ตอนที่ 249 ที่จัดเตรียมอาหารเอาใจข้าก็เพื่อเขา
เฉินยางบุ้ยปากพูดจาล้อเล่นกับเขา มือที่ใหญ่ไม่ถึงครึ่งฝ่ามือของเฝิงเยี่ยไป๋หยิกแก้มเขาแล้วยิ้มพูดว่า “แต่ข้ารู้สึกว่าท่านต่างหากที่ดูดี หาผู้ที่ดูดีกว่าท่านไม่ได้อีกแล้ว ดูดีกว่าแม่นางเสียอีก”
เฝิงเยี่ยไป๋ไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะดี เป็นครั้งแรกที่มีคนชมเขาเช่นนี้ อะไรที่ว่าดูดีกว่าแม่นางอีก ตกลงนางชมเขาหรือว่าด่าเขาอ้อมๆ กันแน่ เพียงแต่เขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องหน้าตาของตัวเองเลยจริงๆ ล้วนแต่เป็นคำพูดที่ฟังจากปากคนอื่น อะไรคือท่าทางสง่า ยิ่งใหญ่ห้าวหาญ หล่อเหลาปานเทพบุตร เขาล้วนโตมากับคำชมเหล่านี้ แม่ของเขาเป็นคนงามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ส่วนพ่อของเขาแม้จะเป็นนายทหาร แต่ตอนยังหนุ่มก็เป็นชายรูปหล่อ หน้าตาของคนรุ่นก่อนก็ชวนให้ตะลึงได้แล้ว พอมาถึงเขานี้ มีแต่ยิ่งกว่า ไม่ได้ด้อยลงเลยแม้แต่น้อย
ชายรักหญิงงาม หญิงรักชายหล่อ เขาอยู่ที่หรู่หนานได้ดีเช่นนี้ นอกจากมีเงิน เกรงว่าก็คงเป็นใบหน้าของเขานั่นแล้ว เขาก็เคยมองตัวเองในกระจก อาจเพราะมองมาหลายปีเช่นนี้จนเบื่อแล้ว เขาจึงไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองดูดีอย่างที่คนอื่นว่า วันนี้เฉินยางกลับชมเขาว่าดูดี แม้จะเอาเขาไปเทียบกับหญิงสาว แต่ก็น่าจะเพราะนางไม่ได้รู้คำมากนัก คิดคำอื่นมาชมเขาไม่ออก คนอื่นชมเขาเขาไม่รู้สึก ทว่าเฉินยางชมนั้นไม่เหมือนกัน ที่แท้หน้าตาดีก็ใช่ว่าจะไร้ประโยชน์เสียทีเดียว อย่างน้อยภรรยาก็ชอบใบหน้านี้ของเขา
เห็นเฝิงเยี่ยไป๋แลดูดีใจมาก เฉินยางรู้สึกว่าถึงเวลาแล้ว จึงคีบอาหารให้เขา แล้วพูดอย่างระมัดระวังว่า “ท่านพี่…ข้า…ข้าอยากได้เงิน”
นางไม่มีที่จะให้ใช้เงิน จู่ๆ ตอนนี้เอ่ยปากจะขอเงิน เฝิงเยี่ยไป๋รู้สึกงุนงง “เจ้าจะเอาเงินไปทำไมหรือ หากอยากได้อะไรเพียงแค่บอกข้า ข้าให้คนไปซื้อให้เจ้าเป็นพอ”
นางส่ายหน้า ไม่อยากปิดบังเขา จึงพูดตามความจริงว่า “ท่านหมออิ๋งโจวจะกลับแล้ว ตอนที่เขามาก็มิได้มีเงินติดตัวมากนัก ตอนนี้ก็ไม่มีเงินติดตัวเลย อะไรก็ไม่มี ข้าคิดว่าท่านหมออิ๋งโจวดูแลข้ามานานเช่นนี้ จะไม่สนใจก็คงไม่ได้ จึงคิดจะขอเงินท่านเพื่อเป็นค่าเดินทางให้กับท่านหมออิ๋งโจว”
เรื่องนี้ไม่นับเป็นอะไรเลย เฝิงเยี่ยไป๋พูดว่า “ควรเป็นเช่นนั้น เขาเองก็ถือว่าเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเจ้า ให้เขากลับไปมือเปล่าก็คงจะไม่ดี อีกครู่หนึ่งข้าจะให้ห้องบัญชีเอาเงินให้อิ๋งโจว แล้วให้คนส่งเขากลับไป ถือว่าตอบแทนบุญคุณของเขา”
เช่นนี้ก็ดีเสียยิ่งกว่าสิ่งใดแล้ว เฉินยางจึงปล่อยวางก้อนหินในใจลงได้ เริ่มคีบอาหารให้เขาอย่างเอาใจมากขึ้นอีก
นางดีใจเฝิงเยี่ยไป๋ก็ดีใจ เพียงแต่พอคิดไปคิดมาเชื่อมเข้าด้วยกันก็รู้สึกว่าไม่ถูกอีก ผู้ดูแลบอกว่าพอนางกลับมาก็ไปเยี่ยมอิ๋งโจว จากนั้นถึงได้ไปห้องครัวจัดเตรียมอาหารให้เขา หากเป็นเช่นนั้นแล้ว คืนนี้ก็เป็นงานเลี้ยงหงเหมิน[1]แน่ๆ คงจะไม่ใช่ตั้งใจจัดเตรียมให้เขา ส่วนตัวเองอาศัยใบบุญของอิ๋งโจวถึงทำให้นางมาเอาใจเช่นนี้ได้ พอคิดทั้งหมดแล้ว เขาก็เข้าใจทันที ในใจนางตัวเองกลับมีความสำคัญเทียบกับอิ๋งโจวไม่ได้เลย ภรรยาคนนี้ ช่างแต่งเข้ามาได้ดีเสียจริงๆ
พอเขาคิดได้แล้ว สีหน้าดีๆ ก็หายไป เปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันใด
เฉินยางตกใจกับสีหน้าบูดบึ้งของเขา “ท่านเป็นอะไรไป ไฉนถึงไม่กินแล้ว”
เขาแค่นหัวเราะเสียงเย็นสองที ถามนางว่า “ที่วันนี้เจ้าจัดเตรียมอาหารเอาใจข้าก็เพื่ออิ๋งโจวกระมัง”
——
[1] งานเลี้ยงหงเหมิน เป็นสำนวนจีน หมายถึง สร้างภาพบังหน้าหวังดีต่ออีกฝ่ายแต่แท้จริงแล้วกำลังวางแผนทำร้ายอีกฝ่าย
ตอนที่ 250 เจ้าชอบอิ๋งโจวใช่หรือไม่
คราวนี้ถึงมีปากก็อธิบายได้ไม่ชัดแล้ว ตอนแรกนางก็คิดเช่นนั้น เพียงแต่ตอนที่จัดเตรียมอาหารให้เขานางก็ทำด้วยใจจริง จุดนี้ไม่ได้เกี่ยวกับอิ๋งโจวเลย อีกอย่างเมื่อครู่ที่ทั้งสองคนพูดจาล้อเล่นกันนั้น ล้วนทำด้วยใจจริง ยิ่งไม่เกี่ยวกับอิ๋งโจวอีก ไฉนเขาถึงคิดไปถึงเรื่องนั้นได้
นางทั้งอยากจะร้องไห้ทั้งอยากหัวเราะ ไฉนถึงหัวเราะ ลูกผู้ชายคนหนึ่งนึกไม่ถึงว่าจะคิดเล็กคิดน้อยเช่นนี้ ช่วงว่างจากที่คุยกันถึงกับคิดไปมากมายเช่นนี้ นางเป็นผู้หญิงก็ยังคิดเล็กคิดน้อยไม่เท่าเขาเลย ความหึงหวงของเขานั้นช่างไร้เหตุผลเสียจริง
เฝิงเยี่ยไป๋ทำหน้าบึ้งมองนาง เหมือนรอให้นางอธิบาย เฉินยางก็ทำอะไรไม่ได้ เขาเข้าใจผิดไปก่อนแล้ว จะอธิบายนั้นก็ยาก ในใจนางคิดอยู่นาน จึงได้แต่พูดคำว่า “ไม่ใช่” ออกมา อย่างอื่นจะพูดอะไรได้อีกหรือ อะไรก็พูดไม่ได้ อธิบายแล้วก็ใช่ว่าเขาจะเชื่อ อีกอย่างนางเองก็พูดไม่เป็น โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ จะให้นางเหมือนเฝิงเยี่ยไป๋พูดคำพูดดีๆ ออกมา นางทำไม่ได้
เพียงคำว่าไม่ใช่นั้นไม่อาจทำให้เฝิงเยี่ยไป๋คลายความเข้าใจผิดก่อนหน้านี้ไปได้ เขากัดฟันพูดออกมา “เจ้าชอบหมออิ๋งโจวใช่หรือไม่”
การตั้งความผิดให้นางนี้ออกจะเกินจริงไปสักหน่อย ก็ไม่รู้ว่าเขาคิดเช่นนี้ได้อย่างไร นางกับอิ๋งโจวรึ คิดออกมาได้! อย่าว่าแต่นางไม่มีความคิดเช่นนั้นเลย ต่อให้มี ก็ไม่อาจทำเรื่องอะไรได้ นางยังจำฐานะของตัวเองได้อยู่ ผิดชอบชั่วดีนางก็ยังรู้ ในเมื่อนางแต่งงานกับเขาแล้ว แล้วจะไปนึกถึงชายอื่นได้อย่างไร ความผิดใหญ่หลวงเช่นนี้นางไม่แบก
นางส่ายหน้าอย่างแรง สีหน้าเริ่มโกรธ น้ำเสียงก็ไม่ค่อยดีแล้ว “ท่านพูดเพ้อเจ้ออะไร ท่านหมออิ๋งโจวเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตข้า ข้าจะชอบเขาได้อย่างไร ข้าไม่ได้ทำอะไร ท่านอาศัยอะไรมากล่าวหาข้าเช่นนี้!”
เมื่อผู้ชายหึงหวงขึ้นมาก็ไม่ต่างจากสตรี ไร้เหตุผลอย่างสิ้นเชิง ต่อให้นางอธิบายเช่นนี้แล้ว เฝิงเยี่ยไป๋ก็ยังไม่เชื่อ พูดตามตรง ก็ยังเป็นเพราะทั้งสองคนยังไม่ได้เป็นสามีภรรยากันอย่างแท้จริง ในใจเขาไม่มั่นคง บางครั้งการที่ยิ่งชอบคนคนหนึ่งก็ยิ่งไม่รู้สึกวางใจ มักจะรู้สึกว่านางจะจากตัวเองไป คิดเล็กคิดน้อย ตอนนี้มาคิดดูดีๆ อิ๋งโจวก็ใช่ว่าจะเชื่อได้อย่างสนิทใจ ความสัมพันธ์ของเขาและเฉินยางเป็นเพียงหมอกับคนไข้ เพียงแต่เป็นหมอเช่นไรถึงได้ยอมเสี่ยงชีวิตมาเมืองหลวงเป็นเพื่อนคนไข้ ก่อนหน้านี้อิ๋งโจวบอกว่ามีหญิงในใจอยู่แล้ว แต่แม่นางคนนั้นก็ตายจากไปแล้ว ตอนนี้เขาใส่ใจเฉินยางเช่นนี้อีก จะให้คนอื่นไม่สงสัยจุดประสงค์ของเขาก็คงไม่ได้
“เจ้าคิดว่าเขาเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิต ข้าดูเขาสิ เขาอาจจะไม่ได้คิดว่าเจ้าเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตไว้ก็ได้!” เขาพูดไปก็ลุกขึ้นยืน ยิ่งพูดยิ่งเดือดดาล ท่าทางนั้นเรียกได้ว่าโกรธจนควบคุมตัวเองไม่ได้
เห็นเขาจะเดินไปข้างนอก เฉินยางกลัวว่าเขาจะไปหาเรื่องอิ๋งโจว จึงเข้าไปดึงเขาเอาไว้ พูดเสียงดังว่า “ท่านจะไปไหน ข้าก็บอกแล้วว่าข้าไม่ได้ชอบเขา ไฉนท่านถึงไม่ฟังข้าเลย”
เฝิงเยี่ยไป๋ยกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชาใส่นาง “เจ้าร้อนรนอะไร ท่านหมออิ๋งโจวของเจ้าไม่ใช่ว่าจะเอาเงินค่าเดินทางกลับบ้านหรือ ข้าจะเอาเงินไปให้เขา แล้วเจ้าร้อนรนไปทำไม”
คำพูดของเขานั้นราวกับจะยืนยันอะไรบางอย่างเช่นนั้น เฉินยางปล่อยมือออกแล้วจ้องมองเขา ผ่านไปอยู่ครู่หนึ่งถึงสะบัดมือ แล้วเดินออกไปข้างนอกด้วยความโกรธ “ช่างเถอะ หากรู้เช่นนี้ข้าไม่ควรมาหาท่านเลย ข้าไปหาเว่ยหมิ่นยืมเงินก็ยังดีกว่ามารองรับอารมณ์ของท่านอยู่ที่นี่”