จิ้นหยวนกวาดสายตามองไปทั่วอยู่ชั่วครู่ ทันใดนั้นเขาผลักต้วนฉี่รุ่ยให้พ้นตัวจนต้วนฉี่รุ่ยโซเซถอยหลังไปหลายก้าว พอตั้งสติจนยืนได้มั่นคงแล้วจึงตะโกนออกไปด้วยใบหน้าแดงก่ำ “ประธานจิ้น อย่ารังแกคนอื่นให้มันมากนัก” 

 

 

จิ้นหยวนทำเป็นหูทวนลม เขาเดินตรงไปยังประตูบานหนึ่งที่อยู่ด้านข้าง ส่วนต้วนฉี่รุ่ยยังคงยืนอยู่ที่เดิม ประกายความชั่วร้ายฉายขึ้นในดวงตาของเขาแวบหนึ่ง 

 

 

ทุกคนในงานเห็นสถานการณ์ท่าจะไม่ดีจึงพากันกระซิบกระซาบ จากนั้นต่างพากันหันไปมองต้วนฉี่รุ่ยเป็นตาเดียว แต่เขายืนเหม่อลอยอยู่ที่เดิมเพียงชั่วครู่เท่านั้น จากนั้นหมุนตัวเดินออกจากงานทันที 

 

 

ทุกคนต่างพากันคิดว่าเรื่องนี้มันชักจะแปลกๆ 

 

 

จิ้นหยวนแผ่รังสีเย็นยะเยือก เขาไล่เปิดประตูห้องรับรองแขกทีละห้องๆ ด้วยความโกรธเกรี้ยว ในขณะเดียวกัน หลินจื้อเฉิงวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาหาเขา ลิฟต์ที่เขาใช้เพิ่งจะขึ้นมาถึงชั้นที่จัดงานเลี้ยง แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้มามือเปล่า เขายังหอบหิ้วผู้จัดการโรงแรมขึ้นมาด้วย 

 

 

จิ้นหยวนที่เห็นทั้งสองตามขึ้นมาเชิดหน้าขึ้นถามอย่างผู้เหนือกว่า “พวกเขาอยู่ห้องไหน?” 

 

 

ผู้จัดการโรงแรมเหงื่อแตกพลั่ก พอรู้ว่าจิ้นหยวนเป็นใครเขายิ่งไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม รีบขานรับจิ้นหยวนแล้วหยิบกุญแจของตัวเองออกมาไขเปิดประตูห้องห้องหนึ่งทันควัน 

 

 

ดวงตาของจิ้นหยวนฉายประกายเย็นยะเยือกที่เต็มไปด้วยความกระหายเลือด เขาเดินก้าวเท้ายาวๆ ไปข้างหน้าแล้วถีบประตูเปิดออกอย่างแรง คราวนี้เขาใช้แรงถีบหนักกว่าที่ใช้ถีบหญิงสาวแปลกหน้าคนนั้นมาก ประตูห้องถูกถีบเปิดออกจนกระแทกเข้ากับกำแพงห้องอย่างแรงจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว 

 

 

เตียงใหญ่อยู่ตรงหน้าประตูพอดี แต่บนเตียงกลับไร้ร่องรอยคนที่เขากำลังตามหา มีเพียงรอยยับยู่ยี่ที่เป็นหลักฐานทิ้งเอาไว้ว่าเคยมีคนนอนอยู่บนเตียงก่อนหน้านี้ 

 

 

ชั่ววินาทีนั้นเขาไม่รู้ว่าตัวเองควรจะโล่งใจหรือว่าควรจะเครียดมากกว่าเดิม เขาเข้าไปในห้องแต่ไม่เห็นใครสักคนจึงเอ่ยถามผู้จัดการโรงแรม “คนที่อยู่ในห้องนี้หายไปไหน?” 

 

 

สีหน้าของผู้จัดการโรงแรมเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจเช่นเดียวกัน “เมื่อกี้หน้าจอคอมพิวเตอร์ยังเห็นอยู่เลยว่ามีชายหญิงคู่หนึ่งเข้ามาในห้องนี้ แต่…” ไม่น่าจะเป็นไปได้นี่นา พวกเขาออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่? 

 

 

หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่มีคนอยู่ในห้องจิ้นหยวนจึงหมุนตัวเดินออกไป “เปิดกล้องวงจรปิดให้ฉันดูเดี๋ยวนี้” 

 

 

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่ผู้จัดการโรงแรมกลับไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยคำว่า “ไม่” เขาจำต้องให้พวกเขาเข้าไปในห้องทำงานของตัวเอง จากนั้นเรียกภาพกล้องวงจรปิดออกมาให้เขาดู 

 

 

สีหน้าของจิ้นหยวนดูน่ากลัวราวพายุลมฝนที่กำลังโหมกระหน่ำอย่างรุนแรงทันทีที่ได้เห็นภาพเฝิงเจ๋อพาเฉียวซือมู่เข้าไปในห้อง จากนั้นภาพหยุดนิ่งอยู่อย่างนั้นประมาณสิบกว่านาที 

 

 

หลินจื้อเฉิงสังเกตเห็นมือที่กำกันแน่นของจิ้นหยวนมีแต่เส้นเลือดปูดโปนเพราะความโกรธ 

 

 

“แล้วภาพจากกล้องในห้องล่ะ?” จู่ๆ จิ้นหยวนก็เอ่ยถามขึ้น 

 

 

ผู้จัดการโรงแรมเช็ดเหงื่อบนหน้าผากพลางยิ้มอย่างลำบากใจ “โรงแรมของเราไม่มีนโยบายติดกล้องในห้องพักแขกเพื่อความเป็นส่วนตัวครับ…” 

 

 

ทันทีที่เขาเอ่ยจบภาพในกล้องวงจรปิดเคลื่อนไหวอีกครั้ง ในนั้นปรากฏภาพเบื้องหลังของหญิงสาวคนหนึ่ง เธอเดินช้าๆ แล้วไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าประตูห้องที่เฝิงเจ๋อกับเฉียวซือมู่เข้าไป เธอยืนอยู่ตรงนั้นสักพัก ในที่สุดก็ตัดสินใจเคาะประตูห้อง 

 

 

“นั่นใครน่ะ?” หลินจื้อเฉิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย    

 

 

จิ้นหยวนจำเธอได้ทันที นั่นเป็นเพื่อนร่วมงานของเฉียวซือมู่ ดูเหมือนเธอจะชื่อหรงเซียว ครั้งก่อนที่เขามีเรื่องกับเฝิงเจ๋อตรงหน้าออฟฟิศ หญิงสาวคนนี้แหละที่เป็นคนพุ่งเข้าไปรับหมัดแทนเฝิงเจ๋อ 

 

 

เขาหรี่ตาอย่างจับสังเกต เห็นชัดเจนว่าเธอเป็นคนที่อยู่นอกแผนการครั้งนี้ 

 

 

เธอยืนรออยู่ชั่วครู่ ในที่สุดประตูห้องก็เปิดออก เนื่องจากมุมกล้องทำให้พวกเขามองไม่เห็นคนที่ยืนอยู่หลังประตู เห็นเพียงสองคนนั้นกำลังทะเลาะกันอย่างรุนแรง จากนั้นหรงเซียวยกฝ่ามือขึ้นตบหน้าคนที่อยู่หลังประตูไปฉาดใหญ่ 

 

 

แต่น่าแปลกที่คนที่ยืนอยู่หลังประตูกลับไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบใดๆ คนคนนั้นนิ่งอึ้งไปชั่วครู่แล้วหมุนตัวเดินเข้าไปในห้อง หรงเซียวเดินตามเข้าไปในห้อง จากนั้นมีคนสามคนออกมาจากข้างในห้องพร้อมกัน นอกจากหรงเซียวแล้ว อีกสองคนที่ออกมาจากในห้องยังมีเฝิงเจ๋อและเฉียวซือมู่ 

 

 

เฉียวซือมู่เดินโงนเงนจนต้องพิงตัวเฝิงเจ๋อเอาไว้ หรงเซียวช่วยหิ้วปีกอยู่อีกข้าง ทั้งสามคนค่อยๆ เดินไกลออกไปจากรัศมีกล้องวงจรปิดบริเวณนั้น 

 

 

ผู้จัดการรีบเปลี่ยนไปยังภาพกล้องวงจรปิดตัวอื่นที่จับภาพทั้งสามเอาไว้ทันที ทั้งสามคนขึ้นลิฟต์ลงไปชั้นล่างแล้วเดินออกจากโรงแรม และพวกเขาเดินไกลออกไปจนพ้นรัศมีกล้องวงจรปิดของโรงแรมด้วย 

 

 

ดวงตาของจิ้นหยวนเป็นประกายวาบพลางกระเด้งตัวลุกขึ้นยืน ส่วนหลินจื้อเฉิงรีบติดต่อลูกน้องทันทีอย่างรู้หน้าที่เพื่อหาวิธีตามล่าหาภาพกล้องวงจรปิดทางจราจรโดยรอบอย่างรวดเร็วที่สุด 

 

 

จิ้นหยวนเดินก้าวเท้ายาวๆ ออกจากโรงแรม เรื่องนี้แปลกมาก มีหลายจุดที่แปลกมากจนทำให้เขาคิดไม่ตก 

 

 

ถ้าเฝิงเจ๋อคิดจะทำมิดีมิร้ายเฉียวซือมู่จริง แล้วทำไมถึงยอมให้หรงเซียวปรากฏตัวขึ้นในแผนการของตัวเอง? นี่มันขัดแย้งกันไม่ใช่เหรอ? เขาดูออกตั้งแต่แรกแล้วว่าหญิงสาวที่ชื่อหรงเซียวชอบเฝิงเจ๋อ 

 

 

จะบอกว่าเฝิงเจ๋อแค่พาเฉียวซือมู่เข้าไปพักผ่อนในห้องอย่างนั้นเหรอ? แล้วทำไมหรงเซียวถึงทะเลาะกับเขาล่ะ? เพราะอะไรกัน? 

 

 

และที่สำคัญที่สุด ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน? 

 

 

จิ้นหยวนกลับถึงบริษัทก็มีแฮกเกอร์ทำหน้าที่รออยู่ก่อนแล้ว นิ้วมือของพวกเขาเคาะลงบนแป้นพิมพ์ด้วยความรวดเร็วราวจรวด บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ปรากฏภาพและตัวเลขมากมายจนลานตา 

 

 

พวกเขาเป็นลูกน้องของจิ้นหยวนที่กำลังแฮกภาพจากกล้องวงจรปิดที่อยู่รอบๆ โรงแรมเอ็มเพอร์เรอร์เพื่อสืบหาว่าทั้งสามคนออกจากโรงแรมอย่างไร 

 

 

เวลาค่อยๆ ผ่านไป จิ้นหยวนร้อนใจดั่งไฟเผา 

 

 

ในเวลาเดียวกัน ในที่สุดเฉียวซือมู่ที่กำลังนอนไม่ได้สติอยู่บนเตียงหลังใหญ่มาพักใหญ่ก็ขยับแขนขาได้เสียที เมื่อกี้เธอหมดสติไปจนทำให้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เธอใจหายเพราะคิดว่าเรื่องที่เลวร้ายที่สุดเกิดขึ้นกับเธอแล้ว 

 

 

เสี้ยววินานทีนั้นเธอรู้สึกสับสนมากจนอยากจะสลบอีกรอบเพราะไม่อยากเผชิญหน้ากับความเลวร้ายทั้งหมดที่เกิดขึ้น แต่พอเธอค่อยๆ ขยับร่างกายถึงได้รู้ว่าร่างกายเธอยังคงปกติดีอยู่ เสื้อผ้ายังอยู่บนตัวเธอครบทุกชิ้น 

 

 

นี่มันเกิดอะไรขึ้น? เธอไม่ค่อยเข้าใจนัก จากคำพูดที่เธอได้ยินก่อนหมดสติ ดูเหมือนว่าเฝิงเจ๋อจะต้องลงมือกับเธอให้ได้ แต่ทำไมตอนนี้ถึง… 

 

 

เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้น สิ่งที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าคือฝ้าเพดานที่เก่าจนเริ่มออกสีเหลืองนิดๆ ตรงมุมห้องยังมีใยแมงมุมอีกต่างหาก 

 

 

ไม่ใช่สิ ที่นี่ไม่ใช่โรงแรมเอ็มเพอร์เรอร์ แล้วที่นี่มันที่ไหน? 

 

 

หัวใจเธอกระตุกอย่างแรง เธอกระเด้งตัวลุกขึ้นนั่งทันที 

 

 

การกระทำของเธอส่งผลทำให้คนที่นอนอยู่ข้างๆ สะดุ้งตื่นไปด้วย ทันใดนั้น เสียงเสียงหนึ่งดังลอยมาเข้าหูเธอ “พี่มู่มู่ พี่ฟื้นแล้วเหรอ? ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าคะ?” 

 

 

นั่นมันเสียงหรงเซียวนี่? เฉียวซือมู่หันไปมองด้วยความประหลาดใจแล้วเห็นใบหน้าสวยๆ ของหรงเซียวจริงๆ 

 

 

“นี่เธอช่วยพี่เอาไว้เหรอ?” เฉียวซือมู่คิดๆ แล้วเอ่ยถามออกไปด้วยความไม่แน่ใจ 

 

 

รอยยิ้มของหรงเซียวจางลง “ไม่ใช่ค่ะ เฝิงเจ๋อต่างหากที่ช่วยพี่เอาไว้” 

 

 

“เขาเหรอ? ก็เขาจะ…” ทันใดนั้น ดูเหมือนเธอจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เธอหันมองไปรอบๆ กายพลางเอ่ยถาม “ที่นี่ที่ไหน?” 

 

 

รอยยิ้มของหรงเซียวดูฝืดฝืน ไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ เธอเอ่ยตอบเสียงเบา “บ้านฉันเองค่ะ” 

 

 

มิน่า เธอถึงได้รู้สึกว่ามันเป็นบ้าน เธอถอนหายใจโล่งอกแล้วเอ่ยถามขึ้นใหม่ “แล้วเฝิงเจ๋อล่ะ?”