ตอนที่ 243 ความไม่ชอบมาพากลในราชโองการ / ตอนที่ 244 นางจะยึดเขาไว้คนเดียวไม่ได้

ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง

ตอนที่ 243 ความไม่ชอบมาพากลในราชโองการ

 

 

 

 

เรื่องแรกที่ฮ่องเต้องค์ใหม่ขึ้นครองบัลลังก์ก็คือกำจัดคนที่ไม่เป็นพวกเดียวกัน ฮ่องเต้องค์ก่อนมีสามตำหนักหกหมู่เรือนเจ็ดสิบสองพระสนม พี่น้องของฮ่องเต้ไม่มีสิบกว่าคนก็มียี่สิบคน องค์ชายคนอื่นไม่มีโอกาสนี้ แต่หากมีโอกาส ใครไม่อยากเป็นฮ่องเต้บ้าง ฮ่องเต้องค์ก่อนสิ้นพระชนม์แล้ว โอกาสก็มาถึง มีบางคนที่อาศัยนามกำจัดขุนนางกบฏส่งทหารเข้ามา และก็มีบ้างที่นำกองทัพต้องห้ามเข้าวังตรงๆ คนที่พอจะฉลาดเล็กน้อยก็รู้จักแอบแก้ไขราชโองการ บอกว่าฮ่องเต้องค์ก่อนมีราชโองการก่อนสิ้นพระชนม์ คนที่จะถูกแต่งตั้งเป็นฮ่องเต้ในราชโองการก่อนสิ้นพระชนม์นั้นไม่ใช่รัชทายาท เชื้อราชวงศ์ไม่มีความเคารพเช่นพี่น้อง มีเพียงรอเหยียบซ้ำเมื่อคนล้มเท่านั้น ฮ่องเต้ก็ใช่ว่าเป็นคนถูกจัดการง่ายๆ พระองค์เป็นโอรสแท้ๆ ของฮองเฮา น้าฝั่งพระมารดาเป็นแม่ทัพใหญ่ ส่วนน้าหลายคนก็ได้รับแต่งตั้งเป็นอ๋องนอกด่าน เก็บกวาดเหล่าพี่น้องนั้นไม่เปลืองแรงเลย แต่มีเพียงคนเดียวที่พระองค์ทำอะไรไม่ได้

 

 

น้องชายแท้ๆ ของพระองค์ ซู่อ๋องในวันนี้ พี่น้องแท้ๆ สู้รบกัน ล้วนเป็นญาติฝั่งมารดา ช่วยคนใดก็รู้สึกเจ็บปวด จึงไม่ช่วยเสียเลย ปล่อยให้พวกเขาแย่งชิงกันเอง ทั้งสองพี่น้องก็ไม่ใช่เป็นคนที่จะถูกจัดการได้ง่ายนัก อย่างไรเสียสำหรับพวกเขาแล้ว ไม่ว่าใครเป็นฮ่องเต้ก็เหมือนกัน

 

 

ฮ่องเต้ไม่ใช่คนมีจิตเมตตา ตำแหน่งฮ่องเต้นั้นสำคัญยิ่งกว่าน้องชายตัวเอง ที่พระองค์เป็นกังวลคือเรื่องราชโองการ ซู่อ๋องนามเหยาจือ และเฝิงเยี่ยไป๋นามเหลียวอี้ ทั้งสองคนนี้ ตกลงคนใดถึงจะเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่หลวงที่สุดสำหรับพระองค์

 

 

กลับมาพูดถึงฝั่งเฉินยาง พั่งไห่รับพระบัญชาจากฮ่องเต้ให้ส่งนางกลับจวน ระหว่างทางปากไม่เคยหยุด ถามตรงนี้นิดถามตรงนั้นหน่อย คนนี้เป็นคนฉลาด ย่อมไม่ถามตรงๆ ในทันที เขาคุยอ้อมๆ ไปก่อน แล้วค่อยล่อให้นางพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว นี่ถึงจะเป็นวิธีที่ฉลาดที่สุด

 

 

เพียงแต่เฉินยางไม่ยอมสนใจเขา ก่อนหน้านี้เขายังเตรียมส่งตัวเองไปอยู่ในพระหัตถ์ฮ่องเต้เป็นตัวประกันแล้วฆ่าอิ๋งโจว คนที่ใจดำที่สุดเช่นนี้ นางเห็นเพียงแวบเดียวก็รู้สึกรังเกียจแล้ว จะสนใจได้อย่างไร

 

 

พั่งไห่ยังคงไม่ย่อท้อ เขาเปลี่ยนคนใช้ที่ขับรถม้าแล้วขับด้วยตัวเอง ประตูรถม้าแง้มไว้ครึ่งหนึ่ง เขาคุยกับนางโดยมีม่านกั้นอยู่ “ตอนนี้ท่านได้ดิบได้ดีแล้ว เป็นพระชายาอย่างแท้จริง ชีวิตดีๆ หลังจากนี้ แม้แต่นับยังนับไม่ถ้วนเลย!”

 

 

นางไม่สนใจเขา ไม่เป็นไร เขาพูดของตัวเองก็พอ ไม่เชื่อว่านางจะฟังไม่เข้าหูบ้าง

 

 

“ท่านดูตอนนี้ดีเพียงไร ราชโองการคืนให้กับฝ่าบาท คุณชายเฝิงในอดีตตอนนี้ได้กลายเป็นท่านกู้หลุนอ๋อง ท่านก็กลายเป็นพระชายา แล้วรับเว่ยฟูจื่อมาเร็วๆ อีก ทั้งครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาที่เมืองหลวง ดีเสียนี่กระไร ข้าวของเงินทองใช้ไม่หมดสิ้น ชีวิตนี้ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าสวยงามเพียงใดแล้ว”

 

 

พั่งไห่ก็แกล้งโง่ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ คนฉลาดเช่นนี้จะดูไม่ออกว่าเฝิงเยี่ยไป๋ที่เป็นท่านอ๋องนี้คือดีหรือร้าย เฉินยางปิดประตูดังปัง ฟังเขาพูดเช่นนี้แล้ว เขาคงยังคิดว่านางเป็นเด็กโง่ในตอนนั้นอยู่ คนที่ติดตามอยู่ข้างกายฮ่องเต้จะมีสักกี่คนที่มีความคิดบริสุทธิ์ พั่งไห่นี้ไม่แน่ว่าอาจกำลังแอบวางแผนร้ายอะไรอยู่ก็เป็นได้

 

 

พั่งไห่ถูกปิดประตูใส่ สีหน้าก็เศร้าหมอง คนพอฉลาดแล้วก็หลอกไม่ง่ายเสียแล้ว เมื่อก่อนกล่อมง่ายนัก ใช้ของกินล่อเล็กน้อยก็พูดออกมาหมดแล้ว ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว พอคนหายดี นำพาความฉลาดมาด้วย ใช้วิธีกล่อมเช่นนั้นก็ไม่ได้แล้ว

 

 

หากรู้ว่าอิ๋งโจวมีความสามารถเช่นนี้ ตอนแรกรู้ว่าเว่ยเฉินยางจะไปรักษาโรคที่เขาต้าเหลียงตนก็ควรจะตามไปด้วยแล้วฆ่าอิ๋งโจวเสีย พ่อของเขาตายแล้ว ตอนแรกเขาก็ไม่ควรจะมีชีวิตอยู่ ใครจะนึกว่าตอนนี้จะสร้างปัญหาใหญ่หลวงเช่นนี้ คาดว่าฮ่องเต้ก็คงแค้นเขาจัด อย่างไรก็ต้องหาโอกาสฆ่าคนคนนี้เสีย

 

 

 

 

——

 

 

ตอนที่ 244 นางจะยึดเขาไว้คนเดียวไม่ได้

 

 

 

 

วังหลวงไม่ห่างจากจวนท่านอ๋องมากนัก รถม้าวิ่งไม่นานก็ถึงแล้ว พอมาถึงพั่งไห่จะประคองนางลงจากรถ แต่เฉินยางไม่ใช้เขา โดดลงจากรถม้าด้วยตัวเอง ที่นี่ไม่ได้อยู่ในวัง ไม่จำเป็นต้องทำตามระเบียบในวังเหล่านั้น นางก็ไม่ต้องขอบคุณพั่งไห่ตามมารยาทพิธี

 

 

ขันทีใหญ่ที่อยู่ข้างกายฮ่องเต้เป็นฐานะที่มีหน้ามีตาเพียงใด แต่คนเขาไม่ต้อนรับ มาถึงจวน แม้แต่ประโยคเดียวก็ไม่พูด สะบัดมือแล้วก็เดินไปเลย ทิ้งให้พั่งไห่ยืนอยู่ที่นั่นคนเดียวอยู่นาน สุดท้ายก็ได้แต่ยิ้มอย่างจนใจ เห็นนางทำแก้มป่องด้วยความโกรธเช่นนั้น ช่างน่าเอ็นดูเสียจริง

 

 

ผู้ดูแลออกมาต้อนรับเฉินยางพอดี เห็นนางทำแก้มป่องเดินเข้าไป จึงมองพั่งไห่อย่างมีเลศนัย ล้วนมาจากเจ้านายเดียวกัน พอได้พบเข้าจะให้ทำตัวห่างเหินก็ไม่ได้ พั่งไห่ถามไปตามปกติว่า “ทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือไม่”

 

 

ผู้ดูแลยกมือพยักหน้า “ดี…กงกงไปดีมาดี”

 

 

พูดว่าดี ก็คือไม่ได้เจออะไร คาดว่าเฝิงเยี่ยไป๋คงใกล้จะกลับมาแล้ว เขาจะอยู่ที่นี่ต่อก็ไม่ดี พอได้ความมา ก็หันหัวกลับไปแล้ว ในจวนท่านอ๋องนี้ล้วนเป็นคนของฮ่องเต้ ยังจะกลัวเฝิงเยี่ยไป๋แอบเล่นตุกติกอีกหรือ

 

 

หลังจากเฉินยางกลับมาก็คิดว่าควรจะไปเยี่ยมอิ๋งโจว ตั้งแต่ทั้งสองคนมาที่เมืองหลวงก็ยังไม่ได้เจอกันเลย และก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ดีหรือไม่ อย่างไรเสียเขาก็มาเมืองหลวงเพื่อนาง ถือว่าเป็นแขก ก็ไม่ควรปฏิบัติต่อแขกไม่ดี หลังจากถามสาวใช้ว่าอิ๋งโจวพักอยู่ที่เรือนใด นางก็ไปที่ห้องครัวเอาอาหารแล้วถึงได้เดินไป

 

 

อิ๋งโจวไม่ได้มีเพื่อนเก่าแก่ที่เมืองหลวงอีกแล้ว ถึงขั้นคนที่รู้จักก็ไม่มี บวกกับไม่มีเงินติดตัว ตั้งแต่มาถึง จึงไม่เคยได้ก้าวออกจากจวนท่านอ๋องเลย ตอนที่เฉินยางไปถึงนั้น เขากำลังมองดอกไม้ดอกหญ้าอย่างเหม่อลอย

 

 

“ท่านหมออิ๋งโจว” บนโต๊ะไม่มีที่วาง นางจึงได้แต่วางของกินไว้บนพื้นแล้วยื่นมือไปโบกตรงหน้าเขา “ท่านหมออิ๋งโจว ท่านดูอะไรอยู่หรือ”

 

 

อิ๋งโจวดึงสติกลับมา ครั้นเห็นว่าเป็นนางก็อึ้งเล็กน้อย แล้วเรียก “เฉิน…” จากนั้นก็เหมือนนึกบางอย่างขึ้นมาได้ รีบลุกขึ้นแสดงความเคารพกับนาง “พระชายา”

 

 

เฉินยางรับคำว่าพระชายาที่เขาเรียกนี้ไม่ไหว นางลุกขึ้นยืน สีหน้าเศร้าหมองเล็กน้อย “ท่านหมออิ๋งโจวท่านทำอะไรกัน รีบลุกขึ้น ระหว่างพวกเรายังต้องมีมารยาทจอมปลอมเหล่านั้นเพื่ออะไร ท่านเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตข้า หากจะต้องคำนับ ก็ควรจะเป็นข้าที่คำนับท่านถึงจะถูก”

 

 

“พระชายากล่าวเกินไปแล้ว ฐานะของท่านไม่เหมือนเดิม มารยาทที่ควรจะต้องมีก็ต้องมี” ทั้งสองคนนั่งลง เขามีสีหน้าเคารพ ท่าทางนั้นกลับทำให้นางรู้สึกห่างเหินเสียแล้ว

 

 

เฉินยางถูมือ กลัวสถานการณ์จะแย่ลงจึงชี้ไปที่ ‘ดอกไม้ดอกหญ้า’ ที่กองอยู่บนโต๊ะแล้วถามเขาว่า “พวกนี้คืออะไรหรือ”

 

 

อิ๋งโจวพูดว่า “นี่ล้วนเป็นยา” เขาชี้ไปที่มุมกำแพง “ล้วนขุดจากที่นั่น คิดว่าตอนแรกมีคนเคยปลูกยาสมุนไพรอยู่ที่นี่ ตอนหลังขุดไปแล้ว แต่ยังเหลือเมล็ดไว้ให้งอกอยู่ที่นี่ ล้วนเป็นยาที่ใช้รักษาอาการอักเสบ ข้าคิดจะตากแห้งแล้วบดเป็นผง ระหว่างทางเอาไปขายก็จะแลกเป็นเงินได้”

 

 

เฉินยางได้ยินก็ตกใจ “ท่านจะไปแล้วหรือ จะกลับไปตอนนี้เลยหรือ”

 

 

อิ๋งโจวเก็บยาขึ้นมา “ที่บ้านไม่มีคนดูแลไม่ได้ หรู่ฉางไม่ใช่คนที่สามารถทำงานอย่างใจเย็นได้ ผู้ช่วยเด็กก็ยังเด็กอยู่ ให้พวกเขาสองคนดูแลกระท่อมยาข้าไม่ไว้ใจจริงๆ เหมือนจะมีคนไข้ก่อนหน้านี้บางคนที่ข้าคิดว่าป่วยหนักอยู่ ยาที่สั่งให้ก่อนหน้านี้ก็น่าจะกินหมดแล้ว ล้วนเป็นโรคที่ไม่อาจรอได้ ข้าต้องกลับไปเปิดกระท่อมยา”

 

 

เขามาที่เมืองหลวงเพื่อนางก็ได้ปล่อยวางหลายสิ่งหลายอย่างมามากแล้ว เขามีบ้านของตัวเอง มีเรื่องที่ตัวเองต้องทำ นางจะยึดเขาไว้คนเดียวไม่ได้ ไม่รู้ว่านางเกิดความรู้สึกพึ่งพิงเขาเสียตั้งแต่เมื่อไหร่ พอได้ยินว่าเขาจะไป ในใจก็เหมือนขาดอะไรบางอย่าง รู้สึกไม่สงบนัก