เล่มที่ 14 เล่มที่ 14 ตอนที่ 403 อุปสรรคขัดขวาง

สนมโง่เจ้าจะหนีไปไหน

ซูจิ่นซีขมวดคิ้วแน่น จงใจพูดเสียงสูง “ลูกผู้น้อง เจ้าทำอันใด? ไท่เฟยมีศักดิ์เป็นเสด็จป้าของเจ้า ทว่าข้าและท่านอ๋องต่างเรียกไท่เฟยว่าเสด็จแม่! อย่างไรก็มีความใกล้ชิดมากกว่าเจ้า ไท่เฟยทรงประชวร เหตุใดข้ากับท่านอ๋องจะไม่ไปเล่า? เจ้าไม่เคารพตนเองก็ไม่เป็นไร ทว่าเจ้าคุกเข่าลงเยี่ยงนี้ ราวกับข้าและท่านอ๋องอกตัญญู ทำให้พวกข้าอดสงสัยไม่ได้ว่าเจ้ามีเจตนาอันใด! ”

ใบหน้าของเว่ยเหม่ยเจียแข็งทื่อไปชั่วขณะ นึกไม่ถึงว่าซูจิ่นซีจะพูดจาตรงไปตรงมาเช่นนี้ ทว่านั่นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ นางถนัดในเรื่องเสแสร้งอยู่แล้ว จึงรีบลุกขึ้นยืนทันที

เว่ยเหม่ยเจียหัวเราะและพูดว่า “พี่สะใภ้ ท่านดูเหม่ยเจียสิ กังวลเรื่องพระอาการประชวรของเสด็จป้าจนเลอะเลือนไปหมด กระทั่งลืมเรื่องสถานะ พี่สะใภ้ ท่านกับเสด็จพี่อย่าได้ตำหนิข้าเลย! เช่นนั้นท่านกับเสด็จพี่… ”

“ตอนนี้พวกเรากำลังจะไปเยี่ยมเฉินไท่เฟยที่ตำหนักหนานย่วน”

ซูจิ่นซีพูดอย่างแผ่วเบา

เยี่ยโยวเหยาหมดความอดทนนานแล้ว เขาจูงมือซูจิ่นซีพาเดินออกไปอย่างเย็นชา

ไม่นานก็เดินทางมาถึงตำหนักหนานย่วน

เหมือนเช่นเคย ซูจิ่นซีเพิ่งเดินเข้าประตูไป ระบบถอนพิษก็ได้วิเคราะห์ผลสารพิษในร่างของเฉินไท่เฟยออกมาเรียบร้อยแล้ว ทว่าซูจิ่นซียังคงทำตามขั้นตอนปกติ นางตรวจชีพจรและตรวจพระอาการให้เฉินไท่เฟย

“พี่สะใภ้ เป็นอย่างไรบ้าง? ท่านตรวจสอบได้หรือไม่ว่าเสด็จป้าได้รับพิษชนิดใด? ”

“เสด็จแม่ได้รับพิษอย่างแน่นอน โชคดีที่ไม่ใช่พิษรุนแรงอันใด ยังมีโอกาสถอนพิษได้ทัน ทั้งยังถอนพิษได้ไม่ยาก” ซูจิ่นซีพูดเสียงแผ่วเบา

“เช่นนั้นก็ดี! ” เว่ยเหม่ยเจียแย้มยิ้มอย่างดีใจ

อย่างไรก็ตาม ซูจิ่นซียังคงมีท่าทีเคร่งขรึม ไม่รู้ว่านางคิดสิ่งใด สักพักจึงถามเว่ยเหม่ยเจียว่า “ช่วงนี้ ไท่เฟยเสด็จไปด้านนอกตำหนักหนานย่วนบ้างหรือไม่? ”

รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าของเว่ยเหม่ยเจียพลันลดลงครึ่งหนึ่ง นางมองไปทางเยี่ยโยวเหยา จากนั้นจึงยกยิ้มแห้งและพูดว่า “พี่สะใภ้ ท่านล้อเล่นแล้ว เสด็จพี่ไม่อนุญาตให้เสด็จป้าออกจากตำหนักหนานย่วน ช่วงนี้ อย่าว่าแต่ออกจากตำหนักหนานย่วนเลย แม้แต่อารามหลวง เสด็จป้าก็ไม่ค่อยได้ไปเท่าไรนัก”

เช่นนั้นก็แปลกมาก!

ท่าทางของซูจิ่นซีดูจริงจังอยู่บ้าง นางพูดกับเยี่ยโยวเหยาว่า “ท่านอ๋อง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เรื่องที่เสด็จแม่ได้รับพิษคงต้องตรวจสอบให้ละเอียดเพคะ อย่างไรเสีย ที่นี่ก็เป็นตำหนักหนานย่วน นึกไม่ถึงว่ายังมีคนกล้าวางยาพิษไท่เฟย เรื่องนี้อาจมีเงื่อนงำบางอย่างเพคะ”

แท้จริงแล้ว ก่อนหน้านี้ในวังหลวงยังมีไทเฮาและฮ่องเต้ที่เป็นศัตรูกับเฉินไท่เฟย หากมองว่าไทเฮาและฮ่องเต้เป็นผู้บงการวางยาพิษเฉินไท่เฟยก็อาจเป็นไปได้

ทว่าตอนนี้ไทเฮาสิ้นพระชนม์แล้ว ทั้งฐานอำนาจของฮ่องเต้เฒ่าก็ลดน้อยลง ในแคว้นจงหนิงนี้ เยี่ยโยวเหยานับว่ามีอำนาจยิ่งใหญ่ เช่นนั้นยังมีใครที่สามารถวางยาพิษเฉินไท่เฟยได้อีก?

“ตามที่เจ้าเห็น ผู้ที่วางยาพิษคือชาวเมืองไหวเจียงใช่หรือไม่? ”

“สารพิษมีลักษณะตรงข้ามกับพิษจากเมืองไหวเจียงเพคะ” ซูจิ่นซีพูดอย่างมั่นใจ

แววตาของเยี่ยโยวเหยาพลันปรากฏความเย็นชา

“พี่สะใภ้ อย่าได้กังวลเรื่องคนวางยาพิษเลย สิ่งสำคัญที่สุดคือการถอนพิษให้เสด็จป้า ยิ่งสารพิษอยู่ในร่างกายเสด็จป้านานเท่าใด อาการของเสด็จป้าก็จะยิ่งอันตรายมากขึ้นนะเพคะ”

“เจ้าไปนำน้ำร้อนมาหนึ่งอ่าง และหาบ่าวรับใช้ที่มีความชำนาญสักหน่อยมาเป็นผู้ช่วยข้า”

“พี่สะใภ้วางใจ เหม่ยเจียจะไปจัดการเดี๋ยวนี้! ”

เว่ยเหม่ยเจียตอบรับและเดินออกไป ทันใดนั้น นางก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ จึงหันไปพูดกับเยี่ยโยวเหยา “เสด็จพี่ ตอนที่พี่สะใภ้รักษาผู้ป่วย นางไม่ชอบให้ผู้อื่นรบกวนที่สุด เช่นนั้นท่านออกไปด้านนอกก่อน เหม่ยเจียจะให้คนชงชาอย่างดีให้ท่าน ดีหรือไม่เพคะ? ”

เมื่อซูจิ่นซีรักษาผู้ป่วย นางมีความเคยชินเช่นนั้นจริงๆ เยี่ยโยวเหยาเห็นซูจิ่นซีกำลังง่วนอยู่กับการทำงาน จึงไม่พูดอันใดมาก ทำเพียงเดินออกประตูไปอย่างเงียบงัน

ภายในห้องเหลือเพียงซูจิ่นซีกับเฉินไท่เฟยที่อยู่ในสภาพหมดสติ ซูจิ่นซีหาถ้วยสะอาดมาใบหนึ่ง จากนั้นจึงนำยาสมุนไพรแต่ละชนิดที่ต้องการใช้ออกมาจากระบบถอนพิษ และบดยาสมุนไพรเหล่านั้นลงในถ้วย

ผ่านไปครู่ใหญ่ เว่ยเหม่ยเจียถืออ่างน้ำร้อนเข้ามา นางเห็นซูจิ่นซีกำลังจัดยาสมุนไพรอยู่

“พี่สะใภ้ ยาสมุนไพรเหล่านี้ใช้เพื่อถอนพิษให้เสด็จป้าใช่หรือไม่? ”

“อืม! ”

“พี่สะใภ้ ท่านช่างเก่งกาจเสียจริง ทุกครั้งที่ต้องการสมุนไพร พวกมันล้วนอยู่ที่ท่าน ในตัวท่านเก็บยาสมุนไพรไว้เท่าไรกัน? ”

ซูจิ่นซีพลันตกตะลึง ทั้งยังรู้สึกแปลกใจในความคิดอันละเอียดอ่อนของเว่ยเหม่ยเจีย และสายตาที่ดีเยี่ยมของนาง เว่ยเหม่ยเจียนับเป็นบุคคลที่สามารถสังเกตเห็นรายละเอียดที่ถูกละเลย

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ซูจิ่นซีครุ่นคิดอยู่ในใจย่อมไม่แสดงออกทางใบหน้า ท่าทางของนางยังคงเคร่งขรึมดังเดิม

“ข้าเชี่ยวชาญวิชาพิษ จึงเตรียมยาสมุนไพรบางอย่างติดตัวไว้เสมอ เมื่อออกมานอกสถานที่ มันอาจมีประโยชน์และสามารถใช้งานได้อย่างทันท่วงที”

“แหะ แหะ พี่สะใภ้ ท่านช่างเก่งกาจเสียจริง หากมีโอกาส ท่านก็สอนเหม่ยเจียเรียนวิชาพิษ เหม่ยเจียอยากเรียนเพคะ”

เว่ยเหม่ยเจียยังคงแย้มยิ้ม

ซูจิ่นซีไม่ต้องการโต้แย้งอันใดมาก ทำเพียงส่งยิ้มกลับไปและพูดว่า “ได้สิ! ”

“พี่สะใภ้ เหม่ยเจียนำน้ำร้อนมาแล้ว ใช้อย่างไรหรือ? น้ำร้อนเพิ่งออกมาจากครัว ท่านระวังน้ำร้อนลวกนะเพคะ”

“บ่าวรับใช้ที่ข้าต้องการอยู่ที่ใด? เลือกมาหรือยัง! ”

“พี่สะใภ้ เรื่องสำคัญเช่นนี้จะให้บ่าวรับใช้มาทำได้อย่างไร? เหม่ยเจียไม่วางใจ ดังนั้นจึงขอเป็นผู้ช่วยพี่สะใภ้ พี่สะใภ้คงไม่รังเกียจที่เหม่ยเจียซุ่มซ่ามกระมัง? ”

แววตาของซูจิ่นซีทอประกายแปลกประหลาด นางรู้สึกว่าวันนี้เว่ยเหม่ยเจียมีความผิดปกติบางอย่าง ทว่าอธิบายไม่ถูกว่าผิดปกติที่ใด

ซูจิ่นซีตอบรับคำแผ่วเบา “ก็ได้! ”

“แหะ แหะ พี่สะใภ้วางใจได้ เหม่ยเจียไม่สร้างความวุ่นวายให้ท่านแน่นอน ท่านบอกให้ทำสิ่งใด เหม่ยเจียก็ทำเช่นนั้น! ”

“ใช้น้ำร้อนเช็ดตัวให้เสด็จแม่ก่อน”

แรกเริ่ม เว่ยเหม่ยเจียยังมีท่าทีลังเลอยู่บ้าง ทว่าไม่นานก็ตอบรับด้วยความยินดี นางประคองเฉินไท่เฟยให้ลุกขึ้นนั่งและถอดเสื้อผ้าบนตัวเฉินไท่เฟยออก จากนั้นก็พับแขนเสื้อของตนและนำผ้าแช่ลงไปในน้ำร้อนจัด

ซูจิ่นซีมองท่าทางของเว่ยเหม่ยเจีย พลางขมวดคิ้วเครียด

นั่นเป็นน้ำร้อนที่เพิ่งต้มเสร็จ! ทั้งยังไม่ได้ผสมน้ำเย็น คงรู้ว่าร้อนเพียงใด มือทั้งคู่ของเว่ยเหม่ยเจียไม่มีสิ่งใดป้องกัน น้ำร้อนที่ชุ่มอยู่บนผ้าจึงส่งผ่านไปยังมือโดยตรง มันลวกมือของเว่ยเหม่ยเจียจนทำให้ผิวมือขาวนวลบวมแดงบางส่วน

หลายครั้งที่เว่ยเหม่ยเจียหยิบผ้าที่แช่ในอ่างน้ำร้อนขึ้นมา ทว่ามันร้อนลวกมือจนนางต้องโยนผ้ากลับลงไปในอ่าง

ซูจิ่นซีขมวดคิ้วมุ่น พลางมองแก้มแดงระเรื่อของเว่ยเหม่ยเจียผ่านไอน้ำ

แม่นางผู้นี้ ซูจิ่นซียังพูดไม่จบ! นางก็แย่งไปทำเสียก่อน ความจริงแล้วสามารถเติมน้ำเย็นลงไปได้เล็กน้อย ไม่ต้องทำถึงเพียงนี้

“คือว่า เหม่ยเจีย… ”

ซูจิ่นซีกำลังจะห้ามเว่ยเหม่ยเจีย ทว่าเว่ยเหม่ยเจียกลับเงยหน้าขึ้นมองและหัวเราะ ฮิ ฮิ ให้ซูจิ่นซี “พี่สะใภ้ ท่านหลบไปทางนี้หน่อย น้ำร้อนมาก ระวังลวกท่าน”

ใบหน้าของซูจิ่นซีค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นอึมครึม

อย่างไรเสีย เว่ยเหม่ยเจียก็เป็นถึงหลานสาวของเฉินไท่เฟย ทั้งยังเป็นคุณหนูสกุลเว่ย นางถูกเลี้ยงดูอย่างดีมาตั้งแต่เล็ก ควรรักตนเองที่สุดถึงจะถูก นางไม่มีความจำเป็นอันใดที่ต้องทำเรื่องหนักหนาเช่นนี้ด้วยตนเอง

วันนี้นางผิดปกติยิ่งนัก มีสิ่งใดแอบแฝงกันแน่?