บทที่ 550 กลองหนังวัว

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 550 กลองหนังวัว
ได้ยินคำพูดของจี้ซิง ฉินเทียนขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้

เขาเฝ้าสังเกตทุกย่างก้าวทุกการเคลื่อนไหวของถงเหริน พยายามมองหาเงื่อนงำที่อยู่ภายในนั้น

“ไม่ใช่เพียงแค่พลังทักษะเรียบง่ายของร่างกายที่กระดูกเปรียบเสมือนเหล็กหรอก ภายในร่างกายของเขา ยังคงมีพลังแห่งเลือดที่แข็งแกร่งมากคอยสนับสนุนเขาอยู่…”

“พลังแห่งเลือดที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ฝึกฝนมาได้อย่างไรกัน…”

เขาพึมพำกับตัวเอง ลึกลงไปภายในดวงตานั้นแสดงถึงความสงสัยและความกังวล

“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นคนที่มีความแข็งแกร่งและจิตวิปริตเช่นนี้”

“ถ้าหากฉันได้ต่อสู้กับเขาในช่วงที่กำลังเป็นยุคทองนะ ผลแพ้ชนะไม่มีทางเป็นห้าสิบต่อห้าสิบหรอก อย่างน้อยอาจจะ สี่สิบต่อหกสิบ ไม่ก็สามสิบต่อเจ็ดสิบไปเลยก็ได้”

เมื่อเอ่ยเช่นนี้ จี้ซิงสัมผัสได้ว่าเขาแน่นหน้าอก กล้ามเนื้อบนใบหน้ากระตุกอย่างอดไม่ได้

เมื่อไม่กี่วัน เขาถูกฉินเทียนตบหน้า ถึงแม้ว่าจะเป็นการแสดง แต่ทว่าอันที่จริงก็เจ็บอยู่ไม่น้อย

เพื่อให้เป็นเรื่องเสมือนจริง ฉินเทียนเองก็ใช้พละกำลังไปมากเช่นกัน

ก็เป็นเขาที่สามารถควบคุมพละกำลังได้เป็นอย่างดี ไม่อย่างนั้น หากเพิ่มแรงอีกสักนิด จี้ซิงคงจะได้ตายจริงๆ

อาการบาดเจ็บเก่ายังไม่หายดี เมื่อสักครู่นี้ถูกถงเหรินปล่อยหมัดใส่จนร่างกายลอยละลิ่ว ภายในระยะเวลาอันสั้น จี้ซิงไม่ได้แตกต่างอะไรกับการสูญเสียกำลังต่อสู้

“คุณคงไม่กล่าวโทษผมหรอกใช่ไหม?” ฉินเทียนยิ้มด้วยสีหน้าขออภัย

จี้ซิงเอ่ยด้วยใบหน้าหมองหม่น “นอกเสียจากว่าคุณจะตอบรับผมเรื่องหนึ่ง ไม่อย่างนั้นผมจะไม่มีวันให้อภัยคุณไปตลอดกาล”

“ให้ตายเถอะ!”

ฉินเทียนเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “เด็กน้อยอย่างคุณไม่ได้ต้องการท้ารบกับผมสัก101ครั้งหรอกใช่ไหม?”

“เบื่อไหม”

จี้ซิงชำเลืองมองหลิวชิงเหยาที่งดงามและยืนอยู่ด้านข้างเขา โน้มตัวเข้าหาฉินเทียนเอ่ยกระซิบเสียงแผ่วเบาข้างหู “นอกเสียจากคุณตกลง เมื่อถึงเวลานั้นจะไปงานแต่งของผม”

“ไม่อย่างนั้น ฮึๆ คุณก็คอยดูได้เลย”

ฉินเทียนอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา อย่างไรก็ตามในสถานการณ์ที่จริงจังเช่นนี้ ทำได้เพียงแค่อดกลั้นไว้เท่านั้น

“ของขวัญอะไรก็ได้ใช่ไหม?”

“คุณก็รู้ ผมเพิ่งซื้อที่ดินไปผืนหนึ่ง ตอนนี้จนจนแทบจะไม่มีข้าวกินแล้ว”

“ไสหัวไปซะ!”

ทั้งสองกำลังกระซิบกระซาบกัน ทันใดนั้น สนามต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้ามีเสียงโครมครามดังขึ้นสองครั้ง

จากนั้นดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ร้องอุทานและถอยร่น

ทั้งสองคนนั้นตื่นตกใจชั่วขณะ

กลายเป็นว่าดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ทั้งสองปล่อยหมัดออกไปพร้อมกัน หมัดหนึ่งกระแทกเข้าที่หน้าอกของถงเหริน อีกหมัดหนึ่งกระแทกไปยังแผ่นหลังของเขา

การโจมตีด้านหน้าและด้านหลังแบบนี้ ในแต่ละหมัดนั้นมีพละกำลังมหาศาล ต่อให้เป็นควายก็ต้องตายในทันที

แต่ทว่าถงเหรินรับหมัดสองหมัดนั้นพร้อมกัน ไม่เพียงแต่จะไม่ขยับเขยื้อนเท่านั้น กลับกันยังสะท้อนแรงของดวงจันทร์ดวงอาทิตย์กลับมาอีกด้วย

ใช่ พวกเขาไม่ได้มองผิดไป มันสะท้อนกลับมา

ราวกับว่าร่างกายของถงเหรินฉับพลันก็กลายเป็นกลองหนังวัว

เป็นไปได้อย่างไรกัน?

ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ตกตะลึงอยู่เนิ่นนานไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี

หลังจากสงบสติอารมณ์แล้ว สีหน้าของพวกเขาก็เคร่งขรึม พวกเขามองหน้ากันและเข้าใจกันโดยปริยาย ขณะเดียวกันก็เหยียดมือออกไปหยิบอาวุธที่แขวนอยู่ตรงบริเวณเอว

สิ่งที่หวังเยว่ใช้นั่นก็คือมีดพระจันทร์เสี้ยวคู่หนึ่ง เมื่อมองดูแล้วเป็นเสมือนกับพระจันทร์เสี้ยวสองดวง

ส่วนทางด้านจ้าวจิ่วรี่ นั้นใช้วงกลมโลหะที่ทำจากเหล็กชั้นยอด

เขาจับตรงกลางของวงกลมโลหะ ใช้นิ้วกดลงบนระบบกลไก จากนั้นเกิดเสียงดังขึ้น รอบขอบวงกลม ใบมีดที่แหลมคมเหมือนฟันฉลามโผล่ออกมา

ภายใต้ดวงอาทิตย์ แสงหนาวเย็นสาดส่อง ราวกับว่าดวงอาทิตย์ดวงน้อยกำลังเก็บเกี่ยวชีวิต

อาวุธทั้งสองชนิดนี้ค่อนข้างโบราณ เป็นเพราะว่าการฝึกฝนนี้ค่อนข้างยาก ตอนนี้น้อยคนนักที่จะสามารถใช้อย่างเชี่ยวชาญได้

ตระกูลจี้ตระกูลที่สืบทอดศิลปะวิชาการต่อสู้ก็ยังฝึกฝนวิธีการใช้ให้ชำนาญ

นี่คือวิชาความสามารถที่เลื่องชื่อของจ้าวจิ่วรี่และหวังเยว่

สมญานามดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ นั้นก็มาจากสิ่งนี้เช่นกัน

จี้ซิงทอดถอนหายใจและกล่าว “สามารถทำให้พวกเขาใช้อาวุธได้ ถงเหรินนั้นใช้ได้เลยทีเดียวเชียว!”

ครั้นเห็นว่าดวงจันทร์ดวงอาทิตย์แกว่งอาวุธ พวกเขายืนประจัญหน้าถงเหรินอีกครั้ง

ร่างกายที่เป็นเสมือนกลองหนังวัวของถงเหรินเมื่อสักครู่นี้และยังสะท้อนแรงของทั้งสองคนนั้นกลับ จี้ซิงยังคงรู้สึกตื่นตระหนกตกใจ

เขาขมวดคิ้วและกล่าว “เส้นทางของการฝึกยุทธ สิ่งที่ยากที่สุดก็คือการฝึกฝนพลังแห่งเลือด… ถงเหรินสามารถฝึกฝนให้แข็งแกร่งได้…”

“เท่าที่ฉันรู้ ท่ามกลางความหนาวเหน็บของขั้วโลกเหนือ เพื่อที่จะต้านทานความหนาวเย็นที่รุนแรง ผู้ฝึกยุทธบางส่วนจะคิดหาวิธีเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพลังแห่งเลือด”

“คุณว่าเป็นไปได้ไหมว่าเขามาทางทางตอนเหนือ?”

“ทางตอนเหนืองั้นเหรอ?” ได้ยินคำพูดของจี้ซิง ท่าทีการแสดงออกของฉินเทียนเปล่งประกายทันใด

เขาอดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปทางลิเหลียง

เมื่อเห็นรอยยิ้มที่เย็นชาและลึกลับของลิเหลียง เขาดูผ่อนคลาย ราวกับว่าเขากำลั่งนั่งอยู่ภายในที่พักของกองทัพและเขามั่นใจว่าจะได้รับชัยชนะ เมื่อนึกถึงบางสิ่ง ฉินเทียนอดไม่ได้ที่จะแสดงท่าทีที่ดูสง่างามมากยิ่งขึ้น

ทางตอนเหนือ…

หรือว่า พวกเขาจะมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับตระกูลนั้น?

ถ้าหากว่าเป็นจริง เช่นนั้นปัญหาก็จะรุนแรงมากยิ่งขึ้น

“พี่จ้าว พี่หวัง สู้เขา!”

“สู้! ฆ่าผู้ชายคนนี้ซะ!”

ด้านล่างเวที ทุกคนเฝ้าดูอย่างใจจดใจจ่อ เทวดาเจ็ดดาวอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงเชียร์เพื่อเพิ่มกำลังใจให้แก่ดวงจันทร์ดวงอาทิตย์

พวกเขาเพิ่งจะตะโกนไปเพียงไม่กี่ครั้ง ฟุ่บฟั่บฟุ่บฟั่บ ลูกศรของธนูยิงกระแทกหินที่อยู่ด้านข้าง ประกายไฟปลิวว่อนไปทุกที่

“หุบปากเสีย!”

“ใครก็ตามที่ไม่ชื่อฟัง เป้าถัดไปก็จะเป็นคนผู้นั้น” ด้านหลังหิน ผู้นำของชายในชุดดำที่ถือคันธนูไว้ในมือ ตะโกนอย่างจองหอง

ใบหน้าของทุกคนซีดเผือดด้วยความตกใจ ทุกคนเงียบปากอย่างเชื่อฟัง

ถูกผู้อื่นควบคุม เทวดาเจ็ดดาวและทีมคำสาปสวรรค์ จำต้องกล้ำกลืนความโกรธไว้

ตอนนี้ต้องรอดูผลแพ้ชนะบนเวที

อาวุธของจ้าวจิ่วรี่และหวังเยว่นั้นทำขึ้นเป็นพิเศษและแหลมคมมาก เมื่อรวมกับการเคลื่อนไหวที่ยากจะจับทิศทางได้ของพวกเขา ถงเหรินไม่สามารถพึ่งพาร่างกายเพื่อต้านทานได้อีก

เขาจ้องเขม็งดวงตานั้นเหมือนระฆังทองแดง กำปั้นทั้งสองข้างกำแน่น เหมือนสัตว์ร้ายที่บ้าคลั่งอย่างไรอย่างนั้น เสียงลมดังโหยหวนและพร้อมต่อสู้กับทั้งสองคน

เนื่องจากมีความได้เปรียบในด้านอาวุธ จ้าวจิ่วรี่และหวังเยว่ ต่อสู้กันอย่างดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ ค่อยๆยับยั้งการรุกรานจากถงเหริน

ทั้งสองคนให้ความร่วมมือกันอย่างดี ต่อสู้กันไปครู่หนึ่ง ราวกับว่าจ้าวจิ่วรี่เริ่มจะหมดแรง จากนั้นเริ่มถอยร่นออกมา

หวังเยว่อยู่เพียงลำพัง ดึงดูดความสนใจจากถงเหริน

ถงเหรินระเบิดพลานุภาพอันน่าเกรงขามออกมาอีกครา คิดจะจัดการหวังเยว่ก่อนจากนั้นค่อยไปรับมือกับจ้าวจิ่วรี่

หลังจากแบกรับแรงกดดันส่วนใหญ่แล้ว หวังเยว่ก็แทบจะหมดพละกำลัง เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะตายภายใต้กำปั้นอันรุนแรงของถงเหริน

ในช่วงเวลาวิกฤต ฉับพลันจ้าวจิ่วรี่ร้องตะโกนแผดเสียงดัง จากนั้นดาบอาทิตย์ในมือของเขาก็ลอยออกไป

ด้วยส่วนเว้าโค้งที่แปลกประหลาด จากด้านทางหลังมันบินตรงไปยังบริเวณคอของถงเหริน

รอบนอกของดาบอาทิตย์นั้นมีใบมีดที่แหลมคมเหมือนฟันฉลาม เมื่อรวมเข้ากับการหมุนอย่างรวดเร็ว ความเฉียบคมนั้นแค่จินตนาการก็สามารถเข้าใจได้

หากว่าถงเหรินไม่สามารถหลบได้ ในขณะนี้ศีรษะของเขาก็จะร่วงหล่นลงมาทันใด

สมแล้วที่เป็นยอดฝีมือแห่งเจ็ดเมืองทางใต้ ถงเหรินนั้นไม่ได้หันกลับมามอง แต่สัมผัสได้ถึงอันตราย ร้องตะโกนเสียงดังและวิ่งหลบเลี่ยงไปยังด้านข้าง

ถึงแม้ว่าจะหลบเลี่ยงจุดสำคัญได้ แต่ทว่าแผ่นหลังนั้นก็ถูกฟันเข้าด้วยใบมีดที่หมุนอย่างรวดเร็ว

ทันใดนั้นร่องรอยของเลือดก็ปรากฏขึ้นมาหลายแห่ง

ร่างกายของเขาได้รับการสนับสนุนจากพลังแห่งเลือด เดิมเป็นเหมือนกลองหนังวัวที่เต็มไปด้วยอากาศที่อัดแน่นอยู่ภายใน

ตอนนี้ ฉับพลันช่องว่างปรากฏ เลือดที่อยู่ภายในถูกกดทับด้วยแรงดัน พลุ่งพล่านออกมาราวกับลูกศรอย่างไรอย่างนั้น

“อ๊าก!”

ถงเหรินส่งเสียงร้องโอดครวญ ร่างกายโซเซและแทบจะทรุดตัวลง

หลังจากที่ได้สติ ไม่เพียงแต่เขาไม่แสดงความอ่อนแอเท่านั้น ตรงกันข้ามกลับเป็นเสมือนสัตว์ร้าย ถูกกระตุ้นนิสัยดุร้าย

ร้องตะโกนโวยวายเสียงดัง ไล่ล่าจ้าวจิ่วรี่อย่างบ้าคลั่ง

จ้าวจิ่วรี่ทั้งพยายามต่อสู้และหลบหนี

ในไม่ช้า ท้ายที่สุดถงเหรินก็แทบทนไม่ไหวอีกต่อไป

ร่างกายที่แข็งแกร่งของเขา เป็นเสมือนกับลูกบอลหนังที่ถูกปล่อยลม เริ่มหดตัว เท้าของเขาเริ่มไม่มั่นคง เกือบล้มลงอยู่หลายครั้งหลายครา