ตอนที่ 247 ท่าทางเป็นภรรยาตัวน้อย / ตอนที่ 248 วันนี้ฮ่องเต้ก็ชมข้า

ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง

ตอนที่ 247 ท่าทางเป็นภรรยาตัวน้อย 

 

 

ระหว่างทางที่เฝิงเยี่ยไป๋กลับมาก็คิดอยู่ตลอดถึงจุดประสงค์ที่ฮ่องเต้ตรัสกับเขา เป็นไปไม่ได้ที่จะให้อำนาจเขา นึกไม่ถึงว่าฮ่องเต้จะกล้าเลี้ยงเสือให้เป็นภัย เพียงแต่ตกลงข้างในนั้นซ่อนความลับอะไรอยู่ ตอนนี้ยังไม่รู้สาเหตุ เขาเองก็คิดไม่ออกจริงๆ 

 

 

กลับมาถึงจวนอ๋อง เขาก็เหนื่อยไปทั้งตัว ไม่ใช่เหนื่อยที่ร่างกาย แต่เหนื่อยที่ใจ ฮ่องเต้ก็ไม่ใช่คนจัดการได้ง่ายๆ วันหลังก็ยังต้องระมัดระวัง ตอนนี้ทุกฝีก้าวของเขาล้วนเหยียบอยู่บนคมดาบ ตัวเขาเองไม่เป็นอะไร เพียงแค่กลัวจะทำให้เฉินยางลำบาก 

 

 

พูดถึงเฉินยาง เขาก็เรียกผู้ดูแลมาถาม “พระชายาเล่า” กลับมาถึงก็ไม่เห็นนาง คงไม่ใช่ว่าฮ่องเต้วางแผนใส่เขา เอาคนไปเสียแล้วกระมัง 

 

 

ผู้ดูแลเห็นสีหน้าเขาเปลี่ยนไป หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงพูดว่า “อยู่ที่โถงอาหารขอรับ หลังจากกลับมาก็ไปเยี่ยมท่านหมออิ๋งโจว จากนั้นก็ไปห้องครัวจัดเตรียมของกิน เลือกอาหารที่ปกติท่านอ๋องชอบกินที่สุด บอกว่ารอท่านกลับมาก็ให้เชิญท่านไปกินข้าว” 

 

 

ไม่มีเหตุแต่มาเอาใจ ไม่เคยได้เห็นนางใส่ใจตัวเองเช่นนี้ วันนี้รีบร้อนจัดเตรียมของกินให้เขา คงมีเรื่องจะมาขอร้องเขากระมัง 

 

 

เขาไม่ต้องรอให้นางเชิญก็เดินไปเองแล้ว ตอนที่เดินมาถึงประตูเห็นนางกำลังตักข้าวอยู่ ข้าวที่เพิ่งออกจากหม้อยังร้อนอยู่ นางไม่ทันได้ระวัง น้ำแกงกระเด็นถูกนิ้ว นางร้อย “โอ๊ย” แล้วหดมือกลับ เกือบจะโยนช้อนออกไป ตัวนางเองเป่าไปสองที ก็เริ่มตักอีกครั้ง 

 

 

นี่ถึงจะเหมือนภรรยาตัวน้อย ถึงจะเหมือนการใช้ชีวิตร่วมกัน ในใจเขารู้สึกอบอุ่น ยืนอยู่ที่ประตูเห็นนางทำจนเสร็จ เช็ดมือเตรียมจะออกไปเรียกเขา พอนางหันหลังไปก็อึ้งทันที รอยยิ้มประดับอยู่บนหน้าเขา มองไปที่นางโดยไม่กะพริบตา ก็ไม่รู้ว่ายืนอยู่ที่นั่นนานเพียงใดแล้ว และมองนานเพียงใดแล้ว หน้านางแดงขึ้นมาทันทีแล้วหันหลังกลับด้วยความเขินอาย กำลังจะบ่นเขาว่า “ไฉนมาแล้วถึงไม่เรียกนาง” ก็ถูกเขากอดจากด้านหลัง มือที่ใหญ่กว่านางครึ่งหนึ่งวางทาบอยู่บนท้องของนาง เส้นเลือดดำที่หลังมือของเขามองเห็นได้อย่างชัดเจน  

 

 

นางห่อไหล่ ที่ข้างหูก็มีสุ้มเสียงอ่อนนุ่มลอยมา ผสมกับน้ำเสียงเกียจคร้านเล็กน้อย เป่าเข้าไปในหูนางเบาๆ “ไฉนวันนี้ถึงดีเช่นนี้” 

 

 

นางหน้าแดงพูดกับเขาด้วยความเขินอายว่า “ปกติข้าไม่ดีกับท่านหรือ” 

 

 

เขาตอบอืมยาวๆ ในลำคอ “ไม่ดีเท่าวันนี้” 

 

 

เฉินยางตบหลังมือเขา “ควรกินข้าวแล้ว ล้วนของที่ท่านชอบกิน ข้าตั้งใจไปที่ห้องครัวถามนางครัวให้พวกเขาทำเสร็จแล้วยกมาให้” 

 

 

นางทำอาหารไม่เป็น ทำเช่นนี้ก็ถือว่าเป็นความตั้งใจของตัวเองแล้ว มีคำโบราณที่ว่าสิ่งของไม่สำคัญเท่าความตั้งใจไม่ใช่หรือ สิ่งที่นางให้เป็นสิ่งของราคาไม่แพงนัก แต่ที่ใส่อยู่ข้างในกลับเป็นความรู้สึกที่มีอยู่เต็มเปี่ยม 

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋แกล้งจูบใบหูนาง แล้วจูงนางนั่งลงด้วยกัน เขากินข้าวไม่ได้มีของที่ชอบหรือไม่ชอบกิน อาหารที่อร่อยเพียงใดมาถึงปากเขาก็ไม่ต่างกัน ที่บอกว่าชอบ ที่จริงแล้วเป็นเพียงของที่กินจนชินแล้วคร้านจะเปลี่ยนเท่านั้น เพียงแต่นางอุตส่าห์มีความตั้งใจเช่นนี้ ในใจเขาก็ย่อมดีใจแน่นอน เขาจูงมือนาง หานิ้วที่ถูกลวกเมื่อครู่ มือเรียวเล็กนั้นแดงไปแถบหนึ่ง รอยแผลเพียงเท่านี้ กลับไปทายานอนตื่นขึ้นมาก็หายแล้ว ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนัก เฉินยางก็ไม่ได้อ่อนแอเช่นนั้น เพียงแต่เขาควบคุมความเป็นห่วงไม่ไหว คนรักของเขาเมื่อก่อนเพื่อจะให้เขาสนใจ บางครั้งก็จะเอาแผลเล็กแผลน้อยมาเล่าความน้อยใจให้เขาฟัง บางคนไม่ได้เป็นแผลจริง บางคนก็แทงนิ้วจนเป็นแผล ตอนนั้นเขายังคิดว่าตัวเองใจเ**้ยม ดังนั้นดูไปแล้วก็ไม่รู้สึกสะทกสะท้าน เพียงแต่วันนี้เห็นแผลถูกลวกเล็กๆ บนมือของเฉินยาง ความรู้สึกเจ็บปวดใจนั้น ถึงได้รู้ว่าที่แท้ก็เกิดขึ้นแล้วแต่คน 

 

 

—— 

 

 

ตอนที่ 248 วันนี้ฮ่องเต้ก็ชมข้า 

 

 

มือนางไม่ได้เป็นอะไร เขาเอาออกมาดูเพียงนิ้วเดียว ดูแล้วก็ยังไม่พูดอีก น่าแปลกยิ่งนัก เฉินยางหดมือกลับไป ที่จริงแล้วที่ถูกลวกเมื่อครู่ก็ไม่ได้เจ็บแล้ว เพียงแต่ยังแดงอยู่เล็กน้อย นางรู้ว่าเฝิงเยี่ยไป๋ดูอะไรแล้ว จึงสะบัดมือ พูดด้วยท่าทางไม่ใส่ใจนักว่า “ไม่ได้เจ็บแล้ว เป็นเพียงรอยแดงเล็กๆ ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่นัก” 

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋ดึงมือนางเข้าหาด้วยความดื้อดึงแล้วกำเอาไว้แน่น “เจ้าทายดูสิว่าวันนี้ฮ่องเต้หาข้าตรัสอะไรบ้าง” 

 

 

เฉินยางส่ายหน้า นางไม่ใช่หมอดูเสียหน่อย จะรู้ได้อย่างไรว่าฮ่องเต้ตรัสอะไรกับเขา เพียงแต่มองสีหน้าของเขานี้ คาดว่าก็คงไม่ใช่เรื่องดีอะไร 

 

 

“ฮ่องเต้ให้ข้าพรุ่งนี้เช้าไปฟังราชกิจ” 

 

 

ไม่ใช่ว่าไม่ให้เขามีอำนาจหรือ เฉินยางไม่เข้าใจถึงผลได้ผลเสียจึงเงยหน้าถามเขาว่า “เช่นนั้นแล้วเป็นเรื่องดีหรือร้าย หากไม่ดีต่อท่าน พวกเราก็ไปบอกฝ่าบาทว่าไม่ทำงานนี้” 

 

 

นางมีความจิตใสซื่อ จะรู้ความดีร้ายในนั้นได้อย่างไร หากเหมือนดั่งที่นางคิดก็คงจะดี เพียงแต่ฮ่องเต้ปากดั่งทองคำ คำพูดที่ออกมาก็คือราชโองการ จะปล่อยโอกาสให้เขาเถียงคืนได้อย่างไร 

 

 

“ฮ่องเต้ตั้งใจจะทำร้ายข้า เจ้าว่าการจัดเตรียมเช่นนี้จะดีหรือร้าย เพียงแต่ราชโองการก็ลงมาแล้ว พรุ่งนี้เช้าข้าก็ต้องเข้าวังไป ชีวิตสงบสุขหลังจากนี้คงน้อยลง อยู่กับข้าต้องระแวงทุกวัน ไม่แน่วันใดก็อาจไม่มีชีวิตกลับมา เจ้ากลัวหรือไม่” 

 

 

เขาถามนางว่ากลัวหรือไม่ กลัว กลัวแน่นอน ใครไม่กลัวตายบ้าง เพียงแต่เขาเป็นสามีของนาง แต่งงานแล้วก็ต้องใช้ชีวิตอยู่กับเขาไปตลอด จะเป็นก็เถอะจะตายก็เถอะ สมุดสมรสของเฒ่าจันทราได้ผูกด้ายแดงของทั้งสองคนเข้าไว้ด้วยกันแล้ว จึงได้แต่ตามมีตามเกิดกับเขา อย่างอื่นนางก็ไม่ได้เป็นห่วง มีเพียงอย่างเดียว ท่านพ่อของนางนางยังปล่อยวางไม่ลง หลังจากที่คิดอยู่นาน นางก็ถามว่า “ข้าอยู่กับท่าน จะเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่เป็นไร เพียงแต่ท่านพ่อของข้า ท่านเลี้ยงดูข้ามาโตเช่นนี้ก็ไม่ได้ง่ายนัก ข้าอยากให้ท่านพ่อมีชีวิตดีๆ ไม่กระทบถึงท่านพ่อของข้าได้หรือไม่” 

 

 

ช่างเป็นแม่นางที่ดีเหลือเกิน นางไม่มีใจคิดจะหนีก็ดีเพียงใดแล้ว ก้อนหินในใจเฝิงเยี่ยไป๋จึงวางลงพื้นได้เสียที ประโยคนี้ของนางดียิ่งกว่าคำมั่นสัญญาใดๆ ทั้งสิ้น และได้เติมเต็มหัวใจที่ไม่มั่นคงของเขาไว้ มีประโยคนี้ของนางยังจะมีสิ่งใดต้องกลัวอีก ถือว่าทำเพื่อนาง อย่างไรเสียก็จะสู้กับฮ่องเต้จนแพ้ยับเยินทั้งสองฝ่ายไม่ได้ เขาต้องชนะ และต้องชนะอย่างสิ้นเชิง จะให้รากฐานชีวิตพังไม่ได้ พวกเขายังต้องอยู่ด้วยกันอีกยาวไกล ทว่าแม้ปากของเขาพูดเช่นนี้ แต่จะให้นางไปตายด้วยกันกับเขาไม่ได้ พวกเขาต้องรอดให้ได้ 

 

 

“เจ้าวางใจเถอะ ท่านพ่อของเจ้าไม่เป็นอะไร เจ้าก็ไม่เป็นอะไร ข้าเคยบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ ฟ้าถล่มลงมาก็มีข้าแบกให้เจ้า เจ้ายิ้มให้ข้าทุกวันข้าก็พอใจแล้ว” 

 

 

นางจึงฉีกปากเผยฟันขาวเรียงตัวสวยงาม เอ่ยว่า “เช่นนี้หรือ” 

 

 

ไม่ใช่เป็นเพียงสมบัติ แถมยังเป็นสมบัติที่มีชีวิตอีกด้วย เฝิงเยี่ยไป๋หยิกแก้มนางเล็กน้อย ความเศร้าหมองก่อนหน้านั้นพลันมลายหายไปหมดสิ้น แม้แต่คิ้วก็คลายลง ในใจรู้สึกโล่ง ปากก็เย้าแหย่นางเล่น “ยิ้มได้น่าเกลียดเสียจริง” 

 

 

เฉินยางเอาหน้าเข้าไปใกล้ๆ เขา “น่าเกลียดตรงไหนหรือ ทั้งๆ ที่น่าดูออก เป็นท่านที่ตาไร้แวว ท่านพ่อข้าก็บอกว่าข้าสวย วันนี้ฮ่องเต้ก็ชมข้า มีแต่ท่านที่บอกว่าข้าน่าเกลียด” 

 

 

“จะมีพ่อที่ไหนว่าลูกสาวตัวเองว่าน่าเกลียด ต่อให้เจ้ามีตาสามดวง ในสายตาของพ่อเจ้าก็ดูดีที่สุด ที่ฮ่องเต้ชมเจ้านั่นเป็นเพียงคำชมตามมารยาท ไม่ได้เป็นจริงเสียหน่อย ส่วนที่ข้าว่าเจ้าน่าเกลียดนั่นเป็นคำตรงข้าม ในสายตาของข้า ใต้หล้านี้จะหาผู้ที่ดูดีกว่าเจ้าไม่ได้อีกแล้ว”