ตอนที่ 225 ปะทะกัน 

 

 

 

 

 

ในระหว่างที่ทั้งสองกำลังฟาดฟันกันอยู่นั้น เจาเอ๋อร์ก็ได้ยกกล่องอาหารออกมาจากห้องเสวย เมื่อเห็นพวกนางยืนล้อมอวี้อาเหราอยู่ก็ตกใจยิ่งนัก สาวเท้ายาวๆ เข้าไปข้างหน้า ก่อนจะรีบเอ่ยถามขึ้นด้วยความกังวลว่า “คุณหนู เกิดอะไรขึ้นเจ้าคะ” 

 

 

“เจ้ามาพอดีเลย” มุมปากของอวี้อาเหรายกยิ้มด้วยความยินดี ก่อนจะปรายตามองไปยังอวี้จื่อเยียน “คุณหนูใหญ่บอกว่าข้าไม่ยอมเดินไปกับพวกนางเพราะเกรงว่าจะเป็นการลดสถานะของตัวเอง อีกทั้งข้ายังไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งเสด็จพ่อ ต้องให้อนุรองที่กำลังตั้งครรภ์ออกเดินทางตาหาข้าไปทั่ว” 

 

 

“จะเป็นไปได้อย่างไรเจ้าคะ” เจาเอ๋อร์รีบถามกลับอย่างโกรธเคืองในทันที “คุณหนูของข้านั้นเห็นว่าอนุรองทำผ้าเช็ดหน้าตกจึงไม่ได้ตามไป หากจะโทษก็ไม่ควรโทษคุณหนูนี่เจ้าคะ!” 

 

 

เมื่อคนเหล่านั้นได้ยินแล้ว ทันใดนั้นก็เข้าใจได้ในทันทีว่าใครกันแน่ที่เป็นคนกล่าววาจาโกหก 

 

 

สีหน้าของอวี้จื่อเยียนย่ำแย่ลงในทันใด ทำได้แต่เพียงจ้องมองเจาเอ๋อร์อย่างคับแค้น 

 

 

อวี้อาเหรารับเอากล่องอาหารจากมือของเจาเอ๋อร์มา ก่อนจะหยิบจานของว่างสองสามจานออกมาให้ผู้อื่นได้ดู สุดท้ายแล้วก็จ้องมองไปยังอวี้จื่อเยียนด้วยสายตาเย็นชา “เจ้าคงไม่คิดว่าข้าจะเอาขนมมาโป้ปดผู้ใดหรอกใช่หรือไม่ นี่เจ้าก็เห็นอย่างชัดเจนแล้ว ก็อย่าได้กล่าวอีกเลยว่าข้าและเจาเอ๋อร์กำลังวางแผนการอะไรกันอยู่” 

 

 

“นางเป็นสาวใช้ของเจ้า แน่นอนว่าต้องช่วยเจ้าพูด…” อย่างไรเสียอวี้จื่อเยียนก็ไม่ยอมจำนน  

 

 

อวี้อาเหรากล่าววาจาขึ้นอย่างจนใจว่า “ฮูหยินและคุณหนูทุกท่านต่างก็ได้เห็นแล้ว เมื่อครู่นี้เจาเอ๋อร์ไม่ได้อยู่กับข้า อีกอย่างข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าพวกท่านจะมา หรือว่าข้ามีจิตทิพย์ จึงสามารถล่วงรู้ได้ว่าพวกท่านจะมา เช่นนั้นจึงให้เจาเอ๋อร์ไปเตรียมของว่างเอาไว้กระมัง?” 

 

 

“คุณหนูรองกล่าวได้ถูกต้อง” คนเหล่านี้เข้าใจขึ้นมาในทันที เพราะอย่างนั้จึงต่างพากันบริภาษอวี้จื่อเยียน 

 

 

“คุณหนูใหญ่ แม้ว่าท่านจะไม่ชอบคุณหนูรอง แต่ก็ไม่ควรใส่ความนางเช่นนี้!” 

 

 

“ใช่แล้วๆ!”  

 

 

หากเรื่องเช่นนี้ยังมองไม่ออกว่าใครถูกหรือใครผิด เช่นนั้นก็คงจะเป็นคนที่โง่เขลามากที่สุดในเมืองเฟิ่งเฉิงเป็นแน่แท้ 

 

 

คำด่าทอล้วนแล้วแต่พุ่งตรงไปหาอวี้จื่อเยียน จนทำให้สองแม่ลูกไม่มีหน้าที่จะรั้งอยู่ท่ามกลางหมู่ฮูหยินและคุณหนูเหล่านี้ได้อีก ทว่าเรื่องราวในครั้งนี้เป็นพวกนางรนหาที่เอง หากไม่ใช่เพราะจิตริษยาของอวี้จื่อเยียนก็คงไม่เกิดเหตุการณ์ยุ่งยากเช่นนี้เป็นแน่ อวี้อาเหราทำเพียงแค่ยืนมอง จากนั้นก็หลุบสายตาลง “ในเมื่อพี่สาวไม่อยากเห็นหน้าข้า เช่นนั้นข้าก็จะไปเองเจ้าค่ะ” 

 

 

“เหตุใดถึงเป็นคุณหนูรองที่ต้องไปเล่า เห็นชัดๆ ว่าเรื่องนี้เป็นความผิดของคุณหนูใหญ่…” เมื่อทุกคนได้เห็นท่าทางที่น่าสงสารของอวี้อาเหราแล้ว ในใจก็รู้สึกสงสารจนไม่อาจทนได้ เช่นนั้นจึงอดไม่ได้ที่จะพูดแทนนาง 

 

 

“พวกเจ้า!” อวี้จื่อเยียนโกรธจนหน้าดำหน้าแดง ถลึงตาจ้องมองอวี้อาเหรา 

 

 

“บุตรสาวของอนุอย่างไรเสียก็เป็นบุตรสาวของอนุ ไหนเลยจะมีวันเชิดหน้าชูตาได้” ฮูหยินผู้หนึ่งแค่นเสียงหยันออกมาอย่างเย็นชา วาจานี้ทำให้อนุรองและอวี้จื่อเยียนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใด สถานการณ์กลับเปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง สุดท้ายแล้วอนุรองก็ทำได้เพียงตีหน้าเรียบเฉยและเอ่ยขึ้นว่า “คุณหนูรองอย่าได้โกรธไปเลย ทั้งหมดนี้เป็นเพราะข้าน้อยสั่งสองบุตรสาวไม่ดี จนทำให้เหล่าฮูหยินและคุณหนูหัวเราะเยาะเอาได้” 

 

 

“ท่านแม่ นี่เป็นเพราะอวี้อาเหราจงใจชัดๆ…” 

 

 

“หุบปาก เจ้ายังไม่รีบมากับแม่อีกหรือ!” 

 

 

สีหน้าของอนุรองเปลี่ยนอปลงไปเป็นไม่น่าดูมากขึ้น ลากแขนของอวี้จื่อเยียนแล้วเดินจากไป 

 

 

เมื่อสองแม่ลูกจากไปแล้ว อวี้อาเหราก็หันไปส่งยิ้มบางให้กับเหล่าฮูหยินและคุณหนูทั้งหลาย “ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยเหลืออาเหรา อาเหราซาบซึ้งใจเป็นอย่างมากเจ้าค่ะ” 

 

 

ทุกคนหันมามองนางด้วยความตกตะลึง ในยามที่เผชิญหน้ากับสถานการณ์วุ่นวายนางยังคงมีท่าทางที่เรียบสงบ เหมือนคุณหนูตระกูลผู้ดีที่ได้รับการสั่งสอนมาเป็นอย่างดีทุกกระเบียดนิ้ว ไม่เหมือนกับที่คนเขาลือกันเลยแม้แต่น้อย ได้ให้กำเนิดบุตรสาวที่ทั้งงดงามและกตัญญูเช่นนี้ เหตุใดจึงถูกถอนหมั้นเสียได้นะ 

 

 

แต่ก็ดีแล้วที่ถูกถอนหมั้น ไม่อย่างนั้นหากนางต้องแปดเปื้อนเพราะองค์รัชทายาทแล้ว นั่นคงไม่ใช่เรื่องดีเป็นแน่ 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 226 สงบนิ่งเยือกเย็น 

 

 

 

 

 

“คุณหนูรองอย่าได้เกรงใจไปเลย เจ้าและข้าล้วนแล้วแต่มีฐานะเป็นธิดาเอก ไหนเลยจะปล่อยให้คนพรรค์นั้นเหยียบย่ำเอาได้ หากจะโทษก็ต้องโทษที่เจ้าใจดีเกินไป หากเป็นข้าแล้วละก็จะต้องทำให้พวกนางหลาบจำไปอีกนานเลยทีเดียว!” สุภาพสตรีผู้นั้นขบเขี้ยวเคี้ยวฟันขณะที่กล่าวขึ้น 

 

 

“อ้อ? ข้าลืมถามไปเสียว่าฮูหยินคือ…” อวี้อาเหราเลิกคิ้วขึ้นแล้วถาม 

 

 

“ข้าคือภรรยาเอกสายรองในจวนราชเลขากรมขุนนาง”  

 

 

“ที่แท้ท่านก็คือเริ่นฮูหยิน” อวี้อาเหราหัวเราะออกมาน้อยๆ หากจำไม่ผิดหญิงสาวผู้งดงาม มีดวงตารูปหงส์ตรงหน้านี้ก็เป็นภรรยาของท่านอาของเริ่นหว่านเอ๋อร์ เป็นน้องสะใภ้ของท่านราชเลขากรมขุนนาง เมื่อคิดได้ดังนี้แล้วนางก็ยิ้มกว้างมากยิ่งขึ้น “ไม่ทราบว่าหว่านเอ๋อร์มาถึงหรือยังเจ้าคะ” 

 

 

“คุณหนูรองรู้จักหว่านเอ๋อร์ด้วยหรือ” เริ่นฮูหยินพยายามเก็บซ่อนสีหน้าแปลกใจของตนเองเอาไว้ 

 

 

“ย่อมต้องรู้จักแน่เจ้าค่ะ” อวี้อาเหราพยักหน้า “เพียงแต่เพิ่งจะรู้จักกันเพียงไม่นานเท่านั้น ทว่าข้าและนางก็สนิทสนมจนกลายเป็นพี่น้องกันเสียแล้ว เสียใจที่ไม่ได้เจอให้เร็วกว่านี้” 

 

 

“เช่นนั้นหรือ” รอยยิ้มของเริ่นฮูหยินพลันเปลี่ยนไปเป็นกระตือรือร้นมากขึ้น ก่อนที่คิ้วของนางจะค่อยๆ ขมวดเข้าหากันน้อยๆ “แม้ว่าวันนี้หว่านเอ๋อร์จะมากับข้า แต่หลังจากนั้นนางกลับอยากที่จะออกไปเดินเล่นเพียงคนเดียว ยามนี้ก็ไม่รู้ว่านางวิ่งเล่นไปถึงที่ใดแล้ว หากเจ้าไม่พูดขึ้นมาเสียก่อนข้าก็คงลืมไปเสียสนิท นี่ถ้านางหายไปข้าก็ไม่รู้ว่าจะมีหน้าไปบอกกล่าวพี่ใหญ่อย่างไร” 

 

 

“ฮูหยินอย่าได้รีบร้อนไปเลยเจ้าค่ะ หว่านเอ๋อร์นางโตถึงเพียงนั้นย่อมไม่มีทางพลัดหลงในวังหลวงแน่ หากแม้นางหลงทาง ทว่าในวังก็มีนางกำนัลและขันทีมากมาย ไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอกเจ้าค่ะ” อวี้อาเหราเอ่ยปลอบนางเล็กน้อย 

 

 

“เช่นนั้นก็ดี ข้าจะได้วางใจ” เริ่นฮูหยินยิ้มแย้มอย่างอ่อนโยน 

 

 

เมื่อพวกนางกล่าววาจากันจบแล้ว เจาเอ๋อร์ก็เข้ามากระซิบข้างหู “ยามนี้เวลาก็ล่วงเลยมาไม่น้อย งานเลี้ยงจวนจะเริ่มแล้วเจ้าค่ะ” 

 

 

“อืม ข้ารู้แล้ว” อวี้อาเหราพยักหน้าเงียบๆ เงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยปากกับเริ่นฮูหยินว่า “ตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมาแล้ว พวกเราไปยังพระราชอุทยานกันก่อนเถิดเจ้าค่ะ ไม่แน่ว่าหว่านเอ๋อร์อาจจะอยู่ที่นั่นแล้วก็ได้” 

 

 

“ไปสิ” จากนั้นกลุ่มฮูหยินและคุณหนูก็พากันเดินไปที่พระราชอุทยานพร้อมกัน 

 

 

แท้จริงแล้วนางก็ไม่ได้คาดคิดว่าเพิ่งจะเข้ามาในวังก็จะสามารถสานสัมพันธ์อันดีกับเหล่าฮูหยินกลุ่มนี้ได้ ก่อนหน้านี้หากหลบได้ก็หลบ แต่ใครจะรู้ว่าอวี้จื่อเยียนและอนุรองนั้นจะหาเรื่องเดือดร้อนมาให้นาง เพราะฉะนั้นนี่ก็อย่าได้โทษนางเลย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่พวกนางสองคนแม่ลูกสมควรได้รับ เรื่องดีๆ ไม่ทำแต่กลับหาเรื่องอับอายมาให้ 

 

 

หลังจากมาถึงพระราชอุทยานแล้ว ก็มีคนมาถึงจำนวนไม่น้อย ทุกคนล้วนแต่งกายอย่างวิจิตรงดงามเป็นอย่างมาก 

 

 

หลังจากที่พวกนางเดินเข้ามาก็พลันได้รับความสนใจจากผู้ที่มองมาจำนวนมาก และไม่ต้องแปลกใจเลยว่าสายตาพวกนั้นล้วนมองจ้องมาที่อวี้อาเหรา เมื่อคิดดูแล้วนี่ก็ไม่ได้มีอันใดที่แปลกไปนัก เพราะนางไม่เพียงแต่เป็นธิดาเอกแห่งจวนหลิงอ๋อง แต่ภายนอกก็ยังกล่าวขานกันงว่านางยังเป็นหนึ่งในหญิงสาวที่จะมีสิทธิ์ได้ขึ้นเป็นไท่จื่อเฟย[1] ไฉนเลยจะไม่ดึงดูดสายตาของผู้คนได้ 

 

 

ใบหน้าของอวี้อาเหราเรียบเฉยขณะที่เดินผ่านผู้คน ไม่สนใจสายตาที่มองมาที่ตนเองแม้แต่น้อย 

 

 

จนใจก็เพียงแต่นางก็ไม่ใช่ลิงที่อยู่ในสวนสัตว์เสียหน่อย จะมามองนางเพื่ออะไรกัน ไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยใหม่หรือยุคโบราณ ก็มักจะมีคนเช่นนี้อยู่เสมอ 

 

 

เริ่นฮูหยินมองนางด้วยความรู้สึกชื่นชม แม้นจะอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้นางก็ยังคงมีท่าทีเรียบเฉยไม่แปรเปลี่ยน เผยให้เห็นถึงความสง่างามอันสมบูรณ์แบบออกมา ทั้งเมื่อเสริมด้วยอาภรณ์ที่ราวกับเซียนบุปผาแล้วก็ยิ่งทำให้นางดูโดดเด่นและมั่นใจ งดงามราวกับเทพเซียนแห่งสรวงสวรรค์ชั้นฟ้า 

 

 

ท่าทางสงบนิ่งเยือกเย็นเช่นนี้ ย่อมไม่ใช่คนที่ใครจะสามารถแตะต้องได้! 

 

 

อาภรณ์ยาวของนางลากแตะพื้นน้อยๆ ดูสง่างาม ทำให้คนที่อยู่ด้านข้างราวกับได้กลิ่นหอมของมวลบุปผาบางเบา รู้สึกจิตใจเหม่อลอยออกไปชั่วขณะ 

 

 

 

 

 

 

 

 

—— 

 

 

[1] ไท่จื่อเฟย หมายถึง พระชายาขององค์รัชทายาท