ตอนที่ 560 - ไม่ซึ้งใจในผลงาน

โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ【之全能大師 】

Ep.560 – ไม่ซึ้งใจในผลงาน

ท่าทีของฉินเฟิงยังดูสงบ สีหน้าของเขาแทบไม่เกิดการเปลี่ยนแปลง

“ถึงจ้าวพรมแดนซางต้องการแบบนั้น แต่เกรงว่าผมคงทำให้ท่านจ้าวพรมแดนต้องผิดหวังแล้ว”

“เฮ้อ เอาเถอะ ฉันเข้าใจ!” ซางฮันก็ดูเหมือนจะไม่ประหลาดใจสำหรับคำตอบ

ฉินเฟิงไม่มัวเสียเวลาถกปัญหานี้ ดังนั้นเบี่ยงประเด็น ยกเรื่องใหม่ขึ้นกล่าว “กลับมาครั้งนี้ ผมได้รับเทคโนโลยีใหม่ๆบางชิ้นมาจากต่างมิติ แต่อาศัยกำลังของผมเพียงลำพัง ในปัจจุบันไม่มากพอที่จะวิเคราะห์และศึกษามันทั้งหมด ฉะนั้น ผมเลยอยากยื่นข้อเสนอให้เราร่วมมือกัน”

ซางฮันพอได้ฟัง บังเกิดความสุขล้น เพราะนี่เองก็เป็นข่าวที่เธออยากได้ยินจากฉินเฟิง

ฉินเฟิงมอบสิทธิพิเศษนี้ให้แก่ซางฮัน ยื่นข้อเสนอร่วมมือด้วยตนเอง ขณะที่คนอื่นๆ หากคิดร่วมมือ จะต้องได้รับอนุญาตจากเขาเสียก่อน

ซางฮันไม่ตื่นเต้นจนเกินควร สวนกลับมาว่า “คุณอยู่ในต่างมิติตั้งนาน คิดว่าคงได้รับสมบัติมามากมาย ถ้าขุมกำลังจากเมืองหลวงมังกรอยากเสนอความร่วมมือกับคุณ ฉันแนะนำให้คุณเก็บพวกเขาไว้เป็นตัวเลือกด้วยจะดีมาก”

ฉินเฟิงพยักหน้าว่าเข้าใจ

ทั้งสองแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอีกเล็กๆน้อยๆ ก่อนวางสารสนทนาไป

หลังจากนั้น แทบจะในทันที นอกประตูห้องของฉินเฟิง เกิดเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา และตามมาติดๆด้วยเสียงเคาะประตู

ไป๋หลีเป็นคนเดินไปเปิดให้ และพบว่าผู้มาเยือนคือโจวฮ่าวกับจิ่นเฟย

“เฟิงเพื่อนยาก โชคดีจริงๆที่นายไม่เป็นอะไร!” โจวฮ่าวสำรวจฉินเฟิงขึ้นๆลงๆ เมื่อพบว่าไม่บาดเจ็บอะไรก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ไม่นาน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปท่าทีการพูดจากลายเป็นจริงจัง “ไม่เจอกันแค่ไม่กี่วัน แต่เหมือนนายจะยกระดับได้อีกแล้ว”

ฉินเฟิงตบไหล่โจวฮ่าวและกล่าว “นายก็ไม่เลวเหมือนกัน ไม่เจอแปปเดียวยกระดับขึ้นเป็นเลเวล D1 แล้ว”

ภายในะระยะเวลาครึ่งเดือนหลังก้าวขึ้นสู่เลเวล D แต่สามารถยกระดับได้ 1 ขั้น ถือว่ารวดเร็วมาก

“จิ่นเฟย นายเองก็ไม่เลวเลย”

ฉินเฟิงกวาดตาสำรวจคราหนึ่ง คาดว่าหลังจากทราบข่าว ทั้งสองคนก็รีบมาหาฉินเฟิงทันที

“ประธาน โชคดีจริงๆที่ท่านบรรลุภารกิจและกลับมาอย่างปลอดภัย” จิ่นเฟยกล่าว

ฉินเฟิงยิ้ม ก่อนหน้านี้เขาก็เคยเอ่ยคล้ายๆกันกับผู้พิทักษ์หอคอย แต่ฉินเฟิงรู้ดี ว่าจิ่นเฟยไม่ได้เสแสร้ง แต่กล่าวจากใจจริง อีกฝ่ายยังคงสำนึกบุญคุณที่ตนเคยช่วยฝึกฝน

ทั้งสองเป็นรุ่นเยาว์ที่มีศักยภาพ ในอนาคตจะกลายเป็นมือซ้ายและมือขวาของฉินเฟิง

หลังพบเจอกัน ความตื่นเต้นยินดีก็ค่อยๆจางหายไป และเริ่มหารือถึงเรื่องสำคัญ เห็นได้ชัดว่าช่วงฉินเฟิงจากไป มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย โจวฮ่าวเล่าเหตุการณ์ภายในกลุ่มให้ฉินเฟิง พวกพนักงานหวาดวิตก ผู้ใช้พลังต่างเป็นกังวล และตระกูลผู้ใช้วรยุทธโบราณชั้นสูงเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง เตรียมจะสร้างปัญหา

แม้จะกล่าวว่า มีการตัดต่อวิดีโอของงานประลองลูกรักของพระเจ้าถึงจะปล่อยออกไป แต่มิได้มีการปิดกั้นข่าวสาร ใครๆต่างก็รู้ ว่าฉินเฟิงได้กลายเป็นอันดับหนึ่งในงาน แต่หลังจากก้าวเข้าสู่ต่างมิติ ฉินเฟิงกลับมิได้กลับมาเป็นเวลานาน ภายในกลุ่มเฟิงหลีจึงเริ่มเกิดความวุ่นวาย

“นี่คือผลที่ตามมาเนื่องจากพวกเราไม่มีคนแข็งแกร่งคอยรักษาการ” ฉินเฟิงเตรียมใจไว้ระดับหนึ่งก่อนแล้ว หรือบางทีอาจกล่าวได้ว่าเขาเตรียมใจสำหรับเรื่องนี้ไว้นานแล้ว และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงพยายามทุ่มเทฝึกฝนโจวฮ่าวกับจิ่นเฟย

องค์กรขยับขยายรวดเร็วเกินไป เป็นธรรมดาที่รากฐานของมันจะไม่มั่นคง

“เรื่องพวกนี้ เดี๋ยวฉันจะจัดการเอง”

“อืม ในเมื่อนายกลับมาแล้ว ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เรื่องทุกอย่างคงได้รับการแก้ไขอย่างง่ายดาย” โจวฮ่าวผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด

“แต่ข่าวที่ฉันกลับมา อย่าเพิ่งแพร่งพรายมันออกไป” ฉินเฟิงกล่าว

“เข้าใจแล้ว”

หลังสนทนากับโจวฮ่าวและจิ่นเฟยไปได้สักพัก อุปกรณ์สื่อสารของฉินเฟิงก็เริ่มส่งเสียงดังขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ฉินเฟิงก้มลงมอง และพบว่าเป็นหนึ่งในตัวตนทรงอำนาจของเมืองหลวงมังกร มีกระทั่งผู้คนจากภูมิภาคตะวันออก , ตก และใต้ พวกเขาต่างส่งข้อความหาฉินเฟิง

บางคนก็โทรเข้าอุปกรณ์สื่อสารโดยตรง เล่นเอาฉินเฟิงวุ่นจนหัวหมุน

โจวฮ่าวกับจิ่นเฟยเมื่อเห็นฉากนี้ ทั้งคู่ก็ถอยออกไป

ฉินเฟิงแม้ไม่คิดกระตุกหนวดเสือ แต่ก็มิได้ก้มหัวให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่เช่นกัน แม้นี่อาจทำให้เกิดปัญหาตามมา แต่ฉินเฟิงมิใช่เด็กหนุ่มธรรมดา เขามิได้โง่เขลาเบาปัญญา ด้วยวัยของฉินเฟิงก่อนเขาเกิดใหม่ ทำให้มีประสบการณ์มากพอที่จะสามารถจัดการให้เรื่องราวมันผ่านพ้นไปอย่างราบรื่น

“อาวุโสหลง ครับ ผมทราบดี แต่ตอนนี้ผมก็เพิ่งกลับมาเหมือนกัน เลยยังไม่รู้ว่ามีชิ้นไหนบ้างที่เป็นของดี”

“โอ้ นายพลหนานกง ครับ ถ้าเป็นไปได้ ผมก็อยากจะร่วมมือกันคุณเช่นกัน”

“ใช่ ผมยังไม่มีเวลาได้พักผ่อนเลย แต่จะแจ้งกลับไปให้คุณทราบแน่นอน”

ฉินเฟิงจัดการกับคนที่โทรมาหาเขาอย่างเป็นระบบ ส่วนคนอื่นๆที่ส่งข้อความมา ฉินเฟิงตอบกลับเป็นข้อความเดียวกัน บอกพวกเขาไปว่าอีกสามวันให้หลัง จะขอเชิญทุกท่านมาหารือร่วมกันเกี่ยวกับสินสงคราม

แต่ขณะเดียวกัน บางคนเห็นได้ชัดว่าทนรอไม่ได้ เมื่อรับข้อความก็โทรกลับมาตื๊อทันที

“ฉินเฟิง คุณยังเด็กนัก อาจไม่มีประสบการณ์เท่าที่ควร เนื่องจากสมบัติพวกนี้ล้วนเป็นของที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในโลกมนุษย์ ฉะนั้นฉันอยากจะช่วยคุณ ฝั่งฉันมีผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธปืนอยู่หลายคน ฉันสามารถช่วยประเมินพวกมันได้ แน่นอน ในส่วนอบิลิตี้และกระบวนท่าวรยุทธบางอย่างที่ได้รับมาก็เช่นกัน”

ฉินเฟิงหัวเราะหยันในจิตใจ ขณะที่การแสดงออกภายนอก ยังคงสงบนิ่ง ไม่ปล่อยให้ความคิดตนหลุดไปถึงอีกฝ่าย

“ผมซาบซึ้งสำหรับน้ำใจของตระกูลชูจริงๆ แต่ผมตัดสินใจแล้ว ว่าจะเปิดเผยมันในอีกสามวันจากนี้ จะได้ยุติธรรมกับคนอื่นๆ”

“ทำแบบนั้นไม่ใช่ทางแก้ปัญหาหรอกนะ เอาอย่างนี้เป็นไง ถ้าคุณสะดวกอีกครึ่งชั่วโมง … ”

“ไอหย๋า! ต้องขอโทษจริงๆท่านผู้นำตระกูลชู มีสายโทรเข้ามาอีกแล้ว เอาไว้พวกเราค่อยคุยกันใหม่”

สิ้นเสียง ฉินเฟิงสลับสาย พร้อมวางสารผู้นำตระกูลชูทันที จากนั้นเขาก็ไม่ลังเลที่จะเข้าไปยังเบอร์โทรนี้ และตั้งค่าไว้ในบัญชีดำ

หากอีกฝ่ายติดต่อมา จะขึ้นแค่ว่ารอสาย แม้มีสัญญาณ แต่ไม่ขึ้นมาบนหน้าจอของฉินเฟิง

“คิดว่าฉันโง่รึไง?”

ฉินเฟิงหัวเราะเย็นชา คนๆนี้เป็นผู้นำตระกูลชั้นสองในเมืองหลวงมังกร ความแข็งแกร่งอยู่ในเลเวล A ทั้งยังเป็นขั้น A5 มากไปด้วยความทะเยอทะยาน ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ดีก็จริง แต่หากคิดฉกฉวยผลประโยชน์จากฉินเฟิง ก็อย่าตำหนิว่าเขาไม่ไว้หน้า

เพราะถ้าแปลงความหมายที่อีกฝ่ายสื่อมาตรงๆ จะพบว่าจุดประสงค์คือต้องการให้ฉินเฟิงนำสมบัติบางอย่างออกมาขายให้เขาเป็นคนแรก อีกฝ่ายคิดว่าฉินเฟิงคงไม่รู้ถึงคุณค่าของมัน ดังนั้นยินยอมขายไป

แต่คนอย่างฉินเฟิงจะปล่อยให้สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?

ฉินเฟิงไม่รีบร้อน ปัจจุบันคนจากตระกูลชั้นสูงเริ่มติดต่อกับฉินเฟิง มีกระทั่งบางคนที่พยายามขัดขวางการสื่อสารจากอีกตระกูลหนึ่ง

“ชักน่าสนุกแล้วสิ อันที่จริงถึงฉันจะให้ความร่วมมือกับตระกูลอื่นๆ แต่ผลสุดท้าย ตราบใดที่มีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ฉันก็ยังไม่ปลอดภัยอยู่ดี”

“หลังจากร่วมมือกันแล้ว เงินปันผลประจำปี , การแบ่งปันทรพยากร , ผลวิจัยทางเทคโนโลยี ทั้งหมดจะกลายเป็นหนามตำตาพวกเขา”

“ขณะเดียวกัน ถ้าเลือกขายของออกไปครั้งเดียว ตระกูลที่ได้ผลประโยชน์ก็แล้วไป อีกฝ่ายคงไม่สนใจฉันอีก แต่ตระกูลที่ไม่ได้รับมัน หรือคนที่ไม่กล้าเสนอเอ่ยปากขอซื้อในตอนแรก เกรงว่าพวกเขาคงยังสงสัยว่ามีสมบัติชิ้นอื่นอยู่ในมือฉัน ถึงเวลานั้นคงส่งคนมาลอบฆ่า”

“ไม่ว่าจะตัวเลือกไหนก็ไม่มีทางได้กำไรเต็มเม็ดเต็มหน่วยเลยแฮะ”

“เป็นปัญหาที่ยากจะแก้ซะจริง”

อย่างไรก็ตาม เห็นได้ชัดว่าฉินเฟิงมิได้เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ เพราะเขาขอเวลาเตรียมการกับซางฮันไว้ถึงสามวันแล้ว และนี่คือวันแรกแถมยังเช้าอยู่ ทำไมเขาไม่พักผ่อนให้เต็มอิ่ม จะได้ตื่นมาฝึกยุทธได้อย่างเต็มที่เล่า?