ตอนที่ 220 เนื้อความจดหมาย 

 

 

เซียงซือและกุ้ยเฟยต่างได้สมดั่งปรารถนา เรื่องนี้จึงจบลงอย่างน่ายินดีอย่างยิ่ง 

 

 

เซียงฉือถึงจะปฏิเสธกุ้ยเฟยไปตรงๆ เช่นนั้นแล้ว แต่เพราะเรื่องของครอบครัว ในใจจึงรู้สึกเสียดายอยู่บ้าง สิ่งสำคัญเพราะนางเข้าใจ สมัยนั้นซูเฟยก็เป็นข้าราชสำนักสตรีที่ฉลาดเฉลียวคนหนึ่ง 

 

 

การได้เสนอหน้าอยู่เบื้องหน้าฮ่องเต้เสมอๆ ย่อมมีโอกาสที่จะต้องตาฮ่องเต้บ้าง แต่ใจของเซียงฉือคิดถึงแต่เหอเจี่ยนสุย นางกับเขามีการหมั้นหมายกันอยู่ก่อน และเขาก็ไม่เคยทรยศนาง จะให้นางเป็นคนไร้คุณธรรมไร้หัวใจได้อย่างไร เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว เรื่องที่มองไม่เห็นทางแก้ปัญหาได้ดีเช่นนี้แต่ต้น กลับถูกเซียงซือแทรกเข้ามาอย่างไม่คาดฝัน ทำให้นางสามารถปลีกตัวได้อย่างปลอดโปร่ง 

 

 

เซียงซือเมื่อกุ้ยเฟยให้ความสำคัญจึงถูกกุ้ยเฟยรั้งตัวไว้รับใช้ข้างกายทันที ส่วนเซียงฉือกลับห้องของตนไป 

 

 

เซียงฉือรู้โดยไม่ต้องคิดว่า ช่วงระยะเวลานี้ บรรดาหญิงสาวที่ผ่านการสอบรอบแรกแล้วต่างกำลังเตรียมการกันอยู่ในวังหลัง วิ่งเต้นเพื่ออนาคตทางราชการของตนเอง 

 

 

แต่เซียงฉือนั่งเพียงลำพังอยู่ในห้อง มองดูจดหมายที่ถูกหยิบออกมา 

 

 

“รู้สึกแปลกๆ อยู่ หรือว่าเซียงซืออ่านไปแล้ว?” 

 

 

เซียงฉือมองดูตรงปากซอง รู้สึกเหมือนมีรอยยับอยู่ เมื่อดึงจดหมายออกมา ก็พบว่าวิธีการพับต่างจากแบบที่เหอเจี่ยนสุยเคยพับตลอดมาทำให้นางรู้สึกโกรธ 

 

 

“นางจะต้องหยิบจับไปแล้วแน่ เฮ้อ ไม่ควรวางจดหมายไว้ตรงนี้เลย” 

 

 

เซียงฉือขมวดคิ้วแน่น ทำให้เห็นว่ากำลังอารมณ์ไม่ดี เรื่องราวในวันนี้ทำให้นางไม่สบายใจ ความยินดีปรีดาก่อนหน้านี้จึงจืดจางลงไปมาก 

 

 

ขณะที่ถือจดหมายอยู่นั้น นางมองดูตัวอักษรที่คุ้นเคย แต่ไม่ได้รู้สึกดีใจแทบคลั่งอย่างเมื่อครู่ก่อนซึ่งนางก็ไม่รู้ว่าเหตุใดจึงรู้สึกหนักใจ 

 

 

เมื่อพลิกดูจดหมาย คำพูดอบอุ่นใจของเหอเจี่ยนสุยก็ผ่านเข้าในม่านตา 

 

 

 

 

 

‘สามสารทพลัดพรากดั่งสามปีผ่าน อธิษฐานหวังได้พบคะนึงหา คำคิดถึงแม้นว่าด้อยราคา ปวดอุราเพราะรักลึกสุดทรวง ไม่ว่าหยกขาวจะอยู่แห่งหนใด จะตามไปอยู่ด้วยตราบนิรันดร’ 

 

 

 

 

 

เหอเจี่ยนสุยยังวาดภาพกระทงดอกบัว ในภาพอันอบอุ่นมีรูปชายหนุ่มหญิงสาวร่วมกันปล่อยกระทงดอกบัวลงในแม่น้ำข้างชิงเฉิงในเทศกาลโคมไฟอีกด้วย 

 

 

ประโยค ‘ไม่ว่าหยกขาวจะอยู่แห่งหนใด จะตามไปอยู่ด้วยตราบนิรันดร’ ของเหอเจี่ยนสุยทำให้นางระลึกถึงท่าทางที่แข็งแกร่งกับสายตากระจ่างใสของเขา 

 

 

ชายหนุ่มที่ไม่ยึดติดในลาภยศสรรเสริญคนนั้นเหมือนกับเมฆขาว ล่องลอยอย่างไม่ทุกข์ร้อนอยู่บนท้องฟ้า หากเป็นเมื่อก่อน เซียงฉือก็คงจะเป็นเช่นเดียวกับเขาสูงส่งบริสุทธิ์อยู่เช่นนี้ตลอดกาล ใช้ชีวิตอย่างสบายอกสบายใจเช่นนี้ตลอดไป 

 

 

แต่นางกลับยิ่งเหมือนดอกไม้ที่งดงามเปล่งประกาย ต้องคอยเก็บหนามของตนอย่างเต็มที่ ให้ตนเองไม่เป็นที่สะดุดตาอยู่ในวังลึกล้ำแห่งนี้ ซึ่งนับวันก็จะยิ่งห่างไกลจากตัวตนที่แท้จริงของตนไปทุกที 

 

 

นางกอดจดหมายไว้ มุมปากผุดรอยยิ้มขึ้น จดหมายเช่นนี้เห็นท่าจะเก็บเอาไว้ไม่ได้แล้ว นางรู้ดีว่าในวังมีคนมากและพูดมาก ถึงจะเป็นเซียงซือพี่สาวนางก็ตาม 

 

 

รับประกันไม่ได้ว่าวันใดนางจะไม่พูดเหลวไหลออกมา และหากไปเข้าหูคนที่มีเจตนาไม่ดีเข้า ถึงตอนนั้นนางมีปากก็ยากจะแก้ตัว ทั้งยังอาจถูกปองร้ายได้อีกด้วย 

 

 

นางเห็นเตาไฟเล็กที่ใช้สำหรับต้มน้ำชาแล้วจึงนำจดหมายออกไปเผาเสีย แต่เก็บซองจดหมายเอาไว้ เมื่อเห็นดอกเหมยบนซองก็ยิ้มออกมา 

 

 

ยังจำได้ว่าในปีนั้น…