ตอนที่ 219 ทำอย่างไรดี 

 

 

 

 

 

อวี้อาเหรานิ่งงัน เรื่องนี้ช่างยุ่งยากเสียจริง… 

 

 

เจาเอ๋อร์นั้นก็เอาแต่ขมวดคิ้วอยู่ข้างๆ 

 

 

ในเวลานี้เอง ทางฝั่งสาวใช้ของอนุรองก็ได้เข้ามาไถ่ถามว่าจะเข้าวังกันได้หรือยัง 

 

 

เจาเอ๋อร์หาข้ออ้างบอกให้นางออกไปก่อน จากนั้นก็หันมาพูดด้วยความวิตกว่า “เมื่อครู่นี้สาวใช้นางนั้นก็ได้มองเข้ามาด้านในด้วยท่าทีอยากรู้อยากเห็น คงจะเห็นว่ายามนี้คุณหนูยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้า เช่นนั้นก็น่าจะรู้แล้วกระมังเจ้าคะว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น…” 

 

 

“อืม เจ้าไปหาทางรั้งตัวอนุรองไว้เสีย” อวี้อาเหราสั่งอย่างหนักแน่น 

 

 

“บ่าวเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” เจาเอ๋อร์พยักหน้าลง 

 

 

ในขณะที่พวกนางกำลังคิดหาวิธีการอยู่นั้น อนุรองก็ส่งหญิงรับใช้เข้ามาอีกคน 

 

 

หลังจากที่เจาเอ๋อร์ออกไปรับหน้าแล้ว นางก็กลับเข้ามาอีกครั้งด้วยใบหน้าโกรธเคือง 

 

 

“เป็นอะไรไป หรือว่าสาวใช้คนนั้นทำให้เจ้าโกรธหรือ” อวี้อาเหรามองสีหน้าท่าทีของนาง  

 

 

“นางไม่ได้ทำให้บ่าวโกรธหรอกเจ้าค่ะ เพียงแต่เมื่อครู่นี้สาวใช้นางนั้นกล่าวว่าหากคุณหนูรองมีเหตุขัดข้องจนไม่อาจไปร่วมงานได้ เช่นนั้นก็ให้นำเทียบเชิญมาให้พวกนางเสีย พวกนางไม่มีทางทำให้จวนของพวกเราเสียหน้าต่อหน้าพระพักตร์ของฝ่าบาทแน่ อย่างไรเสียก็ต้องมีคนไปเจ้าค่ะ” เจาเอ๋อร์ลอกเลียนแบบตามต้นฉบับที่สาวใช้พูดไม่ขาดตกบกพร่อง 

 

 

เช่นนั้นอวี้อาเหราก็พลันโกรธขึ้นมาทันที “พวกนางก็ชักกำเริบเสิบสานมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ดูท่าทางคงกำลังหวังว่าข้าจะไปไม่ได้สินะ” 

 

 

หากว่านางไปไม่ได้จริงๆ หลิงอ๋องก็ย่อมแก้ไขสถานการณ์โดยการส่งอนุรองและอวี้จื่อเยียนไปงานเลี้ยงแทนเป็นแน่ ยามนั้นเมื่อไม่มีนางแล้ว ก็ไม่รู้ว่าตนเองจะถูกสองแม่ลูกจะใส่ความอย่างไรบ้าง 

 

 

นางที่อารมณ์สงบเมื่อครู่นี้พลันบังเกิดเพลิงโทสะขึ้นมา ผุดลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วสั่งความกับเจาเอ๋อร์ว่า “เจ้าไปนำเสื้อผ้าที่ข้ามีมาทั้งหมด ข้าก็ไม่มีทางเชื่อว่าข้าจะไม่มีชุดดีๆ สักชุดใส่ไปงานเลี้ยง!” 

 

 

เจาเอ๋อร์รีบพยักหน้ารับคำ 

 

 

เสื้อผ้าอาภรณ์ทั้งหมดถูกนำมาแล้วโยนลงบนเตียง อวี้อาเหราค่อยๆ ดูทีละตัว ชุดพวกนี้ก็มีรูปแบบธรรมดาๆ อย่างเช่นที่ว่าจริงๆ ทั้งไม่สวยทั้งล้าสมัย คิดๆ ดูแล้วคงเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้อวี้อาเหราถูกพวกอนุรองรังแกเสียจนแม้แต่ชุดสวยๆ ก็ไม่อาจมีไว้ในครอบครองเป็นแน่ เสื้อผ้าเช่นนี้หากใส่ออกไปก็คงถูกหัวเราะเยาะจนตาย อนุรองคงคิดถึงเรื่องนี้เอาไว้ก่อนแล้ว เช่นนั้นจึงกล้าที่จะส่งคนเข้ามาไถ่ถาม 

 

 

แต่ว่านางก็ไม่มีทางยอมให้สองแม่ลูกนั่นสมปรารถนาเป็นแน่! 

 

 

มองไปยังเสื้อผ้าที่กองอยู่บนเตียงเหล่านั้นแล้ว นางก็เลือกชุดที่ใหม่ที่สุดและสวยที่สุดขึ้นมาชุดหนึ่ง แล้วถึงกล่าวกับเจาเอ๋อร์ว่า “เจ้าไปเตรียมชุดเข็มและด้ายสำหรับปักผ้ามาให้ข้าที แล้วไปเด็ดดอกไม้จากสวนด้านหลังมาด้วย จำได้หรือไม่” 

 

 

“หา? คุณหนูท่านจะทำอะไรหรือเจ้าคะ” เจาเอ๋อร์ไม่เข้าใจ 

 

 

“ประเดี๋ยวเจ้าก็จะเข้าใจเอง” มุมปากของอวี้อาเหรายกยิ้มขึ้น ในดวงตาวาบประกายรอยยิ้ม ในเมื่ออนุรองอยากจะให้เรื่องชุดเป็นปัญหาสำหรับนาง มันก็ไม่ง่ายเช่นนั้นหรอก 

 

 

“เจ้าค่ะ” เจาเอ๋อร์เพียงฟังคำสั่งแล้วไปเตรียมของ 

 

 

เมื่อนางถือของทั้งหมดเข้ามาในห้องแล้ว ก็เห็นอวี้อาเหรากำลังใช้กรรไกรตัดกระโปรงชุดนั้นหลายรอย กระโปรงชุดนี้หากจะบอกว่าเป็นสีขาวก็ไม่ใช่ เป็นสีชมพูก็ไม่เชิง อีกทั้งเมื่อรวมกับรูปแบบที่เป็นที่นิยมเมื่อหลายปีก่อน ยามนี้ก็ดูล้าสมัยและน่าเกลียดเป็นอย่างมาก แล้วยังจะตัดกระโปรงเป็นรูเช่นนี้อีกหรือ คิดได้ดังนั้นเจาเอ๋อร์ก็เข้าไปจับข้อมือของนางเอาไว้ในทันที  

 

 

“คุณหนู ท่านจะโกรธอนุรองก็ได้ แต่อย่างไรก็ไม่ควรเอากรรไกรมาเล่นเช่นนี้นะเจ้าคะ หากตัวท่านบาดเจ็บขึ้นมาจะทำอย่างไรกัน”  

 

 

“เล่นอะไรกัน นี่ข้าก็กำลังทำชุดกระโปรงให้ตัวเองใหม่อยู่ต่างหากเล่า!” อวี้อาเหราหมดคำจะพูด นางก็ดูเป็นคนที่ชอบระบายอารมณ์ลงที่ข้าวของอย่างนั้นหรือ 

 

 

“อะ…อ้อ ถ้าเช่นนั้นคุณหนูก็ทำต่อไปเถิดเจ้าค่ะ” เจาเอ๋อร์มองเห็นสีหน้าแววตาของนางแล้วก็ไม่กล้าเข้าไปห้ามปรามอีก และยิ่งไม่กล้าพูดอะไรมาก เพราะเกรงว่าหากไม่ระวังแล้วจะถูกกรรไกรแทงเอาได้ แต่ว่าอย่างไรเสียนางก็ไม่มีทางเชื่อว่าคุณหนูของนางกำลังทำเสื้อผ้าสำหรับออกงานอยู่ นี่ก็ไม่ใช่ว่านางกำลังทำไปมั่วๆ หรอกหรืออย่างไร 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 220 เย็บชุดออกงาน  

 

 

 

 

 

อวี้อาเหราตัดเอาผ้าด้านบนในส่วนที่ไม่ต้องการออก หากมองเพียงเผินๆ คงจะเห็นว่านางทำไปโดยไม่มีแบบแผน แต่การกระทำของนางนั้นก็คล่องแคล่วไม่น้อย ก่อนที่นางจะสนด้ายกับเข็มปักผ้า ขยับมือบนชุดกระโปรงราวกับบินพลิ้ว ท่าทางดูคล่องแคล่วยิ่งนัก ในภพก่อนนางอยู่ตัวคนเดียว ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ล้วนต้องพึ่งพาตัวเอง อีกทั้งยังต้องคอยหลบหนีผู้ที่ต้องการจับตัวนาง ดังนั้นจึงเดินทางไปในหลายๆ ที่ หลายเรื่องที่ต้องทำให้สำเร็จด้วยตัวเอง เสื้อผ้าขาดบ้างพังบ้างเป็นเรื่องที่พบได้บ่อย ในสถานการณ์ที่ไร้ผู้ใดคอยช่วยเหลือ มีเพียงมือของนางที่จะซ่อมแซมได้ เพราะอย่างนั้นจึงค่อยๆ ฝึกฝนจนเก่งกาจ 

 

 

นิสัยของนางจริงๆ แล้วเป็นคนเกียจคร้าน หากไม่ใช่เรื่องสำคัญจริงๆ นางก็ไม่มีทางลงมือทำเอง 

 

 

แต่กับเรื่องเสื้อผ้านั้นไม่เหมือนกัน เพราะเป็นของที่ต้องสวมใส่ เมื่อเก่าหรือขาดอย่างไรก็ต้องทำเอง 

 

 

ความสามารถของคนเรานั้นช่างไร้ขีดจำกัด เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่บีบบังคับ ความสามารถก็ถูกเค้นออกมาเสียหมด ในยามนั้นเพื่อการหลบหนีเหล่าผู้จับกุม นางจึงทำได้เพียงกระโจนเข้าไปอยู่ในสถานที่อันรกร้าง ถ้าหากนางไม่ดิ้นรนก็คงจะต้องอดตายอยู่ที่นั่นเป็นแน่ 

 

 

ในขณะนั้นเอง นางก็ปักลายดอกไม้ที่มีรูปแบบทันสมัยไว้ด้านบนของชุดจนสำเร็จ ท้ายที่สุดจึงค่อยๆ ใช้กลีบดอกไม้ติดลงบนกระโปรง รอจนกระทั่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางถึงได้สวมใส่ลงไปบนร่าง กลับทำให้เจาเอ๋อร์ที่ได้เห็นดวงตาเป็นประกาย ขยี้ตาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “คุณหนู นี่ก็เป็นชุดที่ท่านตัดเองจริงๆ หรือเจ้าคะ” 

 

 

ส่วนที่ควรตัดออกก็ถูกตัดออกไปจนหมด ด้านบนประดับประดาตกแต่งไปด้วยกลีบดอกไม้สีอ่อนจำนวนไม่น้อย ตัวกระโปรงบางส่วนยาวลากพื้น ช่วงเอวถูกรัดให้ดูบอบบางมากยิ่งขึ้น จนทำให้ผู้พบเห็นอดไม่ได้ที่จะใช้มือกำเสียให้รอบ ชุดกระโปรงที่ผ่านการปรับแก้แล้วยิ่งทำให้นางดูสดใสและอรชร ราวกับมีกลิ่นดอกไม้จางๆ กรุ่นกำจายออกมา 

 

 

เมื่อเสริมด้วยใบหน้างดงามของอวี้อาเหราแล้ว ก็ยิ่งทำให้ทั่วทั้งร่างของนางเปล่งประกาย 

 

 

เสื้อผ้าชุดนี้หากอยู่ในยุคปัจจุบันก็ไม่ถือว่าสวยงามอะไรนัก ทว่าเมื่อมาอยู่ในยุคโบราณก็ถือว่าแปลกใหม่อยู่บ้าง 

 

 

อีกส่วนหนึ่งก็คือ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าแบบใดก็ขึ้นอยู่กับผู้สวมใส่ ผิวของอวี้อาเหราขาวราวกับหิมะ ใบหน้างดงาม ท่าทีงามสง่า ราวกับจะส่องประกายออกมา แล้วนี่จะไม่สวยได้อย่างไรเล่า? 

 

 

ยิ่งนางสวมเสื้อที่ผ่านการปรับแก้มาจนดูเหมือนเทพบุปผา แม้ว่าจะไม่ได้ออกมาสมบูรณ์แบบอย่างที่คิดเอาไว้ แต่ก็ถือว่าไม่เลวนัก โดยเฉพาะลายปักรูปดอกไม้ที่ดูธรรมดาๆ ในยุคปัจจุบันก็ช่างดูมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร มีความสวยงามที่แสนเย่อหยิ่งแต่ก็ไม่ทิ้งซึ่งความอ่อนน้อม 

 

 

ชุดเป็นสีชมพูอ่อนบาง เต็มไปด้วยความสดใส 

 

 

นางหมุนตัวอยู่หน้าคันฉ่องรอบหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าลงอย่างพึงพอใจ 

 

 

เจาเอ๋อร์เมื่อเห็นเช่นนั้นก็ตื่นตะลึงเป็นที่สุด “คุณหนูเก่งจริงๆ เจ้าค่ะ แม้แต่เสื้อผ้าก็ยังเย็บเป็น ต่อไปหากไม่มีหลิงอ๋องแล้ว เพียงพึ่งพาสองมือของท่านก็มีชีวิตรอดอยู่ได้เป็นแน่!” 

 

 

“ไม่ได้หรอก ข้าขี้เกียจจะตาย” อวี้อาเหราส่ายหน้า แต่ก็กลับขมวดคิ้วขึ้นมาอีกครั้ง 

 

 

“คุณหนูเป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ” เจาเอ๋อร์ชะงัก 

 

 

“เจ้าดูสิ เสื้อผ้าชุดนี้ไม่เข้ากับทรงผมของข้าเลยแม้แต่น้อย เช่นนั้นเจ้าเกล้าผมให้ข้าใหม่ดีหรือไม่” 

 

 

“จริงด้วยเจ้าค่ะ…” เจาเอ๋อร์เมื่อพิศมองอย่างละเอียด จากนั้นถึงได้พยักหน้า “บ่าวจะรีบเกล้าให้คุณหนูใหม่เดี๋ยวนี้เลยเจ้าค่ะ”  

 

 

แม้จะกล่าวว่างานจำพวกเย็บปักนั้นเจาเอ๋อร์ทำไม่เป็น แต่เรื่องทำผมนั้นนางไม่เป็นสองรองใคร เพียงไม่นานก็สามารถเกล้ามวยผมเป็นทรงสวยงามได้แล้ว เมื่อรวมเข้ากับเสื้อผ้าที่นางสวมอยู่ ก็ทำให้นางดูงดงามราวกับเทพบุปผาที่ร่วงหล่นมาจากสรวงสวรรค์ เจาเอ๋อร์มองผ่านคันฉ่องด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะประดับประดาทรงผมด้วยเครื่องประดับต่อไป 

 

 

อวี้อาเหราส่ายหน้า “ไม่ต้องแล้ว หากใส่เครื่องประดับศีรษะพวกนี้เข้าไปอีกคงดูน่าขันยิ่งนัก” 

 

 

“แต่ถ้าหากไม่ประดับเลย ก็จะทำให้ผู้อื่นดูถูกจวนอ๋องของเราได้นะเจ้าคะ” เจาเอ๋อร์เองก็ขมวดคิ้วมุ่น