บทที่ 1676+1677

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1676 ไม่อาจพ้นเงื้อมมือของมันไปได้

“หากที่นี่คือสถานที่คุมขัง ด้านในต้องมีคนเข้าออกอย่างแน่นอน รอให้คนด้านในออกมา พวกเราลอบทำร้ายให้สลบคนหนึ่งแล้วค่อยแฝงตัวเข้าไปก็ได้” หลานเยวี่ยพูดวิธีการของเขาออกมา

วิธีนี้ของเขาเป็นวิธีการที่ดีและค่อนข้างปลอดภัย

ทว่ายามนี้เป็นยามค่ำคืน ช่วงเวลานี้ต่อให้ด้านในมีคนอยู่ก็ไม่มีทางออกมาจับจ่ายอะไร

เช่นนั้นพวกเขาไม่ต้องรอจนถึงพรุ่งนี้หรอกหรือ?

ยิ่งไปกว่านั้นหากด้านในมีสิ่งของพร้อมสรรพ ไม่แน่ภายในสิบวันถึงครึ่งเดือนก็ไม่มีทางมีคนออกมา หรือว่าพวกเขาต้องนั่งเฝ้าไปอีกสิบวันถึงครึ่งเดือน?

ช่วยเหลือคนเสมือนช่วยดับเพลิง จะให้รอต่อไปอย่างนี้ถึงเมื่อใด?

เยี่ยนเฉินโมโหเบิกตาโต “พวกเรารอได้ แต่จิ้งจอกน้อยรอไม่ได้!”

หลานเยวี่ยทอดถอนใจ “นางถูกจับมาแล้วสองวัน หากคนอื่นอยากทำอะไรนางจริงๆ ก็ทำสำเร็จไปนานแล้ว พวกเรามาเร็วหรือช้าไปหนึ่งวัน ความจริงก็ไม่แตกต่างเท่าใดนัก”

ความจริงเขาไม่ค่อยคาดหวังกับการนำจิ้งจอกน้อยกลับคืนมาโดยไม่บุบสลายแล้ว เขาแค่พยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยคนออกมาให้ได้

เยี่ยนเฉินไม่สนใจเขา มองไปทางกู้ซีจิ่ว “ซีจิ่ว เจ้ามีวิธีหรือไม่?”

กู้ซีจิ่วมองเจ้าหอยยักษ์ข้างกาย “เอากระต่ายป่าที่ซ่อนอยู่ในเปลือกของเจ้าออกมาแล้วโยนลงไป”

เจ้าหอยยักษ์ติดตามมากับพวกเยี่ยนเฉิน เมื่อได้ยินคำสั่งนี้ของกู้ซีจิ่ว มันยังคงงงงวย “เจ้านาย ท่านรู้ได้อย่างไรว่าในเปลือกของข้ามีกระต่ายซ่อนอยู่?”

เจ้าหอยยักษ์ชอบซ่อนเสบียงไว้ ด้วยเกรงว่าหากถูกโยนทิ้งที่ไหนแล้วจะอดอยากปากแห้ง เมื่อมันเดินทางผ่านที่ใด จับสิ่งใดได้ก็กินสิ่งนั้น สิ่งใดที่กินไม่ได้ก็เลี้ยงไว้ในเปลือก…

ยามนี้ภายในเปลือกของมันเลี้ยงกระต่ายไว้สามตัว ไก่ฟ้าสองตัว แม้กระทั่งหมูป่าตัวหนึ่งก็ยังมี!

กู้ซีจิ่วเป็นเจ้านายของมัน ย่อมรู้นิสัยนี้ของมันดี ยิ่งไปกว่านั้นเธอยังได้ยินเสียงตะกุยของกระต่ายภายในเปลือกของมันด้วย…

เจ้าหอยยักษ์ค่อนข้างเสียดาย นำกระต่ายอวบอ้วนตัวหนึ่งออกมาจากในเปลือก จากนั้นก็ปรึกษากู้ซีจิ่ว “เจ้านาย หลังจากที่ข้าโยนมันลงไปแล้ว ยังเก็บมันกลับขึ้นมาได้อีกหรือไม่?”

กู้ซีจิ่วพยักหน้า “หากไม่มีอันตรายใด เจ้าย่อมเก็บกลับมาได้”

เจ้าหอยยักษ์วางใจแล้ว!

หากเก็บกลับมาได้ก็ดี กระต่ายนี้ไม่อาจพ้นเงื้อมมือของมันไปได้!

มันยื่นกระต่ายตัวนั้นให้กู้ซีจิ่ว กู้ซีจิ่วทะยานไปละแวกต้นไม้ ก่อนโยนกระต่ายไปทางต้นไม้ต้นนั้น

เจ้ากระต่ายกำลังร่วงหล่นลงบนยอดของต้นไม้ใหญ่นั้น

กระต่ายหล่นลงไปด้วยความงุนงง มันกระโดดขึ้นกำลังคิดจะหลบหนี ทว่ากลับเหมือนถูกบางสิ่งมัดแขนขาไว้ ร่วงลงที่พื้นสองครั้ง จากนั้นทุกคนก็ได้เห็นภาพฉากที่น่าอัศจรรย์ใจ

รากฝอยนับไม่ถ้วนดังไหมบริสุทธิ์ปรากฏขึ้นรอบตัวกระต่าย ไต่ไปตามแขนขา ทะลวงเข้าไปในตัวของมัน

กระต่ายตัวนั้นเหมือนถูกดูดเลือดเนื้อจนหมดสิ้น แห้งเหี่ยวลงอย่างรวดเร็ว…

เยี่ยนเฉินนิ่งอึ้ง

หลานเยวี่ยเบิกตาโพลงโต “เชื่อเถอะ! ต้นไม้นี้กลืนกินสิ่งมีชีวิต!”

เพียงชั่วพริบตา กระต่ายตัวนั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอย แม้แต่หนังติดกระดูกก็ไม่เหลือทิ้งไว้ ราวกับไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน

เหงื่อเย็นเฉียบของเยี่ยนเฉินไหลโซมกาย นึกไม่ถึงว่าต้นไม้นี้จะร้ายกาจถึงเพียงนี้! หากเมื่อสักครู่เขาบุกเข้าไป เกรงว่าจะถูกดูดจนกลายเป็นมนุษย์แห้งเหี่ยวเหมือนกระต่ายตัวนี้…

เจ้าหอยยักษ์เจ็บปวดหัวใจ กระต่ายของมัน! เสบียงของมัน!

มันยังไม่ทันได้ไว้ทุกข์ให้กระต่ายของตัวเอง กู้ซีจิ่วก็ยื่นมือออกมาทางมันอีก “เอาไก่ฟ้าออกมาตัวหนึ่ง”

เจ้าหอยยักษ์นิ่งอึ้ง

มันเจ็บปวดเสียจริงๆ!

กู้ซีจิ่วตบเปลือกของมัน “เชื่อฟังเถอะ ต่อไปข้าจะย่างแกะทั้งตัวชดใช้ให้เจ้า”

ดวงตาเจ้าหอยยักษ์เป็นประกายขึ้นมาทันที!

แกะย่างทั้งตัวเป็นอาหารชั้นเลิศที่กู้ซีจิ่วถนัด มันชอบกินเป็นที่สุด!

——————————————————————–

บทที่ 1677 ทลายค่ายกล

มันรีบหยิบไก่ฟ้าออกมา ยื่นให้อย่างข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ “เจ้านาย นี่ให้ท่าน ตัวหนึ่งพอหรือไม่? หากไม่พอที่ข้ายังมีอีกตัวหนึ่ง”

กู้ซีจิ่วโยนไก่ฟ้าลงไปบนยอดไม้ในทันที

ไก่ฟ้านั้นเหมือนรู้สึกได้ถึงอันตราย อุ้งเท้าเพิ่งสัมผัสถูกยอดไม้ ก็รีบกระพือปีกโบยบินขึ้นในทันที

ทว่าเห็นได้ชัดว่าไม่ทันแล้ว กลีบดอกเหมยแดงบนยอดไม้ปลิวไสวขึ้นอย่างไร้สุ้มเสียง ห่อหุ้มไก่ฟ้าตัวนั้นไว้ในทันที ไก่ฟ้าได้แต่ส่งเสียงร้องเพียงเล็กน้อยเท่านั้นแล้วก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ อีก

ผ่านไปไม่นาน กลีบดอกที่ปลิวไสวรวมตัวกันก็สลายหายไป ร่วงหล่นกลับบนต้นไม้ใหม่อีกครั้ง ส่วนไก่ฟ้านั้นกลับหายไปไร้เงา

ดูเหมือนกลีบดอกเหมยนี้จะดื่มโลหิตเป็นอาหาร!

หลานเยวี่ยมองดอกเหมยในมือ สั่นสะท้านด้วยความกลัวดังถูกน้ำร้อนลวก เขารีบโยนกิ่งเหมยทิ้งทันที!

“นี่คือค่ายกลเหมยโลหิตใยแมงมุม!” เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้หลานเยวี่ยตกใจรีบหันหลังกลับ เห็นตี้ฝูอีที่มายืนอยู่ด้านหลังของพวกเขาตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้ สายตากำลังมองดูดอกเหมยกิ่งนั้นเช่นกัน

หลานเยวี่ยโล่งใจ เขากำลังสงสัยว่าเหตุใดจึงไม่พบเทพผู้ยิ่งใหญ่ท่านนี้ นึกไม่ถึงว่าเขาจะปรากฏกายออกมาอย่างเงียบเชียบ

ดูเหมือนเขากับกู้ซีจิ่วแยกกันเคลื่อนไหว

หลานเยวี่ยรู้ข่าวคราวเป็นอย่างดี เขาย่อมรู้ว่ากู้ซีจิ่วกับตี้ฝูอีตัดขาดกันอย่างสิ้นเชิงแล้ว ดังนั้นเขาเลือกที่จะไม่ถามเรื่องราวเหล่านั้นอย่างชาญฉลาด

“อะไรคือค่ายกลเหมยโลหิตใยแมงมุม?” หลานเยวี่ยอยากรู้อยากเห็น

“มองเห็นเส้นทางเหล่านั้นท่ามกลางป่าเหมยหรือไม่? ความจริงพวกมันไม่ใช่เส้นทาง แต่เป็นเส้นเลือดของค่ายกล หลังจากที่เหมยโลหิตกลืนกินสิ่งมีชีวิต จะส่งอาหารผ่านเส้นเลือดเหล่านั้นไปยังต้นดอกเหมยโดยรอบเพื่อหล่อเลี้ยงพวกมัน เนื่องจากหล่อเลี้ยงด้วยโลหิต ดังนั้นดอกเหมยที่นี่จึงมีสีสันสดสวยเป็นพิเศษ ส่วนต้นดอกเหมยเหล่านี้ก็ดูดซับแก่นแท้สุริยันจันทรา แล้วค่อยส่งกลับไปบนเหมยโลหิตผ่านราก ทำให้เหมยโลหิตนี้เติบโตได้อย่างสมบูรณ์แข็งแรง”

“มิน่า ดอกเหมยที่นี่ถึงบานสะพรั่งได้สดสวยขนาดนี้ ทว่าเหตุผลที่สร้างค่ายกลที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ก็เพื่อเสริมสร้างการเจริญเติบโตของเหมยโลหิตนี้หรือ? หรือว่ามันทำอะไรได้หลังจากเจริญเติบโต?”

ตี้ฝูอีส่ายหน้า “ที่นี่คือค่ายกล โดยปกติค่ายกลเป็นการปิดตาย ดังนั้นใครผ่านไปมาก็ไม่ต้องเป็นกังวล คนนอกก็ไม่มีทางรู้ เมื่อใดที่มีใครต้องการทลายค่ายกล เหมยโลหิตนี้ก็จะเคลื่อนไหวก่อน ทั่วทั้งป่าเหมยเปรียบเสมือนใยแมงมุม ต้นเหมยล้วนมีชีวิตต่อไปได้เหมือนกันกับเหมยโลหิตนี้ จับมนุษย์ กลืนกินมนุษย์ ป่าเหมยผืนนี้กว้างใหญ่ไพศาล หากถูกคุมขังไว้ด้านใน ก็หลบหนีออกไปได้ยาก”

นึกไม่ถึงว่าบนโลกใบนี้จะมีค่ายกลที่ชั่วร้ายเช่นนี้ด้วย!

หลานเยวี่ยได้รับความรู้ใหม่แล้ว!

เขามองไปที่เยี่ยนเฉิน “เคราะห์ดีที่เมื่อสักครู่เจ้าไม่ได้บุ่มบ่ามบุกเข้าไป มิเช่นนั้น พวกเราทั้งหมดกลายเป็นปุ๋ยของที่นี่แล้ว!”

เขามองเหมยโลหิตต้นนั้นอีกครั้ง “ป่าเหมยผืนนี้มีอยู่ตรงนี้มานานแล้ว เมื่อก่อนก็ไม่เคยได้ยินว่ามันทำสิ่งใดประหลาด”

ตี้ฝูอีกล่าวอย่างเรียบเฉย “เหมยโลหิตนี้ไม่มีสิ่งใดแตกต่างกับต้นเหมยทั่วไปในเวลากลางวัน อีกทั้งมันถูกปลูกถ่ายขึ้นมาในช่วงหลัง และยังอยู่ในส่วนลึกที่สุดของป่าเหมย ดูดซับอาหารกลืนกินโลหิตยามค่ำคืน ในช่วงกลางวันต่อให้มีใครเดินผ่านใต้ต้นมันก็ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ฉะนั้นย่อมไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น”

ที่แท้เป็นเช่นนี้! หลานเยวี่ยเข้าใจแล้ว

ความจริงเยี่ยนเฉินไม่สนใจต้นกำเนิดของเหมยโลหิต เขาเพียงสนใจอยู่เรื่องเดียว “เช่นนั้นพวกเราควรจะทลายค่ายกลนี้อย่างไร?”

ตี้ฝูอีมองกู้ซีจิ่ว “นางไม่ได้กำลังทลายค่ายกลอยู่หรืออย่างไร?”

หลานเยวี่ยกับเยี่ยนเฉินมองกู้ซีจิ่ว ส่วนกู้ซีจิ่วกำลังเจ้าหอยยักษ์ให้นำ ‘เสบียง’ ออกมาจากเปลือกทั้งหมด

เจ้าหอยยักษ์รู้สึกเสียดาย ทว่ามันก็ขัดคำสั่งเจ้านายไม่ได้ ทำได้เพียงเอาออกมายื่นให้นางทีละตัวๆ ทั้งน้ำตา

——————————————————————