“ห้ามคิดชั่ว.. ห้ามคิดชั่ว…. ห้ามคิดชั่ว..”
หลิงหยุนพร่ำพรรณนาอยู่ในใจถึงสามครั้งเพื่อทําจิตใจให้สงบ ก่อนจะสูดลมหายใจยาว และผลักประตูห้องน้ําเข้าไป
แต่ก่อนจะเข้าไปนั้น หลิงหยุนได้ใช้จิตหยั่งรู้สํารวจภายในห้องน้ําเพื่อดู เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับซูปิงหยานที่อยู่ด้านในเสียก่อน
และก็พบว่าซูปิงหยานไม่ได้แกล้ง เธอหกล้มอยู่ในห้องน้ําจริงๆ และได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายได้ และตอนนี้สีหน้าของเธอก็บ่งบอกว่ากําลังเจ็บปวดอย่างมาก
“คุณซูเป็นยังไงบ้าง? ลุกขึ้นยืนไหวมั้ยครับ?” หลิงหยุนถึงกับกลืนน้ําลายหลายอึกขณะที่พูดกับซูปังหยานที่กําลังหน้าแดงเช่นกัน
“ถ้าลุกขึ้นยืนได้ ฉันจะเรียกเธอให้เข้ามาช่วยทําไมกัน? ตอนนี้ฉันเจ็บจะตายอยู่แล้ว!”
สาวใหญ่ท่าทางเย็นชาส่งเสียงดังตําหนิหลิงหยุนทันที ริมฝีปากแดงสดนั้นเอื้อนเอ่ยด้วยความโมโหในขณะที่ร่างกายสั่นเทา
ซูปิงหยานไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ หลิงหยุนจึงต้องโน้มกายลง และยื่นมือไปโอบร่างของซูปงหยาน แต่ท่าทางของเขาก็เก้ๆกังๆ ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี?
ระหว่างที่กําลังละล้าละลังว่าจะตรวจดูกระดูกของเธอก่อนดี หรือจะอุ้มเธอไปที่เตียงเลยนั้น เสียงของซูปิงหยานก็แผดขึ้นมาอีกครั้ง
“ยืนซื่อบื้ออยู่ทําไมกัน? รีบๆไปเอาผ้าเช็ดตัวมาสิ ยืนมองอยู่ได้” ซูปิงหยาน ร้องตะโกนบอกหลิงหยุน เธอทั้งโกรธและอาย
“เอ่อ.. ครับ”
หลิงหยุนรีบลุกขึ้นไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาห่มร่างของซูปิงหยานไว้ จากนั้นจึงค่อยๆอุ้มร่างของเธอขึ้นมา
“โอ้โห. คิดไม่ถึงว่าคุณซูจะหนักเหมือนกันนะครับ….”
เพื่อปกปิดความกระอักกระอ่วนใจของทั้งคู่ หลิงหยุนจึงแสร้งทําเป็นตลกขณะที่อุ้มร่างของซูปิงหยานเดินออกจากห้องน้ําไป
“ปากเสีย! ฉันตัวเล็กแค่นี้จะหนักขนาดนั้นได้ยังไงกัน?”
แม้ว่าชูปิงหยานจะรู้สึกเจ็บอยู่มาก แต่เมื่อได้อยู่ในอ้อมกอดของหลิงหยุน เธอกลับรู้สึกอบอุ่นใจมากกว่า
หลิงหยุนอุ้มร่างของซูปิงหยานเข้าไปในห้องนอนทันที ภายในห้องมีเตียงนอนขนาดใหญ่ หลิงหยุนจึงค่อยๆโน้มตัวลงวางร่างของเธอลงบนเตียงอย่างอ่อนโยน
“โอ๊ย..”
ระหว่างที่วางลงนั้น ร่างของซูปิงหยานที่กระทบกับความเย็นภายในห้อง และจากการเปลี่ยนท่าทางทําให้คิ้วของซูปิงหยานถึงกับขมวดเข้าหากัน และร้องอุทานออกมาด้วยความเจ็บปวดจนหลิงหยุนเองก็ยังอดที่จะสงสารไม่ได้
หลิงหยุนยืนจ้องร่างของซูปิงหยานด้วยแววตาเป็นประกายพร้อมกับกลืนน้ําลายเข้าไปหลายอึก จนลูกกระเดือกขยับไปขยับมาไม่หยุด
ทางด้านซูปิงหยานที่เห็นหลิงหยุนยืนมองตาไม่กระพริบนั้น ในใจก็แอบมีความสุขแต่ก็พูดออกไปว่า
“นี่เธอมัวแต่จ้องมองอะไรกัน?”
“เอ่อ.. ก็รูปร่างของคุณซูสวยงามไม่เบาเลยนี่!”
ในเมื่อได้เห็นกับตาไปแล้ว ก็ไม่จําเป็นต้องเสแสร้งปกปิดอีก หลิงหยุนจึงเอ่ยชมซูปิงหยานออกไปตรงๆ
“นี่.. เธอมองเห็นเรือนร่างของฉันหมดแล้ว ก็ต้องรับผิดชอบด้วยนะ!”
ซูปิงหยานร้องบอกหลิงหยุนทันที แต่ไม่รู้ว่าเธอตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจที่จะพูดออกไปแบบนั้น
หลิงหยุนพยักหน้ายิ้มๆ “ได้สิ! คุณซูอยากให้ผมรับผิดชอบยังไงก็ว่ามา รับรองว่าผมไม่ปฏิเสธอย่างแน่นอน!”
ก็มองตากันอย่างเข้าใจความคิดของอีกฝ่ายดี..
จากนั้นหลิงหยุนจึงพูดขึ้นยิ้มๆ “เอาล่ะ ให้ผมตรวจดูอาการบาดเจ็บของคุณก่อนดีกว่า!”
หลิงหยุนร้องบอกเพราะสังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างของซูปิงหยาน นั่นเพราะระหว่างที่ล้มลงกระแทกกับพื้นนั้น กระดูกสะโพกด้านขวาซึ่งอยู่ใกล้กับพื้นที่สงวนของซูปิงหยาน นั้นมีปัญหา แต่ถ้าซูปิงหยานไม่อนุญาต หลิงหยุนก็ไม่กล้าที่จะทําการรักษา เขาจึงดูลังเล..
แต่ความจริงแล้ว เป็นเพราะหลิงหยุนได้หลงลืมบางสิ่งบางอย่างในอดีตไป
สําหรับหลิงหยุนในเวลานี้ แม้ว่าเสน่ห์ที่น่าหลงใหลในวัยผู้ใหญ่ของซูปิงหยานจะทําให้เขาถึงกับตกตะลึง แต่เขาก็ไม่ถึงกับหลงใหลใส่ใจมากนัก
แต่สําหรับซูปิงหยานนั้นต่างกัน ความทรงจําของหลิงหยุนหายไป แต่ความทรงจําของเธอไม่ได้หายไปด้วย ทั้งคู่เคยนอนอยู่บนเตียงนี้ด้วยกัน
ในคืนที่หลิงหยุนได้รับบาดเจ็บสาหัสนั้น เขาสวมกางเกงชั้นในเพียงแค่ตัวเดียว และซูปิงหยานก็ได้จัดการทายาและประคบร้อนให้กับหลิงหยุนไปทั่วทั้งร่างกาย แม้กระทั่งในเวลาที่หลิงหยุนเพ้อ เธอก็ช่วยโอบกอดให้ความอบอุ่นกับเขาอยู่ตลอดทั้งคืน
ตั้งแต่นั้นมา ทั้งสองคนต่างก็มีความสัมพันธ์ที่ครุมเครือไม่ชัดเจน แต่เพราะอายุที่ห่างกันเป็นสิบปี ทําให้หลิงหยุนคนก่อนที่รู้สึกว่าตนเองต่ำต้อยนั้น ไม่กล้าที่จะก้าวข้ามเรื่องนี้ และได้แต่เก็บซ่อนอารมณ์ความรู้สึกของตนเองไว้
แต่ตอนนี้ หลิงหยุนคนนี้ทั้งแข็งแกร่งและหล่อเหลา ทําให้ไฟปรารถนาในใจของซูปิงหยาน กลับมาลุกโชติช่วงขึ้นอีกครั้งจนยากที่จะดับลงได้!
แต่ในเวลานี้ ความรู้สึกของคนทั้งคู่นั้นแตกต่างกันแล้ว จึงนําไปสู่สถานการณ์ที่ทั้งดึงดูดและกระอักกระอ่วนใจอย่างบอกไม่ถูก
“ คุณซูครับ.. ไหนๆผมก็เห็นเรือนร่างของคุณหมดแล้ว ผมขออนุญาตทําการรักษาให้คุณเลยก็แล้วกัน เพราะถ้าไม่รีบรักษา คุณจะต้องเจ็บปวดมาก..”
ซูปิงหยานได้แต่เหลือบมองหลิงหยุนอายๆ แต่ไม่ตอบอะไร
หลิงหยุนกระแอมเบาๆ จากนั้นจึงค่อยๆเอื้อมมือออกไปเปิดผ้าขนหนูที่ปิดทับต้นขาของซูปิงหยานขึ้น และค่อยๆวางฝ่ามือที่ร้อนผ่าวลงบนสะโพกข้างขวาของเธอ
“สะโพกข้างขวาบวม และฟกช้ำเล็กน้อย”
“คุณซูครับ.. ผมจะค่อยๆนวดคลึงให้อย่างเบามือ เดี๋ยวเดียวก็หายแล้ว!” หลิงหยุนบอกอย่างมั่นใจ
ซูปิงหยานถึงกับถอนหายใจเบา และได้แต่คิดในใจว่า ถ้าเป็นไปได้เธออยากจะล้มให้หนักกว่านี้ด้วยซ้ำไป และนึกอยากให้หลิงหยุนไม่ต้องมีทักษะทางการแพทย์ที่เก่งนัก อีกทั้งยังนึกอยากให้หนุ่มน้อยนอนอยู่บนเตียงเป็นเพื่อนเธออีกด้วย
หลิงหยุนนั่งขัดสมาธิลงบนเตียง จากนั้นจึงยื่นมือขวาออกไปนวดที่สะโพกให้ซูปังหยานอย่างเบามือพร้อมกับถ่ายเทพลังชีวิตลงไปด้วย
รอยบวมช้ำเพียงแค่นี้เป็นเรื่องเล็กน้อยสําหรับหลิงหยุนมาก เขาแทบไม่ทําให้ซูปิงหยานต้องรู้สึกเจ็บด้วยซ้ำ และเพียงแค่นวดเบาๆสองสามครั้ง อาการของซูปิงหยานก็หายเป็นปลิดทิ้ง
แต่หลิงหยุนยังไม่วางใจ เขาจึงเรียกยันต์บําบัดระดับสื่อออกมา หลังจากใช้ยันต์รักษาอาการบวมช้ำและรอยแดงต่างๆก็หายไปทันที
แม้ว่าจะเป็นสัมผัสเพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆจากหลิงหยุน แต่ซูปิงหยานก็ได้ดื่มต่ำจนมึนเมาไป แล้วภายในห้องจึงเต็มไปด้วยบรรยากาศของหญิงชายที่ถูกกระตุ้นเร้าอารมณ์
หลิงหยุนร้องบอกซูปิงหยานหลังจากที่ทําการรักษาให้กับเธอเรียบร้อยแล้ว จากนั้นจึงเอื้อมมือไปปิดผ้าเช็ดตัวไว้ให้ดังเดิม หลิงหยุนมองซูปิงหยานที่สีหน้ากําลังมีความสุขพร้อมกับพูดยิ้มๆ
“คุณซูครับ. นี่คุณกําลังล่อลวงเยาวชนอยู่นะครับ!”
“ฉันนี่นะล่อลวงเธอ!”
ซูปิงหยานทําเสียงโมโห และรีบขยับตัวลุกขึ้นนั่งทันที ร่างของเธอนั่งเผชิญหน้ากับหลิงหยุน ในระยะกระชั้นชิด จนสามารถรับรู้ได้ถึงไอร้อนที่ออกมาจากปากและจมูกของอีกฝ่ายได้
“คุณซูครับ.. คุณทําแบบนี้จะไม่เป็นผลดีต่อเยาวชนนะครับ..” หลิงหยุนพูดพร้อมกับจ้องมองเรือนร่างส่วนบนของซูปิงหยาน
“ผมยังเป็นเด็กบริสุทธิ์อยู่เลย เพิ่งจะสอบเอนทรานซ์เสร็จ ยังไม่เข้ามหาวิทยาลัยด้วยซ้ำไป…” หลิงหยุนตอบยิ้มๆ
สีหน้าของซูปิงหยานเปลี่ยนไปทันที ใบหน้าของเธอซีดเผือด ดวงตาที่เป็นประกายก็เริ่มสลดลงพร้อมกับถามเสียงเบา
“หลิงหยุน.. เธอ เธอคงคิดว่าฉันแก่เกินไปที่เราสองคนจะ..?”
“หรือ หรือเธอคิดว่าฉันไม่สวยพอเมื่อเทียบกับสาวน้อยรอบตัวเธอ?”
ซูปิงหยานนึกถึงสาวๆที่เธอพบเห็นในวันเปิดคลินิกของหลิงหยุน ไม่ว่าจะเป็นหลินเมิงหาน เหมียวเสี่ยวเหมา เสี่ยวเม่ยหนิง หรือว่าเหยาลู่..
หลิงหยุนส่ายหน้าพร้อมกับตอบไปยิ้มๆ “นี่คุณซู.. คุณคิดไปถึงใหนแล้ว? ในความคิดของผม คุณยังดูเหมือนเด็กสาวอายุยี่สิบต้นๆด้วยซ้ำไป!”
“คุณซูทั้งสวยแล้วก็มีเสน่ห์มาก สาวๆอีกหลายคนยังสาวและสวยสู้คุณไม่ได้เลย!”
แม้ว่าหลิงหยุนจะพูดเกินไปหน่อย แต่ซูปิงหยานในวัยสามสิบเอ็ดนั้น ก็ดูเหมือนหญิงสาวอายุยี่สิบเจ็ดเท่านั้น ไม่ได้แก่หรือดูเท่ากับอายุจริงเลย อีกทั้งยังมีเสน่ห์มากอีกด้วย และในวันข้างหน้าหลิงหยุนก็จะสามารถทําให้ผู้หญิงดูอ่อนกว่าวัยได้หลายสิบปีเลยทีเดียว
ดังนั้นอายุจึงไม่ใช่ปัญหาสําหรับเขา แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นปัญหาสําหรับตัวซูปิงหยานเองเสียมากกว่า
หลังจากที่หลิงหยุนพูดจบ ซูปิงหยานก็นึกถึงปัญหาอีกหนึ่งข้อขึ้นมาได้ นั่นก็คือเธอไม่ใช่หญิงสาวบริสุทธิ์