ทางฝั่งหลินจือความสัมพันธ์กับเทาเท่ก็พัฒนาขึ้นไปมาก ส่วนทางฝั่งซูซีก็มีเรื่องวุ่นวายอลหม่านเกิดขึ้น
อาจจะเพราะคนชั่วนั้นอายุมักยืนเสมอ อุบัติเหตุทางรถยนต์ครั้งนี้ซูซีไม่ได้เป็นอะไรมาก นอกจากหน้าผากมีแผลถลอกบวกกับสมองถูกกระทบกระเทือนเล็กน้อย อย่างอื่นก็ไม่มีอะไร
ทว่า ร่างกายของซูซีไม่ได้เป็นอะไร แต่สติก็แทบกระเจิดกระเจิง
ไกรภพยืนอยู่ข้างเตียงของเธอ มองดูความเจ้าอารมณ์ของเธออย่างเงียบๆ เห็นชัดว่า หลังจากที่รู้ว่าตัวเองขับรถชนเทาเท่กับหลินจือ เธอรู้แก่ใจดีว่าครั้งนี้ตัวเองไม่พ้นต้องเข้าคุกเป็นแน่
“ซี ใจเย็นๆก่อน ” ไกรภพเดินเข้าไปหาพยายามจะกอด และปลอบซูซี
ซูซีตะคอกและผลักเขาออก“จะให้ฉันใจเย็นยังไง ? ฉันจะต้องติดคุก! ต้องติดคุกแล้ว !”
ไกรภพยังคงแสดงออกถึงความรักที่มี“ ผมจะพยายามให้ทนายเข้าไปไกล่เกลี่ย ”
“ไม่มีประโยชน์หรอก ไม่มีประโยชน์……”ซูซีคร่ำครวญอย่างสิ้นหวัง“ ครั้งนี้มันไม่มีประโยชน์แล้วจริงๆ!”
ครั้งนี้แตกต่างจากครั้งที่แล้วที่เธอโยนความผิดให้หลินจือ ครั้งที่แล้วเธอยังเถียงข้างๆคูๆได้ ครั้งนี้ทุกอย่างมันชัดเจน กล้องวงจรปิดของถนนเส้นนั้นจะต้องบันทึกภาพของเธอที่ราวกับคนบ้าขับไปชนรถของเทาเท่เอาไว้ได้
ในตอนนั้นเธอกำลังคิดอะไรอยู่ ?
ซูซีดึงทึ้งไปที่ผมของตัวเองอย่างไม่เข้าใจ เธอทำเรื่องบ้าๆแบบนั้นไปได้ยังไง ?
เธอแค่ต้องการจะสร้างปัญหาให้เทาเท่กับหลินจือเท่านั้น แค่อยากให้พวกเขาไม่มีความสุข แต่เธอไม่เคยคิดอยากจะเอาชีวิตพวกเขาเลย……
“ขอโทษ ผมผิดเองที่ลงไปซื้อกาแฟอะไรนั้น หากผมอยู่กับคุณตลอด คุณก็คงไม่ทำเรื่องอะไรแบบนี้……”ไกรภพเดินเข้ามาโอบกอดเธอเอาไว้ ฝังหน้าลงไปที่ลำคอแล้วพูดขอโทษกับเธอ
ไกรภพเผยความรู้สึกที่แท้จริง ซูซีรู้สึกเจ็บปวดใจ กอดเขาไว้แล้วปล่อยโฮออกมาทันที
ในตอนนี้เองเนียร์พรวดพราดเข้ามาอย่างตื่นตระหนก“ ซี เกิดอะไรขึ้น ? ทำไมแกถึงขับรถไปชนเทาเท่ได้?”
เนียร์ก็เพิ่งทราบข่าวเรื่องของซูซีมาจากทางตำรวจ เธอฟังแล้วก็แทบลมจับ
เบลซก็เข้าคุกไปแล้ว เธอจะอยู่โดยไม่มีซูซีไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเธอจะอยู่ยังไง ?
เธอเป็นหญิงสูงวัยอายุห้าสิบแล้ว จะออกไปทำมาหากินอะไรได้อีก ? ซูซียังสาว และยังเคยเป็นนักแสดงมาก่อน หน้าตาสะสวย ยังไงก็ยังพอมีลู่ทางทำมาหากินได้อยู่
ซูซีเงยหน้าขึ้นภายในอ้อมแขนของไกรภพ ปาดน้ำตาออกแล้วพูดว่า “หนูก็ไม่รู้ทำไม ตอนนั้นเห็นเขาพูดคุยหัวเราะกันกับหลินจือในรถ ก็รู้สึกมันบาดตา จากนั้นก็ฉุนแล้วจึงเหยียบคันเร่ง……”
เนียร์โกรธจนร้องไห้ออกมา เงยหน้าขึ้นก็เห็นไกรภพที่อยู่ข้างๆ ทันใดนั้นเธอก็โกรธจัดขึ้นมาทันที
เดินเข้าไปหาแล้วตบไปที่ใบหน้าของไกรภพอย่างจัง เนียร์กัดฟันกร่อนแล้วตะคอกเสียงดัง“ไกรภพ นี่คุณดูแลซีแบบนี้เหรอ ? เธอไปกินข้าวกับคุณแค่มื้อเดียว ก็เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้ !”
เนียร์ก่นด่าคอเป็นเอ็น “ฉันบอกแกแล้วว่าอย่าไปกินข้าวกับเขา ฉันจะทำให้กินเองที่บ้าน แกก็ไม่ฟัง!”
แรงตบของเนียร์นั้นถือว่าหนักใช้ได้ ใบหน้าที่ขาวนวลของไกรภพทันใดนั้นก็มีรอยนิ้วมือแดงปรากฏ เห็นแล้วน่าตกใจมาก
ซูซีเจ็บปวดใจยิ่ง ยืนบังไกรภพเอาไว้ด้านหลังแล้วตวาดเสียงดังใส่เนียร์ “แม่ แม่ทำอะไรเนี่ย ? เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับEricกัน ? เพราะหนูควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ต่างหาก ”
เมื่อเห็นซูซีปกป้องไกรภพแบบนี้ เนียร์ก็แทบหายใจไม่ออก ยกมือยันไปที่กำแพงและสูดหายใจเข้าปอดอย่างหนัก
“ซี อย่าพูดแบบนี้กับคุณน้าเลย” ไกรภพดึงซูซีกลับมา “คุณน้าเธอก็แค่เป็นห่วงคุณ ไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรกับผม”
คำพูดนี้ของไกรภพไม่พูดก็ยังไม่มีอะไร พอพูดไปแล้วซูซีก็ถึงกับควันออกหู “ไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไรกัน ? เธอไม่ชอบขี้หน้าคุณเลยต่างหาก”
“ฉันเข้าแล้ว เธอไม่ชอบคุณ เมื่อก่อนไม่ชอบคุณ ตอนนี้ก็ไม่พอใจคุณ ดังนั้นก็จึงคอยแต่จะหาเรื่องคุณตลอด !”
ซูซียิ่งพูดก็ยิ่งฉุนมากขึ้น“ตอนนั้นเธอเอาแต่ยุให้ฉันเลิกกับคุณ บอกว่าเทาเท่นั้นร่ำรวยและมีความสามารถมากกว่า อนาคตจะต้องรุ่งโรจน์และมั่งคั่งอย่างแน่นอน!”
“เห็นชัดว่าเธอสนใจแค่ความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่งเหล่านั้น จึงบังคับให้ฉันเข้าหาเทาเท่!”
คำพูดนี้ของซูซีทำเอาเนียร์ตกที่นั่งลำบาก เนียร์ทั้งโกรธและทั้งอับอาย จากนั้นก็ชี้หน้าตำหนิซูซีอย่างไม่เกรงกลัว“หรือแกเองไม่ได้คิดแบบนั้น ? หากแกไม่มักมาก แล้วแกจะเลิกกับเขาง่ายๆได้ยังไง?”
สองคนแม่ลูกก็มีปากเสียงกันขึ้นมา และต่างไม่มีใครยอมใคร
ไกรภพที่ยืนอยู่ข้างๆ แม้มือจะยังดึงซูซีเอาไว้ ไม่อยากให้เธอทะเลาะรุนแรงกับเนียร์ แต่แววตาก็มีเงาของความเกลียดชังผาดผ่าน
เขาย่อมรู้ ว่าเมื่อก่อนทั้งสองคนแม่ลูกนั้นเคยดูถูกเขามาก่อน
ซูซีแค่เล่นๆกับเขา หากจะต้องแต่งงานด้วยเธอย่อมต้องเลือกคนอื่นอยู่แล้ว เรื่องพวกนี้เขาไม่เอามาเป็นอารมณ์หรอก ที่เขาเข้าหาซูซี คบหากับซูซี ทำไมจะไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝงอยู่ล่ะ ?
หมอเจ้าของไข้ของซูซีตกใจกับเหตุการณ์ทะเลาะเบาะแว้งที่เกิดขึ้นภายในห้อง จึงมาเคาะประตูห้องพร้อมพยาบาล
และตำรวจเองก็มาในเวลานี้ด้วยเช่นกัน เห็นชัดว่าพวกเขามาเพื่อควบคุมตัวซูซี
เมื่อซูซีเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ตื่นตระหนก ยังดีที่ไกรภพคอยยื่นอยู่ข้างๆโอบเอวเธอไว้อย่างเอาใจใส่ดูแล เพื่อให้เธอไม่เข่าอ่อนทรุดฮวบลงกับพื้น
เจ้าหน้าที่ตำรวจแสดงบัตรประจำตัวกับซูซี จากนั้นก็ถามหมอ “อาการบาดเจ็บของคุณซูซีเป็นยังไงบ้าง ?”
หมอตอบไปตามความจริง“ นอกจากสมองกระทบกระเทือนเล็กน้อย อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรร้ายแรง”
เจ้าหน้าที่ตำรวจทำตามหน้าที่ทันที“ หากคุณซูซีไม่ได้เป็นอะไรมาก งั้นรบกวนตามเราไปด้วยครับ”
ซูซีเอะอะโวยวายขึ้นมาทันที “ ฉันไม่ไป พวกคุณไม่ได้ยินที่หมอพูดหรือไง ? สมองฉันได้รับการกระทบกระเทือน!”
ตำรวจไม่ได้สนใจคำพูดที่ไร้สาระของเธอ ตำรวจสองนายเดินเข้าไปหาแล้วล็อกข้อมือเธอเอาไว้
หมอเข้ามาขวางเจ้าหน้าที่เอาไว้ทันที แล้วรายงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปว่า“ คุณตำรวจ เลือดของคุณซูซีตรวจพบสารบางอย่าง สารตัวนี้สามารถกระตุ้นอารมณ์ของคนให้เกิดความตื่นตระหนกได้”
เมื่อเสียงของคุณหมอเงียบลง เจ้าหน้าที่ตำรวจก็เลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ ซูซีกับเนียร์ก็ตกใจไม่แพ้กัน
เมื่อซูซีได้สติก็รีบถามหมอทันทีว่า “หมายความว่ายังไง?”
หมออธิบายอย่างเรียบเฉยว่า“ หมายความว่าคุณอาจจะโดนวางยา ทำให้อารมณ์ของคุณแปรปรวน”
ซูซีดีใจอย่างมาก“งั้นแบบนี้ ฉันก็ไม่ต้องติดคุกนะสิ ?”
เธอก็ว่าทำไมจู่ๆอารมณ์ของเธอถึงได้ตอบสนองรวดเร็วฉับพลันแบบนี้ ที่แท้ก็มีคนปองร้าย หากเธอโดนปองร้ายจริงๆ เรื่องที่ขับรถชนคนเธอก็ไม่ต้องรับผิดชอบนะสิ?
ใครจะไปคิดว่าตำรวจจะพูดออกมาอย่างแข็งกร้าวว่า“การขับรถชนคนของคุณเป็นการก่อเหตุซึ่งหน้า ไม่ว่ายังไงก็ปัดความรับผิดชอบนี้ไม่ได้”
ตำรวจพูดเสริมอีกว่า“ นอกจากนี้ คุณถูกวางยา หรือจงใจกินยาเพื่อก่อเหตุ เราก็ต้องสอบสวนกันอย่างละเอียด”
ซูซีรีบพูดแก้ต่างให้ตัวเอง“ฉันถูกกลั่นแกล้ง ฉันจะไปกินยาแบบนั้นทำไม ?”
ตำรวจไม่ได้สนใจเธอ หันมองไปยังไกรภพที่อยู่ข้างๆแล้วถามว่า“ก่อนเกิดเหตุคุณซูซีไปทานข้าวกับคุณใช่ไหม?”
ไกรภพตอบอย่างใจเย็น“ครับ”
ตำรวจก็พูดต่อว่า “ งั้นรบกวนคุณไปกับเราด้วยครับ”