ตอนที่ 1950

 

เดม่อนนรกเก้าขุม เดม่อนหัวใจสวรรค์ เดม่อนอรุณแสงและเดม่อนในระดับสูงสุดตัวอื่นๆก็ค้นพบสถานการณ์นี้เช่นกัน พวกมันเป็นผู้ที่มีพลังอำนาจสูงสุดในหมู่เดม่อนเหล่านี้ แน่นอนว่าสามารถสัมผัสได้ถึงพลังอำนาจที่น่า สะพรึงกลัวของก้อนเมฆสีเลือดบนท้องฟ้า

 

ส่วนลึกของก้อนเมฆเหล่านี้แอบแฝงไปด้วยพลังงานที่ไม่สามารถอธิบายได้ หากปะทุออกมาล่ะก็ นั่นจะเป็นพลังอำนาจของการทำลายล้างโลกอย่างแน่นอน

 

ต่อให้พวกมันจะเป็นเดม่อนในระดับสูงสุด พวกมันก็ไม่สามารถต้านทานพลังอำนาจของสายฟ้าพิโรธนี้ได้

 

ไม่ต้องพูดถึงว่าการลงทัณฑ์แห่งสวรรค์ก็เป็นพลังอำนาจที่พวกมันเดม่อนแพ้ทางอย่างมาก เรียกว่าร่างกายที่แข็งแกร่งของพวกมันจะไร้ประโยชน์ไปโดยปริยาย

 

“บัดซบ!”

 

เดม่อนอรุณแสงก็เกิดความลังเลขึ้นมา มันไม่เต็มใจอย่างมาก มันต้องการที่จะกระโจนออกไปทันที หากกลืนกินเจ้ามนุษย์คนนี้ได้ มันจะเพิ่มพลังอำนาจของตนเองได้อย่างมหาศาล

 

แต่ปัญหาก็คือว่าเจ้ามนุษย์นี่อยู่ในใจกลางของการลงทัณฑ์สายฟ้า นั่นคือการบ่งบอกว่าชัดเจนว่าการลงทัณฑ์แห่งสวรรค์นี้เล็งเป้าหมายไปที่เจ้าเด็กน

 

หากมันพุ่งเข้าไปอย่างไม่ยั้งคิด มันจะตกเป็นเป้าหมายของการลงทัณฑ์สายฟ้าเช่นกัน เมื่อถึงเวลานั้นบางทีมันอาจจะถูกสายฟ้าพิโรธผ่าลงมาจนตายทั้งเป็น

 

ในช่วงเวลานี้ มันกำลังตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี

 

ทว่าเดม่อนหัวใจสวรรค์กลับหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด หากเป็นเรื่องการสังหารศัตรูโดยที่ไม่รู้ตัว มันมั่นใจว่าตนเองไม่เป็นสองรองใคร ทำให้สิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วนหวาดกลัวจนสั่นเทา

 

แต่ปัญหาก็คือเมื่อเผชิญหน้ากับการลงทัณฑ์แห่งสวรรค์ มันก็ถือว่าอ่อนแอที่สุดเมื่อเทียบกับเดม่อนตัวอื่นๆ

 

เดม่อนนรกเก้ขุมก็รู้สึกถึงความหวาดกลัวเช่นกัน นี่คือสัญชาตญาณของมันก็ที่กำลังบ่งบอกว่าการลงทัณฑ์สายฟ้านี้ไม่ใช่สิ่งที่มันจะสามารถต้านทานได้ จารึกอยู่ในส่วนลึกของสายเลือด มันก็ปรารถนาที่จะหลบหนีออกไปทันที

 

ทว่าการที่เดม่อนตัวอื่นๆยังไม่เคลื่อนไหวออกไป มันก็อับอายเกินกว่าที่จะหลบหนีออกไปก่อน

 

ในฐานะที่มันเป็นเดม่อนในระดับสูงสุดและเป็นว่าที่ผู้บัญชาการของเดม่อนในอนาคต มันจะต้องแสดงจุดยืนให้เดม่อนตัวอื่นๆเคารพเช่นกัน

 

เมื่อก่อนเมฆแห่งการลงทัณฑ์สีเลือดปรากฏขึ้นมา ต่อให้มันจะปรากฏขึ้นในส่วนที่ลึกที่สุดของทวีปเดม่อนทว่าก็ยังคงดึงดูดความสนใจของผู้อาวุโสนิกายเมฆาทะยาน นิกายห้าธาตุ นิกายหวนคืนปรโลกและนิกายเซียนเห็นเวหา

 

เดิมที่พวกเขากำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนอากาศ ทว่าเมื่อรู้สึกได้ถึงออร่าของก้อนเมฆแห่งการลงทัณฑ์เหล่านี้พวกเขาก็สะดุ้งยืนขึ้นมาทันที

 

“นี่มันเรื่องอะไรกัน? ท้ายที่สุดแล้วเหตุใดถึงมีผืนก้อนเมฆแห่งการลงทัณฑ์สีเลือดปรากฏขึ้นมาได้? เหตุใดถึงมืออร่าลางร้ายที่เข้มข้นเช่นนี้แผ่ออกมา?” ผู้อาวุโสของนิกายเมฆาทะยานก็มีสีหน้าที่เคร่งขรึม เขาสัมผัสได้ถึงออร่าที่น่าสะพรึงกลัวซึ่งแผ่ออกมาจากก้อนเมฆแห่งการลงทัณฑ์สีเลือดนั้น ต่อให้ผืนก้อนเมฆเหล่านั้นจะอยู่ห่างไกลออกไป ทว่ามันก็ยังทำให้เขารู้สึกได้ถึงภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่

 

เหมือนว่าตราบใดที่เข้าไปใกล้เพียงเล็กน้อย จะต้องถูกสายฟ้าผ่าลงมาจนตายไปอย่างฉับพลัน

 

“นี่คือสายฟ้าพิโรธ เป็นการลงทัณฑ์แห่งสวรรค์ ใครกันที่ละเมิดกฏข้อห้ามของจักรวาลจึงกระตุ้นให้เกิดหายนะเช่นนี้?” ผู้อาวุโสของนิกายห้าธาตุผู้นี้ก็มีความรู้ที่ลึกซึ่งเกี่ยวกับการลงทัณฑ์แห่งสวรรค์ทุกรูปแบบ ล่วงรู้อย่างกะทันหันว่านี่คือสายฟ้าพิโรธ

 

ทว่าเมื่อรับรู้ได้ มันก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกสงสัย ไม่รู้ว่าทำไมถึงเกิดหายนะเช่นนี้ขึ้นมาในทวีปเดม่อนแห่งนี้ได้

 

“หรือว่าในส่วนลึกของทวีปเดม่อนมีเดม่อนที่ทรงอานาจบางตัวถือกำเนิดขึ้นมา และเป็นเพราะว่าเดม่อนตัวนั้นมีพรสวรรค์ที่ท้าทายสวรรค์เกินไป ดังนั้นจึงกระตุ้นการลงทัณฑ์สายฟ้าขึ้นมารึ?”

 

ผู้อาวุโสของนิกายหยวนคืนปรโลกก็คาดเดาออกมา

 

“หากเกิดเรื่องที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนั้นจริงๆ มีเดม่อนที่ทรงอานาจถือกำเนิดขึ้นมา บางทีนี่อาจจะไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับพวกเรามนุษย์ บางทีมันอาจจะเป็นเซนต์เดม่อน!”

 

ผู้อาวุโสของนิกายเซียนเหินเวหาก็กล่าวออกมาอย่างจริงจัง

 

“ทว่าที่นี่คือโลกอิบส พวกเราไม่สามารถควบคุมอะไรได้ ทำได้เพียงแค่ปล่อยไปตามชะตากรรมเท่านั้น บางที่เจ้าเดม่อนตัวนั้นก็อาจจะถูกการลงทัณฑ์แห่งสวรรค์ผ่าจนตายไป”

 

ผู้อาวุโสของนิกายหวนคืนปรโลกก็กวักมือ

 

“มีความเป็นไปได้อยู่เหมือนกัน ทว่าครั้งนี้พวกเราจะต้องระมัดระวังตัวไว้ หากมีอะไรไม่ชอบมาพากล จะต้องนำตัวลูกศิษย์อพยพออกไปทันที จะปล่อยให้พวกเขาตายอยู่ในสถานที่แห่งนี้ไม่ได้”

 

ผู้อาวุโสของนิกายเมฆาทะยานก็คิดว่าจะต้องระมัดระวังตัวไว้ตลอดเวลา หากก้อนเมฆแห่งการลงทัณฑ์ลุกลามมาถึงพื้นที่บริเวณรอบนอก จะต้องใช้พลังอำนาจของรายการสวรรค์บัญชาเพื่อเทเลพอร์ตลูกศิษย์ทั้งหมดออกไปจากสถานที่อันตรายแห่งนี้ทันที

 

“จริงสิ จอมยุทธ์เซี่ยอยู่ที่ใดกัน จะต้องรีบแจ้งเตือนเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้”

 

ผู้อาวุโสของนิกายห้าธาตุก็นึกถึงเซี่ยงได้อย่างกะทันหัน

 

“ก่อนหน้านี้ข้าได้ติดต่อไปแล้ว ทว่ากลับติดต่อไม่ได้ ไม่รู้ว่าเขาไปอยู่ที่ใด” ผู้อาวุโสของนิกายเซียนเห็นเวหาก็พูดออกมา “ทว่าก้อนเมฆแห่งการลงทัณฑ์สีเลือดที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่ค้นพบ นี่หรือว่าเขาจะแอบออกไปสำรวจดูใกล้ๆ?”

 

“ก็มีความเป็นไปได้อยู่เหมือนกัน ทว่าหากเป็นเช่นนั้นจริงๆ นั่นก็เป็นการกระทำที่บ้าบินสิ้นดี ที่นี่คือสำนักงานใหญ่ของพวกเดม่อน การที่เข้าไปมีแต่จะนำพาความตายมาสู่ตนเอง”

 

ผู้อาวุโสของนิกายหวนคืนปรโลกก็ส่ายหัว

 

“ลืมมันไปเถอะ นี่คือการตัดสินใจของจอมยุทธ์เซีย พวกเราไม่สามารถห้ามปรามเขาได้ ทำได้เพียงแค่หวังว่าเขาจะปลอดภัยดี” ผู้อาวุโสของนิกายเซียนเหินเวหาก็กวักมือ ไม่ต้องการที่จะให้ความสนใจกับเรื่องนี้มากนักเพราะถึงอย่างไรเซียปิงก็ไม่ใช่คนของนิกายเซียนเหินเวหาของพวกเขา

 

“รายการสวรรค์บัญชา ตอนนี้การเชื่อมต่อทุกอย่างยังปกติดีหรือไม่?

 

ผู้อาวุโสของนิกายห้าธาตุก็ทำการติดต่อกับสิ่งประดิษฐ์เซนต์ รายการสวรรค์บัญชา

 

“ไม่มีปัญหา ตราบใดที่ถ่ายทอดคำสั่งมา จะสามารถเทเลพอร์ตลูกศิษย์ทุกๆคนออกไปได้”

 

เสียงของรายการสวรรค์บัญชาก็ดังขึ้น

 

“เยี่ยมมาก ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็รอดูสถานการณ์ก่อนเถอะ หากเกิดอันตรายใดๆขึ้นมา พวกเราจะกลับออกไปทันที จะปล่อยให้ลูกศิษย์เยาว์วัยเหล่านี้ตายไปภายใต้ภัยพิบัติเช่นนี้ไม่ได้” ผู้อาวุโสของนิกายห้าธาตุก็พูดออกมาอย่างเคร่งขรึม

 

“เข้าใจแล้ว ข้าจะคอยสังเกตการณ์ไว้”

 

รายการสวรรค์บัญชาก็ตอบกลับไป

 

ณ ขอบรอบนอกของทวีปเดม่อน ในหุบเขาแห่งหนึ่ง

 

ซูจี เจียงยารุ อู่หลงและยวชชีทั้งสี่คนก็ปรากฏตัวอยู่ในสถานที่แห่งนี้ พวกเธอต่างก็มีแกนพลังอยู่ในระดับหล่อหลอมสมบัติ ทำการไล่ล่าสังหารพวกเดม่อนอยู่ในพื้นที่บริเวณนี้ ราวกับเป็นปลาได้น้ำ ทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น

 

เพราะถึงอย่างไรเดม่อนที่อยู่ในพื้นที่บริเวณรอบนอกนี้ก็ไม่ได้มีพลังอำนาจที่แข็งแกร่งนัก ในบริเวณส่วนลึกของทวีปเท่านั้นที่จะมีเดม่อนในระดับเปลวไฟที่แท้จริงหรือแม้กระทั่งเดม่อนในระดับแกนทองปรากฏขึ้นมา

 

ในช่วงเวลานี้พวกเธอก็สังเกตเห็นก้อนเมฆแห่งการลงทัณฑ์สีเลือดบนท้องฟ้าที่ห่างไกลออกไปเช่นกัน

 

“ก้อนเมฆสีเลือดนั้นคืออะไรกัน? มีขนาดที่ใหญ่ยิ่งนัก ราวกับว่าไร้ขอบเขต” ยวชชีก็ตะโกนออกมาทันทีเมื่อเห็นก้อนเมฆแห่งการลงทัณฑ์สีเลือดนั้น

 

“ข้าสัมผัสได้ถึงออร่าที่อันตรายบางอย่างจากส่วนลึกของก้อนเมฆเหล่านั้น ไม่สามารถเข้าไปใกล้ได้ ไม่อย่างนั้นพวกเราจะต้องตายอย่างแน่นอน”

 

เจียงยารุก็กล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม เธอมีประสาทสัมผัสการรับรู้ถึงอันตรายที่เฉียบแหลมอย่างมาก

 

“ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นในส่วนลึกของทวีปเดม่อนแห่งนี้ ไม่คาดคิดว่าจะมีก้อนเมฆสีเลือดที่ดูน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ปรากฏขึ้นมา ทวีปเดม่อนช่างเป็นสถานที่ที่อันตรายจริงๆ โชคดีที่พวกเราอยู่ในบริเวณรอบนอก

 

ฉีหลงก็พูดอย่างโล่งใจ

 

“หรือว่าเจ้าเซียปิงจะอยู่ในบริเวณนั้น ว่ากันว่าเจ้าบัดซบนั่นก็เป็นผู้สังเกตการณ์ที่เข้ามาในทวีปเดม่อนเช่นกัน บางทีก้อนเมฆสีเลือดนั่นอาจจะเป็นฝีมือของเขาก็เป็นได้

 

ซูจีคาดเดาออกมา

 

“ไม่มีทาง ต่อให้เจ้าบัดซบนั่นจะมีพฤติกรรมที่รู่วามและสิ้นคิดแค่ไหน บ้าระห่ำเพียงใดยโสโอหังอย่างที่ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาเพียงใด ทว่าที่นี่ก็คือสำนักงานใหญ่ของพวกเดม่อน…”

 

ในจุดๆนี้ จู่ๆเจียงยารก็นึกได้ถึงบุคลิกนิสัยของเซียปิงอย่างกะทันหัน ทันใดนั้นเธอก็กัดมุมปาก “เอาล่ะ ข้ายอมรับ ด้วยบุคลิกนิสัยของเจ้าบัดซบนั่น เรื่องนี้ก็มีเป็นความเป็นไปได้อยู่เหมือนกัน แทบที่จะไม่มีสิ่งใดที่เขาจะไม่กล้าทำ”

 

“อย่าไปสนใจเลย พวกเรารีบสังหารเดม่อนระดับต่ำเหล่านี้เถอะ ครอบครองคะแนนมา ต่อให้เรื่องนี้จะเป็นฝีมือของเจ้านั่นจริงๆ พวกเราก็ไม่สามารถท่าอะไรได้

ฉ่หลงกวักมือ

 

“ก็จริงอย่างที่ว่า”

 

ยวีชีชีก็เห็นด้วยเช่นกัน ตอนนี้หน้าที่ของพวกเธอคือการครอบครองคะแนนมาให้ได้มากที่สุด เรื่องอื่นๆเป็นเรื่องที่สำคัญรองลงมา

 

ซูจีและเจียงยารุก็พยักหน้า จากนั้นก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับเรื่องนี้อีก