ดวงตาของหรงเซียวมีประกายหยาดน้ำใส “เขาพาพี่มาส่งที่นี่เสร็จแล้วก็กลับไปเลย เขาบอกว่าเขาทำผิดต่อพี่ ไม่กล้าพบหน้าพี่อีกแล้ว บอกว่าให้พี่ไม่ต้องสนใจเขาอีก 

 

 

เฉียวซือมู่ตกใจจนรีบสำรวจร่างกายตัวเองอีกครั้ง แต่กลับพบว่าตัวเองยังคงสวมเสื้อผ้าชุดเดิมที่มีรอยยับเพิ่มขึ้นมาเท่านั้น 

 

 

หรงเซียวเห็นท่าทางของเธอแล้วรีบอธิบาย “ไม่ใช่นะคะ เขาไม่ได้… ไม่ได้ทำอะไรพี่ ที่เขาทำแบบนั้นเป็นเพราะจ้านซีเยวี่ยข่มขู่เขาค่ะ” 

 

 

“จ้านซีเยวี่ยอีกแล้วเหรอ?” เธอขมวดคิ้ว ทำไมจ้านซีเยวี่ยถึงได้เหมือนแมลงสาบที่ตีเท่าไหร่ก็ไม่ยอมตายเสียที ทุกครั้งที่เธอไม่ระวังตัว จ้านซีเยวี่ยจะต้องโผล่ออกมาเล่นงานเธอทุกทีสิน่า 

 

 

น่ารำคาญชะมัด 

 

 

แต่ครั้งนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมหรงเซียวถึงถูกลากเข้ามาเกี่ยวด้วย? 

 

 

เมื่อเห็นสีหน้าไม่เข้าใจของเธอแล้วหรงเซียวจึงค่อยๆ อธิบายที่มาที่ไปของเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในคืนนี้ให้เธอฟัง ในส่วนของเฝิงเจ๋อนั้นเขาเป็นคนเล่าให้หรงเซียวฟังในภายหลัง ส่วนที่เหลือหรงเซียวเป็นคนเห็นเองกับตา 

 

 

หรงเซียวเล่าว่า เฝิงเจ๋อบอกกับเธอว่าจ้านซีเยวี่ยเป็นคนติดต่อหาเขาเองหลังจากที่เธอลาออกไปแล้ว หรงเซียวไม่รู้ว่าเธอใช้วิธีอะไรถึงส่งอีเมลถึงเขาได้ เธอนัดให้เขาออกไปพบ ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาคิดอะไรอยู่ถึงออกไปพบเธอตามนัด จากนั้นจ้านซีเยวี่ยพูดจาหว่านล้อมเขาจนสำเร็จ และบอกให้เขาลงมือกับเฉียวซือมู่ในคืนงานเลี้ยงประจำปี 

 

 

และแน่นอนว่าเฝิงเจ๋อไม่ได้เล่ารายละเอียดว่าจ้านซีเยวี่ยข่มขู่อะไรเขาบ้าง 

 

 

จ้านซีเยวี่ยวางแผนให้เฝิงเจ๋อเอาค็อกเทลผสมยาให้เฉียวซือมู่ดื่ม จากนั้นพาเข้าไปในห้องพักที่ซ่อนกล้องแอบถ่ายเอาไว้ ขณะที่กำลังจะลงมือ จู่ๆ เฝิงเจ๋อกลับหยุดกะทันหันเพราะเกิดความกลัวขึ้นมา 

 

 

เขาไม่อยากทำลายชีวิตของเฉียวซือมู่ เพราะเฉียวซือมู่ที่อยู่ในใจของเขานั้นเป็นคนที่อยู่สูงเกินเอื้อมจนแตะต้องไม่ได้ ระหว่างที่เขากำลังต่อสู้กับปีศาจในใจอย่างหนักอยู่นั้น เธอก็ปรากฏตัวขึ้นพอดี 

 

 

และนั่นเป็นข้ออ้างที่ดีมากสำหรับเขา เพราะหากจ้านซีเยวี่ยรู้เข้าว่าเขาลังเลมันอาจจะทำให้จ้านซีเยวี่ยสงสัยเขาได้ สุดท้ายเขาและเธอจึงช่วยกันพาตัวเฉียวซือมู่มาที่นี่แทน 

 

 

และนี่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมด เฉียวซือมู่ฟังแล้วเอ่ยขึ้นด้วยความหวาดกลัว “ขอบใจเธอมาก โชคดีเหลือเกินที่เธอมาทันเวลาพอดี ไม่อย่างนั้น…” 

 

 

หรงเซียวเม้มริมฝีปากแน่นด้วยความละอายใจ เพราะเธอเองก็ไม่ได้หวังดีตั้งแต่แรกเหมือนกัน ตอนแรกเธอเตรียมตัวเพื่อเข้าไปจับชู้ให้ได้คาหนังคาเขา แต่เธอกลับเปลี่ยนใจเพราะได้สติในวินาทีสุดท้ายเหมือนเฝิงเจ๋อ เธอจึงไม่ได้ทำผิดต่อไป 

 

 

ต้องยอมรับว่าแผนการของจ้านซีเยวี่ยชั่วร้ายมาก เพราะเธอใช้เพียงแค่ความรักที่เฝิงเจ๋อมีต่อเฉียวซือมู่และความอิจฉาริษยาของหรงเซียวมาเล่นงานเฉียวซือมู่โดยที่ตัวเองไม่ต้องออกหน้าเลย ถ้าเกิดทุกอย่างดำเนินไปตามแผนการของจ้านซีเยวี่ยจริง และจ้านซีเยวี่ยปล่อยคลิปลงในอินเทอร์เน็ตแล้วล่ะก็ ต่อให้พวกเธอรวดเร็วมากแค่ไหนก็คงสู้ความเร็วของชาวเน็ตไม่ได้ ชื่อเสียงของเฉียวคงย่อยยับอย่างไม่มีวันกู้คืน 

 

 

ความจริงแผนการของจ้านซีเยวี่ยเป็นแผนการที่รอบคอบมาก แต่พลาดตรงที่จ้านซีเยวี่ยประเมินมิตรภาพระหว่างเฉียวซือมู่และเฝิงเจ๋อกับหรงเซียวต่ำเกินไป พวกเขาถึงได้กลับตัวกลับใจในวินาทีสุดท้าย มิเช่นนั้น ผลที่ออกมาคง… 

 

 

เฉียวซือมู่คิดถึงตรงนี้แล้วรู้สึกเสียวสันหลังวาบ 

 

 

แต่… เธอคิดๆ แล้วเอ่ยถามหรงเซียว “เฝิงเจ๋อกลับไปนานแล้วหรือยัง?” 

 

 

ถ้าเฝิงเจ๋อถูกจ้านซีเยวี่ยบีบบังคับให้ทำร้ายเธอด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง แล้วตอนนี้เขากลับไปทั้งๆ ที่แผนล่มไม่เป็นท่า นั่นก็หมายความว่าเขากำลังตกอยู่ในอันตรายนะสิ! 

 

 

หรงเซียวลังเลเล็กน้อย “น่าจะครึ่งชั่วโมงแล้วค่ะ เขาบอกว่าไม่มีหน้าอยู่สู้หน้าพี่อีก เขาฝากคำพูดเอาไว้แล้วออกไปเลยค่ะ” 

 

 

เฉียวซือมู่สูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ตอนนี้ยาหมดฤทธิ์แล้ว เธอคลำหาอะไรสักอย่างแล้วเอ่ยถามหรงเซียว “กระเป๋าของพี่ล่ะ?” 

 

 

หรงเซียวชะงักเล็กน้อยแล้วเอ่ยตอบด้วยความรู้สึกผิด “ขอโทษค่ะพี่มู่มู่ ตอนนั้นพวกเรารีบร้อนกันมากจนลืมกระเป๋าของพี่เอาไว้ที่โรงแรมค่ะ” 

 

 

“เหรอ” เธอมุ่นหัวคิ้วเล็กน้อยแล้วเอ่ยกับหรงเซียว “งั้นพี่ขอยืมโทรศัพท์มือถือของเธอหน่อยสิ” 

 

 

เธอจะโทรศัพท์หาจิ้นหยวน อย่างน้อยต้องบอกให้เขารู้เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ 

 

 

หรงเซียวรีบพยักหน้าหงึกๆ แล้วยื่นโทรศัพท์มือถือให้เธอ เธอรับโทรศัพท์มือถือมาแล้วกดโทรหาจิ้นหยวนทันที 

 

 

เธอกดหมายเลขโทรศัพท์ทีละตัวๆ ในขณะที่จิตใจค่อยๆ สงบลงตามไปด้วย ไม่แน่ว่าตอนนี้เขาอาจจะยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องขึ้นกับเธอก็ได้ หรือเขาอาจจะกำลังสำเริงสำราญอยู่ในงานสมาคมก็ได้ 

 

 

จิ้นหยวนกดรับสายทันทีที่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น “ฮัลโหล?” 

 

 

เสียงที่เฉียวซือมู่คุ้นเคยดังขึ้น เธอตื่นเต้นมากและกำลังจะอ้าปากพูด ทันใดนั้น เสียงกรีดร้องดังขึ้นข้างหลังเธอ “อ๊า!” 

 

 

หัวใจของเธอกระตุกอย่างแรง ยังไม่ทันที่เธอจะได้เอ่ยอะไรออกมาก็สัมผัสได้ถึงแรงลมเย็นที่จู่โจมเข้าใส่ตัวเธอ เธอไม่มีเวลาคิดมาก รีบก้มตัวลงจนสามารถหลบหลีกการจู่โจมนั้นไปได้อย่างหวุดหวิด 

 

 

เสียงของจิ้นหยวนดังลอดออกมาจากโทรศัพท์มือถือ “ฮัลโหล นั่นมู่มู่หรือเปล่า? คุณพูดสิ? ได้ยินผมไหม?” 

 

 

แม้เฉียวซือมู่จะกำโทรศัพท์มือถือเอาไว้แน่น แต่เธอกลับไม่มีโอกาสคุยสายเลยสักนิด ใบหน้าของจ้านซีเยวี่ยที่อยู่ตรงหน้าเธอนั้นดูน่ากลัวจนขนลุก เธอถือมีดด้ามยาวเป็นเงาวับอยู่ในมือและกำลังย่างสามขุมเข้าไปใกล้เธอมากขึ้นเรื่อยๆ 

 

 

หรงเซียวถูกชายฉกรรจ์คนหนึ่งจับตัวเอาไว้ตรงมุมหนึ่งของห้อง เธอตกใจจนหน้าซีดเผือดและน้ำตานองหน้า เธอไม่คิดเลยว่าจู่ๆ จะมีคนแอบย่องเข้ามาทางหน้าต่างและจับตัวเธอเอาไว้อย่างรวดเร็ว จากนั้นเธอได้แต่มองดูจ้านซีเยวี่ยที่ไม่ได้เจอหน้ากันมานานกำลังถือมีดเล่มยาวและกำลังเดินย่างสามขุมเข้าหาเฉียวซือมู่อย่างมาดร้าย 

 

 

เป็นไปไม่ได้ที่เฉียวซือมู่เผชิญหน้ากับเหตุการณ์น่าประหวั่นพรั่นพรึงเช่นนี้แล้วจะไม่รู้สึกหวาดกลัว แต่เธอเป็นคนที่มีจิตใจเข้มแข็งมาก ยิ่งเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเธอยิ่งใจเย็น เธอเพ่งมองจ้านซีเยวี่ยที่พยายามใช้มีดเล่มยาวจ้วงแทงลงบนอวัยวะสำคัญของตัวเองแล้วหลบหลีกอย่างว่องไว 

 

 

ต่อให้เธอว่องไวมากขนาดไหนแต่ก็ต้องเสียเปรียบเพราะไม่มีอาวุธ เพียงไม่นานเธอก็ได้แผลที่ต้นแขนจนเลือดไหลอาบ เสื้อผ้าที่เธอสวมอยู่ถูกย้อมจนเป็นสีแดงฉาน 

 

 

เธอรู้สึกเจ็บมากแต่ไม่ยอมเผยให้เห็นความเจ็บปวดทางสีหน้าเด็ดขาด ในใจรู้สึกค่อยๆ หมดหวังลงเรื่อยๆ  คืนนี้เธอคงหนีไม่พ้นแล้วสินะ จะตายทั้งทีมิวายยังต้องมาทำให้หรงเซียวเดือดร้อนไปด้วยอีก 

 

 

จ้านซีเยวี่ยรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เธอเผยรอยยิ้มน่าสะพรึง “วิ่งหนีอีกสิ! ทำไมไม่วิ่งแล้วล่ะ?” 

 

 

เฉียวซือมู่โยนแจกันใบสุดท้ายในห้องอย่างใจเย็น พยายามขัดขวางจ้านซีเยวี่ยให้ได้มากที่สุด จากนั้นจึงเอ่ย “เธอเห็นฉันโง่มากนักหรือไงถึงจะยอมยืนอยู่กับที่ให้เธอแทงง่ายๆ น่ะ? ฉันยังไม่สิ้นคิดขนาดนั้นหรอกนะ” 

 

 

จ้านซีเยวี่ยได้ยินแล้วถึงกับหน้าเข้มจัด เธอเงื้อมือขึ้นจ้วงแทงเฉียวซือมู่อย่างเอาเป็นเอาตาย เฉียวซือมู่ก้าวเท้าถอยหนีกรูดจนแทบจะรับมือไม่ไหว 

 

 

ทันใดนั้นหรงเซียวทนดูต่อไปไม่ไหวจนตัดสินใจฝังคมเขี้ยวลงบนแขนของชายฉกรรจ์ที่กำลังจับตัวเธอเอาไว้ เธอฉวยโอกาสที่ชายคนนั้นหดมือกลับเพราะความเจ็บปวดร้องตะโกนเสียงดัง “หนีออกไปข้างนอกเร็ว!” 

 

 

เฉียวซือมู่กำลังยืนหันหลังให้ประตูห้องพอดี เธอยื่นมือออกไปจับมือจับประตูเอาไว้ ทันใดนั้นเธอได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บของหรงเซียว ดูเหมือนว่าหรงเซียวจะถูกชายฉกรรจ์ที่กำลังโมโหจัดทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บ 

 

 

เธอลังเลจนทำให้มือที่กำลังจับมือจับประตูผ่อนแรงลงจนทำให้เสียโอกาสหนี เสี้ยววินาทีนั้น จ้านซีเยวี่ยพุ่งเข้ามาตรงหน้าเธอแล้วยกมีดด้ามยาวในมือขึ้นจ้วงแทงลงไปพร้อมๆ กับเสียงกรีดร้องของหรงเซียวที่ดังโหยหวน