ตอนที่ 1944

 

ณ โลกอบิส

 

ในตอนนี้ เซี่ยปังรวมถึงบรรดาผู้อาวุโสของนิกายเมฆาทะยาน นิกายห้าธาตุ นิกายหวนคืนปร โลกและนิกายเซียนเหินเวหาต่างก็เข้ามาภายในโลกอบิส ก้าวเข้ามาสู่ดินแดนของพวกเดม่อน

 

ทว่าเวลานี้ ลูกศิษย์จํานวนนับไม่ถ้วนของนิกายทั้งห้าที่เข้าร่วมการทดสอบก็ได้เข้ามากันครบแล้วเช่นกัน บรรดาผู้อาวุโสกําลังยืนตระหง่านอยู่บนอากาศ เฝ้าสังเกตการณ์ลูกศิษย์ที่อยู่รอบๆคุ้มกันไม่ให้เกิดเหตุอันตรายใดๆกับพวกเขาได้

 

“ช่างเป็นโลกที่น่าขยะแขยงจริงๆ”

 

ผู้อาวุโสของนิกายเมฆาทะยานก็เอ่ยออกมาด้วยอารมณ์ที่ล้นหลาม เขาค้นพบว่ารอบๆเต็มเปี่ยมไปด้วยออร่าของอบิสที่เข้มข้น

 

– หากตนเองไม่ไหลเวียนพลังเวทมนตร์ออกมาและก่อตัวกลายเป็นชั้นป้องกันรอบๆร่างกาย เพื่อแยกออร่าของอบิสออกไปนั้น บางทีเขาก็อาจจะคลุ้มคลั่งขึ้นมาและเปลี่ยนกลายเป็นเดม่อนภายในระยะเวลาอันสั้น

 

นอกจากนี้ สถานที่แห่งนี้ก็มีเพียงความรกร้างว่างเปล่า มืดมิดไร้แสงสว่าง เต็มเปี่ยมไปด้วยออร่าของความมืดมิด ความกระหายเลือดและการฆ่าฟัน ราวกับมีอันตรายอยู่รอบด้าน ทําให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา

 

โดยเฉพาะสถานที่ที่มืดเปลี่ยวนั้นก็มีเป็นจํานวนมาก ไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่ข้างใน ไม่มีใครรู้ว่าจะมีสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัวใดกระโจนออกมาจากสถานที่ที่มืดเปลี่ยวเหล่านั้นหรือไม่

 

ทว่าเหนือท้องฟ้าของทวีปเดม่อนแห่งนี้ เหมือนจะไม่มีตัวตนของเดม่อนอรุณแสงอยู่ ส่งผลให้ทวีปเดม่อนแห่งนี้มีดมิดยิ่งกว่าทวีปเดม่อนที่เซี่ยปิงเคยเข้าไปก่อนหน้านี้ พลังฉีเดม่อนก็เข้มข้นกว่ามากเช่นกัน

 

“โชคดีที่ต้องอยู่ที่นี่เพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น หากอยู่ที่นี่เป็นระยะเวลาถึงสามเดือนล่ะก็ ข้าคิดว่าข้าคงจะทนไม่ได้” ผู้อาวุโสของนิกายเซียนเหินเวหาก็มีความรู้สึกที่คล้ายคลึงกัน นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เหมาะแก่การอยู่อาศัยของมนุษย์เลย

 

ทว่าเซียปิงกลับแตกต่างออกไป เขาคิดว่าการเข้ามาในโลกอบิส เป็นการกลับมาสู่บ้านของตนเองก็ว่าได้ ราวกับเป็นปลาที่ได้น้ํา มีโชคลาภให้ไขว่คว้ามากมาย

 

เขารู้สึกว่าเพียงแค่ตนเองไหลเวียนทักษะบ่มเพาะออกมา ร่างกายของเขาก็จะกลายเหมือนกับหลุมวน พลังฉีเดม่อนในพื้นที่หลายพันกิโลเมตรก็จะถูกดูดเข้ามาในร่างกายของเขาและแปรเปลี่ยนกลายเป็นพลังเวทมนตร์ให้กับตนเอง

 

ทว่าการกระทําเช่นนี้ก็จะเป็นการดึงดูดความสนใจมากเกินไป เพราะถึงอย่างไรหากผู้อาวุโสเหล่านี้ค้นพบขึ้นมา ความลับบางอย่างของเขาอาจจะถูกเปิดเผยออกไปได้ ดังนั้นเขาจึงต้องอดทนข่มใจไว้ชั่วคราว

 

เมื่อคิดได้แบบนี้ เซี่ยปิงก็เริ่มเอ่ยขึ้นมา “ท่านผู้อาวุโสทั้งหลาย ข้าต้องการที่จะออกไปสํารวจดูรอบๆทวีปเดม่อนแห่งนี้”

 

“จอมยุทธ์เซีย ที่นี่คือโลกอบิส มีเดม่อนที่ทรงอํานาจอยู่ในทุกหนแห่ง เป็นสํานักงานใหญ่ของพวกเดม่อน หากเดินเตร็ดเตร่ออกไป อาจจะเผชิญกับอันตรายที่ยิ่งใหญ่ได้”

 

ผู้อาวุโสของนิกายห้าธาตุก็เอ่ยย้ําเตือนขึ้นมา

 

“ใช่ ข้าคิดว่าไม่ควรที่จะเดินทางออกไปไหนลําพัง ถึงอย่างไรเดม่อนเหล่านี้ก็ไม่ได้เป็นตัวตนที่อ่อนโยน หากยั่วยุเดม่อนเหล่านี้ขึ้นมา บางที่อาจจะเกิดปัญหาตามมามากมาย” ผู้อาวุโสของนิกายหวนคืนปรโลกก็คิดว่าสถานที่แห่งนี้อันตรายอย่างถึงที่สุด ด้วยพลังอํานาจของพวกเขา มันไม่เหมาะนักที่จะเดินทางสํารวจไปรอบๆ อาจจะเป็นการรนหาที่ตายได้

 

“ไม่ต้องห่วง ข้าจะระมัดระวังตัวเป็นอย่างดี”

 

เซียปิงกวักมือ จากนั้นร่างของเขาก็กะพริบหายไป ไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่มเติม หายวับไปกับตา เขาก็มีแผนการของตนเองอยู่จะมัวมาเสียเวลาอยู่ที่นี่ไม่ได้

 

“จอมยุทธ์เซี่ย!”

 

“เหตุใดจึงทําอะไรบู่วามยิ่งนัก? เขาไม่รู้หรือว่าที่นี่คือโลกอบิส ไม่สามารถที่จะเตร็ดเตร่ไปทั่วได้?”

 

“บางที่จอมยุทธ์เซียอาจจะมีแผนการบางอย่างอยู่”

 

“ลืมมันไปเถอะ นี่ก็เป็นการตัดสินใจของจอมยุทธ์เซีย พวกเราไม่สามารถขัดขวางได้ ยิ่งไปกว่านั้นด้วยพลังอํานาจของจอมยุทธ์เซีย รวมกับยันต์สีทองที่เพิ่งได้รับมานั้น เขาก็สามารถหลบหนีออกไปได้ทุกเมื่อ จะไม่เผชิญกับอันตรายใดๆที่ถึงแก่ชีวิต”

 

“อืม เป็นจริงอย่างที่ว่า พวกเราก็สังเกตการณ์อยู่ในบริเวณนี้ก็พอ ไม่จําเป็นที่จะต้องตามไป”

 

ผู้อาวุโสหลายคนก็จ้องมองอย่างวอกแวก ไม่คาดคิดว่าเซี่ยปิงจะหายไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ทว่าพวกเขาก็ไม่มีพลังอํานาจที่จะขัดขวางเซี่ยทิ้งไว้ ยิ่งไปกว่านั้นฝ่ายตรงข้ามก็เป็นคนของนิกายฟ้าดิน พวกเขาไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะห้ามได้

 

หลังจากที่พวกเขาพูดคุยกันครู่หนึ่ง พวกเขาก็นั่งขัดสมาธิอยู่บนอากาศและสังเกตสถานการณ์โดยรอบ ไร้การเคลื่อนไหวราวกับเป็นรูปปั้นก็ว่าได้

 

หลายชั่วโมงต่อมา

 

เซี่ยปิงก็มุ่งหน้าเข้ามาสู่ส่วนลึกของทวีปเดม่อนแห่งนี้ เขาก็สัมผัสได้ว่ายิ่งตนเองเข้ามาลึกเพียงใด พลังฉีเดม่อนก็ยิ่งอุดมสมบูรณ์มากเท่านั้น อย่างน้อยพลังฉีเดม่อนในบริเวณนี้ก็มากกว่าบริเวณรอบนอกถึงหลายเท่า

 

ต่อให้เป็นยอดฝีมือในระดับกฎเทวรูปที่เข้ามาในส่วนลึกของทวีปเดม่อน บางทีก็อาจจะรู้สึกว่าพลังเวทมนตร์ของตนเองถูกกัดกร่อนโดยพลังฉีเดม่อนเหล่านี้

 

แน่นอนว่านี่สําหรับเซียปิงไม่ใช่เรื่องที่ต้องคํานึงถึง เขาเพียงแคไหลเวียนทักษะการบ่มเพาะของตนเองออกมา พลังฉีเดม่อนปริมาณมหาศาลก็จะหลั่งไหลเข้ามาในร่างกายของเขาอย่างรวดเร็วและถูกกลั่นกรองกลายเป็นพลังงานที่บริสุทธิ์ภายในระยะเวลาอันสั้น

 

“แปลกจริงๆ เหตุใดข้าถึงไม่พบเจอเดม่อนที่แข็งแกร่งในระหว่างทางเลย?”

 

เซี่ยปิงก็หรี่ตาลง เขาค้นพบว่านี่เป็นสถานการณ์ที่แปลกพิลึกอย่างมาก ต่อให้ทวีปเดม่อนแห่งนี้จะมีพื้นที่กว้างใหญ่จริงๆ ทว่ามันก็ต้องมีเดม่อนที่แข็งแกร่งอยู่ตามแต่ละจุดถึงจะถูก

 

ทว่าในตอนนี้ การที่บินมาเป็นระยะเวลากว่าหลายชั่วโมง เขากลับไม่ค้นพบแม้แต่เดม่อนในระดับกฏเทวรูปด้วยซ้ํา เหมือนกับว่าพวกมันจะหายไปจากดินแดนแห่งนี้ก็ว่าได้

 

เขาก็ยิ่งรู้สึกสงสัยว่าอาจจะเกิดเรื่องผิดปกติบางอย่างขึ้นในทวีปเดม่อนแห่งนี้

 

“หืมม? ข้างหน้ามีบางอย่างผิดปกติ”

 

จิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ของเซี่ยงก็แผ่กระจายออกไปอย่างต่อเนื่อง สิบล้านกิโลเมตร หนึ่งร้อยล้านกิโลเมตร หนึ่งพันล้านกิโลเมตร หนึ่งหมื่นล้านกิโลเมตร ในที่สุดเขาก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติของหุบเขาขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างหน้า เหมือนกับว่าจะมีออร่าของเดม่อนจํานวนนับไม่ถ้วนที่iวมตัวกันอยู่

 

ยิ่งไปกว่านั้นเดม่อนแต่ละตัวก็ทรงอํานาจอย่างมาก อย่างน้อยก็อยู่ในระดับกฏเทวรูปเดม่อน ในระดับลงทัณฑ์สายฟ้าก็มีเป็นจํานวนมาก ราวกับเป็นการระดมพลของขุนพลในกองทัพ ยอดฝีมือทั้งหมดต่างก็รวมอยู่ที่นี่

 

“นี่มันเรื่องอะไรกัน? เดม่อนเหล่านี้กําลังรวมตัวกันเพื่อประชุมอะไรบางอย่างงั้นรึ?”

 

เซี่ยปิงก็เอามือเท้าคาง โดยปกติแล้วเดม่อนเหล่านี้จะมีความเลือดเย็นตามธรรมชาติ พวกมันสามารถกลืนกินกันและกันเพื่อเสริมสร้างพลังอํานาจของตนเองได้ ดังนั้นพวกมันจึงเป็นปรปักษ์ต่อกัน เมื่อพบเจอก็จะต่อสู้จนตายกันไปข้างหนึ่ง

 

ทว่าการที่พวกมันรวมตัวกันเพื่อประชุมเช่นนี้ เป็นเรื่องที่หาได้ยากมาก มีเพียงแค่การที่ราชันเดม่อนหรือว่าเซนต์เดม่อนที่ถ่ายทอดคําสั่งมา กลุ่มของเดม่อนเหล่านี้จึงจะเต็มใจรวมตัวด้วยกัน

 

เพราะพวกมันเชื่อมั่นในกฎแห่งผืนปา จะเชื่อฟังเพียงแค่คําสั่งของยอดฝีมือที่แท้จริงเท่านั้น

 

“จะต้องเข้าไปดู”

 

เชี่ยปิงก็แสดงย่างก้าวหยานเปยออกมา ร่างกายของเขาเปลี่ยนกลายเป็นเหมือนกับอสูรหยานเปย มีปีกงอกขึ้นมาจากแผ่นหลัง จากนั้นก็บินมุ่งหน้าไปสู่หุบเขาแห่งนั้นอย่างรวดเร็ว มีความเร็วที่รวดเร็วอย่างสุดขีด

 

ทว่าก่อนที่จะไปถึงหุบเขา เขาได้ใช้หน้ากากไร้ตัวตนเพื่อเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตนเองให้เป็นเดม่อนเขามังกร ร่างกายก็แผ่ออร่าของเดม่อนในระดับกฏเทวรูปขั้นกลางออกมา

 

เพราะถึงอย่างไรหากบินออกไปอย่างไม่แยแสสิ่งใดด้วยออร่าของมนุษย์เช่นนี้ เขาก็จะไม่สามารถอําพรางตนเองได้ นี่จะส่งผลเสียในการสืบสวนหาข้อมูลของเขา

 

วิซ!

 

ภายในระยะเวลาอันสั้น เซี่ยปิงก็ลอยลงเหยียบข้างหน้าหุบเขาแห่งนี้

 

เห็นเพียงแค่ว่ามีทหารเดม่อนที่แข็งแกร่งจํานวนหนึ่งที่กําลังคุ้มกันอยู่ข้างหน้าหุบเขาแห่งนี้ มีการคุ้มกันที่แน่นหนา มีออร่าของเดม่อนที่ทรงอํานาจแผ่ออกมา

 

“ท่านเดม่อนเขามังกร”

 

เมื่อเห็นเชียปิงปรากฏตัวขึ้นมา ทหารเดม่อนจํานวนมากก็แสดงความเคารพนับถือในทันที เพราะในบรรดาสายพันธุ์เดม่อนนั้น เดม่อนเขามังกรถือว่าเป็นสายพันธุ์ในระดับสูงและมีความแข็งแกร่งโดยกําเนิด

 

“อืม นี่ข้ามาสายไปรึ?”

 

เชี่ยปิงก็พูดอย่างตีเนียนออกไปพร้อมกับเผยสีหน้าที่เคร่งขรึม

 

“ไม่เลยท่าน การประชุมกําลังจะเริ่มต้นขึ้น ท่านมาถูกเวลาพอดี”

 

ทหารเดม่อนตัวนั้นก็เอ่ยอย่างประจบสอพลอ

“ดีมาก นําทางข้าเข้าไป

 

เซี่ยปิงก็พูดออกไปโดยตรง เสแสร้งทําเป็นว่าตนเองคือบุคคลที่มีสถานะสูงส่ง เพราะหากเขาเดินเข้าไปเองและไม่สามารถหาตําแหน่งที่นั่งของตนเองได้ จากนั้นมันก็อาจจะก่อให้เกิดความน่าสงสัยก็เป็นได้

 

ทว่าหากให้ทหารเดม่อนตัวนี้นําทางไป จากนั้นมันก็จะปลอดภัยอย่างแน่นอน

 

“ท่านเดม่อนเขามังกร เชิญตามข้ามา”

 

ทหารเดม่อนตัวนั้นก็ไม่ได้นึกสงสัยแม้แต่น้อย มันนําทางเชี่ยปิงเข้าไปข้างในทันที เพราะท้ายที่สุดแล้ว ใครกันที่จะคาดการณ์ได้ว่าจะมีมนุษย์ที่แอบปลอมตัวเป็นเดม่อนเพื่อแฝงตัวเข้ามา