์ของจอมยุทธ์เซีย ต่อให้เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งการเริ่มต้นเอง ก็ยังคงถือว่าเป็นตัวตนในอันดับต้นๆ”

 

“หากนิกายของพวกเรามีลูกศิษย์ที่มีพรสวรรค์แม้เพียงเศษเสี้ยวของจอมยุทธ์เซี่ยล่ะก็ จากนั้น นิกายของพวกเราก็คงจะไม่ต้องกังวลเรื่องใดๆอีก”

 

ผู้อาวุโสหลายคนของนิกายเมฆาทะยาน นิกายห้าธาตุ นิกายหวนคืนปรโลกและนิกายเซียนเหินเวหาต่างก็เข้ามาทักทายเชียปิงอย่างอบอุ่น เอ่ยชมเชี่ยทิงอย่างไม่หยุดหย่อน

 

“สุภาพ พวกท่านช่างสุภาพเกินไป อันที่จริงข้าเป็นเพียงแค่คนธรรมดาเท่านั้น นอกจากพลังอํานาจที่อยู่ในจุดที่ไร้เทียมทาน ไม่มีใครที่สามารถเอาชนะได้ และรูปโฉมที่หล่อเหลาเจ้าเสน่ห์นั้น ข้าก็ไม่ได้มีดีอะไรอีก” เซียปิงก็พูดโอ้อวดอย่างได้ใจ

 

เมื่อได้ยินคําเหล่านี้ ผู้อาวุโสจํานวนมากก็กัดมุมปาก ทําไมก็ไม่รู้ จู่ๆพวกเขาก็มีความรู้สึกที่ต้องการจะอัดผู้คนอย่างปาเลื่อนขึ้นมา

 

ทว่าหลังจากแลกเปลี่ยนการทักทายกัน เชียปิงก็ไม่ได้มีความสนใจที่จะพูดคุยกับผู้อาวุโสเหล่านี้อีก เขามองไปที่ผู้อาวุโสของนิกายเมฆาทะยานคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้หญิงวัยกลางคนที่มีรูปร่างอวบอิ่มและถามออกไป “เหตุใดครั้งนี้ข้าจึงไม่เห็นศิษย์พี่เย่เพิ่งเหยา เธอไม่ได้เข้ามาดูแลการทดสอบนี้ด้วยรึ? หรือว่าจะตั้งครรภ์จึงต้องรักษาสุขภาพอยู่ภายในนิกาย?”

 

เขาก็พูดข้อสงสัยของตนเอง

 

“ตั้งครรภ์อะไรของเจ้า อย่าพูดจาไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้ ศิษย์น้องเยู่เป็นหญิงสาวบริสุทธิ์ที่ไร้มลทิน มีที่ไหนที่จะตั้งครรภ์ได้ อันที่จริงเจ้าไปได้ยินข่าวลือเช่นนี้มาจากไหนกัน?”

 

ผู้อาวุโสที่เป็นผู้หญิงวัยกลางคนคนนั้นก็โมโหขึ้นมา คิดว่าคําพูดเหล่านี้ของเซียปิงเป็นการพูดให้ชื่อเสียงของนิกายเมฆาทะยานต้องเสียหาย

 

“โอ้ ถ้าอย่างนั้นศิษย์พี่เยู่ติดธุระอื่นๆของทางนิกายหรือ?”

 

เซี่ยงก็เอ่ยถามอย่างสงสัย

 

“ไม่ได้ติดธุระของทางนิกาย ทว่ากําลังเตรียมตัวข้ามผ่านการลงทัณฑ์สายฟ้า”

 

ผู้อาวุโสผู้หญิงคนนั้นก็พูดออกมาอย่างภาคภูมิใจ

 

“ข้ามผ่านการลงทัณฑ์สายฟ้า? ไม่มีทาง จอมยุทธ์เย่เพิ่งเหยาเลื่อนขั้นขึ้นไปถึงระดับลงทัณฑ์สายฟ้าแล้วรึ?” ผู้อาวุโสของนิกายห้าธาตุที่ได้ยินเช่นนี้ เขาก็ไม่กล้าที่จะเชื่อหูของตนเอง

 

“นี่เป็นเรื่องที่ไม่สามารถคาดฝันจริงๆ เธอบ่มเพาะมาได้เพียงแค่ไม่กี่ร้อยปี ไม่คาดคิดว่าจะเลื่อนขั้นขึ้นไปถึงระดับลงทัณฑ์สายฟ้าแล้ว เหตุใดจึงรวดเร็วเช่นนี้?” ผู้อาวุโสของนิกายหวนคืนปรโลกก็รู้สึกหดหูอย่างถึงที่สุด เขาบ่มเพาะมาเป็นระยะเวลากว่าหลายพันปีแล้ว ทว่าก็ยังคงติดอยู่ในระดับกฏเทวรูปขั้นเริ่มต้น

 

ทว่าอีกฝ่ายที่เป็นผู้หญิงที่มีอายุเพียงแค่ไม่กี่ร้อยปีกลับเลื่อนขั้นขึ้นไปในระดับลงทัณฑ์สายฟ้าได้แล้ว เริ่มที่จะข้ามผ่านการลงทัณฑ์สายฟ้า เหตุใดความแตกต่างระหว่างผู้คนถึงได้มากมายเช่น

 

“ก่อนหน้านี้ข้าก็คิดว่าจอมยุทธ์เยเมิ่งเหยาเป็นอัจฉริยะที่พันปีมีครั้งเดียว มีความเป็นไปได้สูงที่จะพัฒนาไปถึงระดับเซนต์ ทว่าก็ไม่คาดคิดว่าเธอจะบรรลุถึงระดับนี้ได้อย่างรวดเร็วยิ่งนัก ช่างร้ายกาจเกินไป” ผู้อาวุโสของนิกายเซียนเหินเวหาก็กล่าวออกมาด้วยอารมณ์ที่ล้นหลาม

 

ผู้บ่มเพาะที่อยู่ในรุ่นเดียวกันนั้น ไม่มีใครที่จะสามารถเทียบกับเย่เพิ่งเหยาได้เลย เขาก็รู้สึกว่าตนเองคาดหวังกับลูกศิษย์ในนิกายมากเกินไป

 

ตอนนี้นิกายของเขาด้อยกว่านิกายเมฆาทะยานอย่างสิ้นเชิง

 

“เอาล่ะ เอาล่ะ ศิษย์น้องเยก็เพียรพยายามอย่างหนักเช่นกัน อุทิศตนฝึกฝนอยู่ภายในนิกาย ไม่อย่างนั้นมีที่ไหนที่จะบรรลุผลสําเร็จอย่างในทุกวันนี้ได้” เมื่อได้ยินคําเอ่ยชมเหล่านี้ ผู้อาวุโสผู้หญิงคนนั้นก็รู้สึกสบายใจอย่างถึงที่สุด

 

“เอาล่ะ เลิกพูดคุยกันได้แล้ว ถึงเวลาเปิดช่องทางไปสู่โลกอบิส เริ่มการทดสอบของลูกศิษย์หน้าใหม่อย่างเป็นทางการ” ผู้อาวุโสของนิกายฟ้าดินก็กล่าวถึงเรื่องทางการทันที “ทว่าครั้งนี้การทดสอบจะแตกต่างไปจากครั้งก่อนๆ”

 

“โอ้ แตกต่างอย่างไร?”

 

เชี่ยบังเอ่ยถาม

 

“ครั้งก่อนที่เจ้าเข้าร่วมการทดสอบและผชิญกับการโจมตีของพวกเดม่อน ไม่คาดคิดว่ากลุ่มพวกเดม่อนจะใช้ค่ายกลบดบังการสัมผัสของรายการสวรรค์บัญชา หากครั้งนั้นโชคไม่ดีล่ะก็ บางทีลูกศิษย์หน้าใหม่อาจจะถูกสังหารไปจนหมด เรื่องเช่นนี้ไม่สามารถปล่อยให้เกิดขึ้นอีกครั้งได้”

 

ผู้อาวุโสของนิกายฟ้าดินก็พูดออกมาอย่างจริงจัง

 

ผู้อาวุโสของนิกายเมฆาทะยาน นิกายห้าธาตุ นิกายหวนคืนปรโลกและนิกายเซียนเหินเวห าก็พยักหน้าเช่นกัน สําหรับพวกเขา ลูกศิษย์หน้าใหม่แต่ละคนถือว่าเป็นความหวังในอนาคตของ นิกาย

 

ถึงแม้ว่าพวกเขาต้องการให้บรรดาลูกศิษย์เผชิญกับการทดสอบที่โหดหิน ทําให้ลูกศิษย์หน้าใหม่เหล่านี้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ทว่าพวกเขาก็ไม่ต้องการให้ถูกพวกเดม่อนสังหารไปก่อนที่จะได้เติบโต ตายไปตั้งแต่อายุยังน้อย

 

ซึ่งนั่นจะไม่ใช่เป็นการทดสอบ แต่จะเป็นการเข้าไปตายเท่านั้น

“แล้วพวกเราจะป้องกันเรื่องนี้อย่างไร?”

 

เซี่ยงสงสัยในจุดๆนี้

 

“ง่ายมาก นิกายฟ้าดินของพวกเรา นิกายเมฆาทะยาน นิกายห้าธาตุ นิกายหวนคืนปรโลก และนิกายเซียนเหินเวหา แต่ละนิกายจะส่งผู้อาวุโสเข้าไปในโลกอบิสเช่นกัน ทําหน้าที่เป็นผู้เฝ้าสังเกตการณ์”

 

ผู้อาวุโสของนิกายฟ้าดินพูดออกมาอย่างเคร่งขรึม “ในกรณีนี้ ต่อให้พวกเดม่อนจะมีแผนการสมคบคิดหรือแผนการชั่วร้ายใดๆอีก บดบังการสัมผัสของรายการสวรรค์บัญชาการที่มีผู้เฝ้าสัง เกตการณ์อยู่ข้างในนั้น พวกเราก็จะค้นพบความผิดปกติได้ในทันที จะไม่เกิดเรื่องเหมือนครั้งก่อนอีกแล้ว”

 

“เป็นอย่างนี้นี่เอง”

 

เซี่ยงก็พยักหน้า การที่ส่งผู้อาวุโสห้าคนเข้าไปเฝ้าสังเกตการณ์การทดสอบนี้อยู่ตลอดเวลา นี่ก็เป็นวิธีการที่ดีจริงๆ สามารถที่จะหลีกเลี่ยงอันตรายที่ไม่คาดฝันได้

 

“ศิษย์น้องเซี่ย ครั้งนี้เจ้าจะเป็นตัวแทนของนิกายฟ้าดินในการเข้าไปในโลกอบิส มีหน้าที่รับผิดชอบในการควบคุมดูแลการทดสอบจากข้างใน” ผู้อาวุโสของนิกายฟ้าดินก็ได้มอบหมายหน้าที่ให้กับเซียปิง

 

ผู้อาวุโสคนอื่นๆของนิกายฟ้าดินก็รู้สึกผ่อนคลายในทันที นี่เป็นหน้าที่ที่ตึงมือทีเดียว เพราะถึงอย่างไรการที่อาศัยอยู่ในโลกอบิสไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีนัก จะต้องเผชิญกับการกัดกร่อนของพลังฉีเดม่อนอยู่ตลอดเวลา

 

นี่ก็เป็นเหมือนกับการที่สิ่งมีชีวิตทั่วๆไปเข้าไปในเขตกัมมันตภาพรังสี ซึ่งเป็นเขตมลพิษและจะรู้สึกอึดอัดอยู่ตลอดเวลา

 

ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังต้องอาศัยอยู่ภายในนั้นถึงหนึ่งเดือนเต็มๆ

 

“ไม่มีปัญหา”

 

เซี่ยปิงเต็มใจรับหน้าที่นี้ ต่อให้ครั้งนี้เขาจะไม่ได้รับมอบหมายให้เข้าไปในโลกอบิส เขาก็ยังต้องหาทางอื่นเข้าไปอยู่ดี

 

เพราะสําหรับคนธรรมดา โลกอบิสอาจจะเป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยอันตราย ทว่าสําหรับเขาที่มีสายเลือดอีกานรกทองคําอยู่นั้น นี่เป็นเหมือนกับสวนหลังบ้านก็ว่าได้

 

หากสามารถสังหารเดม่อนในจํานวนมหาศาลได้ ไม่ใช่แค่จะสามารถเก็บเกี่ยวพลังงานวิญญาณของเดม่อนมาได้ ทว่าก็จะสามารถครอบครองแก่นแท้เลือดเนื้อของเดม่อนมาได้เช่นกัน

 

สิ่งที่สําคัญที่สุดก็คือเขาจะสามารถใช้โอกาสนี้ในการปลุกเซลล์อีกานรกทองคําของตนเองขึ้นมาถึงหนึ่งร้อยล้านเซลล์และใช้โอกาสนี้ในการเผชิญกับการลงทัณฑ์แห่งสวรรค์ในโลกอนิสแห่งนั้น

 

“รับยันต์นี่ไป”

 

ผู้อาวุโสของนิกายฟ้าดินก็มอบยันต์สีทองให้กับเซียปิง “หากเกิดเหตุวิกฤตใดๆ เจ้าสามารถฉีกยันต์นี้ได้โดยตรงและมันจะเทเลพอรต์เจ้าออกมาจากโลกอบิสในทันที”

 

“ทว่าหากสถานการณ์ปกติดีทุกอย่าง ก็รอให้การทดสอบสิ้นสุดลงก่อน เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าก็จะสามารถออกมาจากข้างในได้ นี่เป็นสิ่งที่สําคัญอย่างมาก อย่าทํามันหายเด็ดขาด”

 

“เข้าใจแล้ว”

 

เซี่ยงก็รับยันต์สีทองนี้มาจากผู้อาวุโสทันที

 

นิกายอื่นๆก็ทําการเลือกบรรดาผู้สังเกตการณ์ที่จะเข้าไปในโลกอบิสเช่นกัน

 

หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง การทดสอบของลูกศิษย์หน้าใหม่ก็ได้เริ่มต้นขึ้น สิ่งประดิษฐ์เซนต์ -รายการสวรรค์บัญชาก็ปรากฏขึ้นมา จากนั้นก็เปิดช่องทางไปสู่โลกอบิสในทันที

 

ลูกศิษย์จํานวนนับไม่ถ้วนก็ไม่รอช้าและบินมุ่งหน้ากันเข้าไปอย่างรวดเร็ว