บทที่ 654 : ความคาดหวัง!
สิ้นเสียงพูดของหลิงหยุน ตี้เสี่ยวอู๋ก็โยนกุญแจรถให้กับหลิงหยุนที่อยู่ด้านหลัง
หลังจากที่ซูปิงหยานและเยี่ยนจื่อขึ้นไปบนรถแล้ว หลิงหยุนก็จัดการสตาร์รถ และรีบขับออกไปให้พ้นสายตาผู้คนที่จ้องมองมาอย่างรวดเร็ว
“หลิงหยุน.. นี่นาย.. นายเก่งจนฉันไม่อยากจะเชื่อเลย!” เยี่ยนจื่อที่นั่งอยู่ด้านหลังรถได้แต่ร้องอุทานออกมาอย่างตื่นเต้น
“จัดการกับขยะแค่สองสามชิ้น เก่งตรงใหนกัน? เอาล่ะ.. ผมจะไปส่งพวกคุณสองคนกลับบ้าน ว่าแต่จะให้ไปส่งใครก่อนดีล่ะ?” หลิงหยุนถามยิ้มๆ
เยี่ยนจื่อแอบมองซูปิงหยานที่ยังคงนั่งนิ่งไม่พูดอะไร แล้วจึงหันไปพูดกับหลิงหยุนว่า “ส่งฉันก่อนก็ได้.. บ้านฉันอยู่ใกล้ๆแค่นี้เอง เลี้ยวซ้ายนิดเดียวก็ถึงแล้ว!”
แต่เยี่ยนจื่อก็ไม่ได้พูดโกหก เพราะเพื่อให้สามารถเดินทางไปทำงานที่ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ของซูปิงหยานได้สะดวกมากขึ้น เธอจึงได้มาเช่าห้องใกล้ๆแถวนี้อยู่
“นี่.. เยี่ยนจื่อ!”
ซูปิงหยานเหลือบมองเยี่ยนจื่อพร้อมกับกัดริมฝีปากเบาๆ ความจริงแล้วเธอต้องการให้เยี่ยนจื่อที่เพิ่งจะถูกทำร้ายเพราะปกป้องร้านไปค้างกับเธอที่บ้านในคืนนี้ด้วย
แต่ทั้งเยี่ยนจื่อและซูปิงหยานนั้นต่างก็รู้ใจกันดี เยี่ยนจื่อรู้ดีว่าซูปิงหยานต้องการอะไร? เธอจึงตั้งใจบอกหลิงหยุนจอดรถให้เธอลงไปก่อน
หลังจากที่เยี่ยนจื่อลงจากรถไปแล้ว หลิงหยุนจึงถามเยี่ยนจื่อยิ้มๆ “เยี่ยนจื่อ.. นี่คุณไม่คิดจะชวนผมลงไปดื่มชาที่ห้องบ้างเลยเหรอ?”
เยี่ยนจื่อมองใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตรของหลิงหยุน และตอบกลับยิ้มๆ “ถ้านายอยากจะดื่มชาจริงๆ ก็ไปดื่มที่บ้านคุณซูสิ! บ้านคุณซูมีชาดีๆเยอะแยะเลย ที่บ้านฉันไม่มีหรอก อย่าว่าแต่ชาเลย น้ำร้อนยังไม่มีเลย..”
หลิงหยุนรู้สึกชื่นชอบเยี่ยนจื่อที่เป็นคนตรงๆ เขาถึงกับหัวเราะร่าเมื่อได้ฟังคำตอบที่ตรงไปตรงมาของเยี่ยนจื่อ
“คุณซู! ระบบคอมพิวเตอร์ที่บ้านคุณเสียไม่ใช่เหรอ? อย่าลืมให้หลิงหยุนช่วยจัดการให้ล่ะ?”
ในคืนที่หลิงหยุนถูกจ้าวเผิงเฟยกับลูกน้องทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสนั้น เขาก็ได้ไปพักอยู่ที่บ้านของซูปิงหยานหนึ่งคืน แต่หลังจากคืนนั้นซูปิงหยานก็ได้ขอให้หลิงหยุนไปช่วยลงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ให้เธอที่บ้าน แต่หลิงหยุนกลับแสดงท่าทีอิดออดและปฏิเสธ ทำให้ซูปิงหยานถึงกับโกรธหลิงหยุนอย่างมาก
“พูดอะไรกันเยี่ยนจื่อ!” ทันทีที่ได้ยินเยี่ยนจื่อพูดออกมาเช่นนั้น ซูปิงหยานก็รีบส่งเสียงดุขึ้นทันที
“อื้อหือ.. คืนนี้บรรยากาศดีจัง เหมาะกับการพูดคุยเรื่องความรัก..”
ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ แต่เยี่ยนจื่อก็พูดประโยคนี้ออกมาพร้อมกับหัวเราะเสียงดังคล้ายพูดเล่น
หลิงหยุนยิ้มและเข้าใจในความหมายของเยี่ยนจื่อดี แต่เขาไม่คิดอะไรมากมาย จึงได้หันไปถามซูปิงหยาน
“คุณซู.. บ้านของคุณอยู่ใหนครับ?”
ซูปิงหยานถึงกับอึ้งไป! นี่.. หลิงหยุนไม่รู้ว่าบ้านของเธออยู่ที่ใหนงั้นเหรอ? เป็นไปได้อย่างไรกัน?!
“นี่เธอ.. ถ้าเธอไม่อยากจะไปส่งฉันที่บ้าน จอดตรงนี้ก็แล้วกัน ฉันกลับเองได้!”
ซูปิงหยานรู้สึกเสียใจอย่างมาก ใบหน้าของเธอซีดเผือดและเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมาทันที น้ำเสียงของเธอเจือด้วยความขมขื่น และแน่นอนว่าเธอกำลังเข้าใจหลิงหยุนผิดไปอย่างมาก!
หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่า ‘แย่แล้ว! หลิงหยุนคนก่อนคงจะรู้จักบ้านของซูปิงหยานว่าอยู่ที่ใหน? และตอนนี้นางก็กำลังเข้าใจข้าผิดไปใหญ่แล้ว ดูเหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่ด้วย!’
หลิงหยุนกำลังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งว่าจะอธิบายให้ซูปิงหยานเข้าใจได้อย่างไร? เขาเหลือบมองซูปิงหยานก่อนจะพูดขึ้นว่า
“คุณซูครับ.. มีเรื่องหนึ่งที่ผมเองยังไม่เคยบอกกับคุณ คุณยังจำวันที่ผมไปขอดูกล้องวงจรปิดที่ร้านคุณได้มั๊ย? มีคนคิดจะเอาชีวิตผม พวกมันตั้งใจขับรถชนผม แต่โชคดีที่ผมรอดมาได้หวุดหวิด แต่สมองของผมก็ได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ทำให้ความทรงจำเก่าๆหลายเรื่องในอดีตหายไปด้วย..”
ซูปิงหยานถึงกับตกใจ และนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะร้องอุทานเสียงดังออกมา!
“อะไรนะ?! นี่เธอ.. เธอถูกรถชนงั้นเหรอ?! ทำไมฉันไม่เคยรู้เรื่องนี้เลยล่ะ?”
จู่ๆ ซูปิงหยานก็นึกถึงเรื่องที่หลิงหยุนละเมอพูดในคืนที่ถูกทำร้ายร่างกาย และคิดว่าหลิงหยุนกำลังพูดถึงเรื่องนี้ นี่หมายความว่าหลิงหยุนรู้ว่ามีคนคิดร้ายกับตนเองอยู่น่ะสิ?!
หลังจากนิ่งไปครู่ใหญ่ ซูปิงหยานก็รีบถามขึ้นมาอย่างตื่นตระหนก “ฉันไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย แล้ว.. ตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง? ยังเจ็บตรงใหนอยู่อีกหรือเปล่า?”
หลิงหยุนบอกไปว่าสมองของเขาได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง แต่ความจริงแล้วสมองเขาเขายังอยู่ในสภาพดีเยี่ยม เพียงแค่ความทรงจำบางอย่างหายไปเท่านั้นเอง แต่ซูปิงหยานก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ว่าหลิงหยุนจะได้รับบาดเจ็บที่ส่วนอื่นบ้างหรือไม่?
เมื่อหลิงหยุนได้เห็นสีหน้าท่าทางตกอกตกใจ และเป็นห่วงเป็นใยของซูปิงหยาน เขาก็ถึงกับหัวเราะออกมาพร้อมกับตอบไปว่า
“คุณซูครับ! ลืมไปแล้วเหรอครับว่าผมถูกรถชน แค่รอดชีวิตมาได้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว เจ็บนิดๆหน่อยๆไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร คุณดูผมตอนนี้สิ.. เหมือนคนได้รับบาดเจ็บตรงใหนบ้างหรือเปล่า?”
ซูปิงหยานตกใจจนลืมนึกไป เธอส่ายหน้าด้วยความโล่งอกจนหน้าอกสีขาวสั่นกระเพื่อม
“เฮ้อ.. งั้นก็โล่งอกไปที! เธอทำให้ฉันตกใจแทบแย่..”
แต่เมื่อสังเกตเห็นสายตาของหลิงหยุนที่จับจ้องอยู่ที่คอเสื้อลึกของเธอ ใบหน้าของซูปิงหยานก็แดงก่ำ และไม่พูดอะไรอีก
‘เด็กนี่ดูเหมือนจะกล้ากว่าเมื่อก่อนมาก..’ ซูปิงหยานได้แต่คิดอยู่ในใจเงียบๆ
“คุณซูครับ.. ทีนี้จะบอกได้หรือยังว่าบ้านของคุณอยู่ที่ใหน? ผมจะได้ส่งคุณกลับบ้านถูก”
สองสามนาทีต่อมา หลิงหยุนก็ขับรถเข้าไปในหมู่บ้านเงียบสงบแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่มากนัก อีกทั้งกลางคืนรถก็ไม่ติดจึงไปถึงในเวลาอันรวดเร็ว
หลิงหยุนจอดรถไว้ใต้ตึกของซูปิงหยาน ทั้งสองคนเดินลงจากรถ ซูปิงหยานเงยหน้าขึ้นมองบันไดขึ้นตึก แต่ก็ไม่กล้าหันกลับไปมองหลิงหยุน เธอเกิดความรู้สึกกระอักกระอ่วนและไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี แต่ระหว่างที่ลังเลอยู่นั้น หลิงหยุนก็ชิงพูดขึ้นว่า
“คุณซู.. คุณขึ้นไปที่ห้องเองได้มั๊ยครับ? ถ้าได้.. ผมก็ขอตัวกลับก่อน!”
“ไม่.. ไม่ได้!”
ซูปิงหยานรีบร้องห้ามหลิงหยุนไว้ทันที ท่าทางและแววตาเย็นชาที่เคยมีก็หายไป แต่กลับแทนที่ด้วยแววตามีเสน่ห์ยั่วยวนขึ้นมาแทน
ซูปิงหยานนั้นนับได้ว่าเป็นผู้หญิงที่สวยงามมากคนหนึ่ง และยิ่งตกอกตกใจก็ยิ่งสวย และน่สงสาร หลิงหยุนจึงพูดขึ้นว่า
“ผมจะขึ้นไปส่งคุณที่ห้องเอง!” ในค่ำคืนที่เป็นอกเป็นใจเช่นนี้ หลิงหยุนเองก็ไม่ได้โง่
“อืม.. ก็ดี” ซูปิงหยานตอบเสียงกระซิบเบาราวกับเสียงยุง
แล้วทั้งคู่ก็เดินขึ้นไปบนตึกพร้อมกัน ซูปิงหยานกดลิฟท์ขึ้นไปชั้นสิบหก และทั้งชั้นนั้นก็คือห้องของเธอทั้งหมด
“คืนนี้อากาศร้อนจัง..”
วันนี้เป็นวันที่จิงฉูอากาศร้อนมาก อุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 36 องศาในตอนเย็น นับว่าเป็นอากาศที่ร้อนอบอ้าวอย่างมาก อยู่ในรถที่เปิดแอร์ยังไม่เท่าไหร่ แต่เมื่อลงมาจากรถ ซูปิงหยานก็ถึงกับร้อนจนเหงื่อท่วมตัว และเสื้อชั้นในที่รัดตัวอยู่แล้ว ก็ยิ่งรัดแน่นจนอึดอัดเข้าไปใหญ่
“โอ้โห.. ห้องใหญ่มากจริงๆ!” หลิงหยุนที่เดินเข้าไปในห้องถึงกับเอ่ยชมขึ้นมาทันที
ห้องของซูปิงหยานนั้นดูเหมือนจะมีเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า 140 ตารางเมตร บรรยากาศภายในห้องนั้นนอกจากจะสะอาดสะอ้านสบายตาแล้ว ยังดูอบอุ่นอีกด้วย แต่น่าเสียดายที่เธอเองต้องอยู่อย่างอ้างว้างมานานถึงห้าหกปี
ซูปิงหยานมองตาหลิงหยุน แล้วพูดขึ้นอย่างโกรธๆแต่ก็ไม่จริงจังนัก “เธอเคยมาที่นี่แล้ว เธอจำอะไรไม่ได้เลยเหรอ?!” ซูปิงหยานเน้นคำว่า ‘เคย’
ทันทีที่เปิดประตูเข้ามา ซูปิงหยานก็รีบเปิดเครื่องปรับอากาศทันที ใบหน้าของเธอแดงก่ำขณะที่บอกกับหลิงหยุนว่า
“เธอนั่งรอฉันประเดี๋ยวนะ ถ้าอยากจะดื่มน้ำก็ไปหยิบในตู้เย็นได้เลย ฉันขอตัวไปอาบน้ำก่อน..”
วันนี้ซูปิงหยานถูกก่อกวนมาตลอดทั้งวัน เธอทั้งดิ้นรนต่อสู้ ทั้งตื่นเต้นตกใจ ทั้งอับอายจนเหงื่อท่วมตัวไปหมด และด้วยความเป็นคนเจ้าสะอาด เธอจึงทนกับร่างกายที่เหนียวเหนอะหนะไม่ได้
“เชิญคุณซูตามสบายเลยครับ ไม่ต้องเป็นห่วงผม..”
หลิงหยุนตอบกลับสบายๆ พร้อมกับพลิกนิตยสารในมือขึ้นอ่าน คืนนี้เขาไม่มีธุระอะไรจึงมีเวลาเหลือมากพอ
ภายในห้องตอนนี้มีเพียงชายหญิงอยู่ด้วยกันสองต่อสองนั้น เมื่อซูปิงหยานพูดว่าขอตัวไปอาบน้ำ ใบหน้าเย็นชาของเธอจึงเริ่มแดงก่ำ และในใจกลับมีความคาดหวังบางอย่าง
เมื่อเข้าไปในห้องน้ำแล้ว ซูปิงหยานก็จัดการล็อคประตู
เมื่อเข้าไปในห้องน้ำได้ ซูปิงหยานก็ล็อคประตู แต่แล้วกลับเปิดออกเพราะยังคงคาดหวัง จากนั้นจึงจัดการถอดเสื้อผ้าออก เสียงน้ำฝักบัวดังขึ้น และร่างงดงามของซูปิงหยานก็ถูกสายน้ำปกคลุม
ทางด้านหลิงหยุนที่นั่งพลิกนิตยสารต่างๆขึ้นอ่านนั้น ก็พบว่านิตยสารในห้องล้วนแล้วแต่เป็นนิตยสารเกี่ยวกับเครื่องประดับ หลิงหยุนจึงได้แต่ยิ้มพร้อมกับคิดในใจว่า
‘ดูเหมือนคุณซูจะชื่นชอบเครื่องประดับอย่างมาก..’
หลังจากนั่งรออยู่ครู่ใหญ่ หลิงหยุนก็พึมพำกับตัวเองว่า “ผู้หญิงนี่เรื่องมากจริงๆ อาบน้ำทีตั้งนาน..”
แต่แล้วจู่ๆ หลิงหยุนก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังขึ้นพร้อมกับเสียงดังโครม!
“เกิดอะไรขึ้น?”
หลิงหยุนรีบพุ่งไปที่ประตูห้องน้ำทันที เขากำลังจะยกมือขึ้นผลักประตู แต่ก็รีบดึงมือกลับมาเสียก่อน อีกทั้งนี่คือซูปิงหยานเขาจึงไม่กล้าใช้จิตหยั่งรู้สำรวจดูด้านใน จึงได้แต่ร้องถามออกไปว่า
“คุณซู.. เป็นอะไรมั๊ยครับ?”
เสียงของซูปิงหยานดังออกมาจากห้องน้ำ “ช่วยด้วย.. ฉันหกล้ม และไม่สามารถขยับตัวได้!”
“เข้ามาช่วยฉันหน่อยเร็วเข้า! ฉันเจ็บมาก”
“แต่.. ผมเกรงว่ามันจะไม่เหมาะ!” หลิงหยุนถึงกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่
“เธอ.. เธอเข้ามาช่วยฉันก่อน!” เสียงของซูปิงหยานดูกระวนกระวาย