ตอนที่ 569

The Divine Nine Dragon Cauldron

แม้ว่าจะเป็นระดับต่ำสุด ไหมที่ได้จากมันก็ควรจะมีคุณภาพดีกว่าทั่วๆไป มันอาจจะไม่เหมาะกับซือหยู แต่อย่างน้อย เซี่ยนเอ๋อ เซี่ยจิงหยู หรือดยุคเซี่ยนหยูก็พอจะใช้มันได้

 

หวูอู๋ยี่เย็นด้วยกับเขา นางหยิบเอาที่ที่จะใช้เป็นรังหนอนออกมาและเก็บหนอนไว้ข้างใน นางคิดจะให้อาหารมันจากที่นี่ แต่ทั้งเขาและนางก็ไม่เห็นเลยว่ามีอยู่ช่วงหนึ่งที่รูปภาพสัตว์อสูรตัวที่สองในชามได้เปล่งแสงออกมาในพริบตาเดียว จากนั้นจึงค่อยๆเลือนรางไป…

 

สุดท้ายซือหยูก็ได้เวลามาตรวจสอบสมบัติทั้งสี่ชิ้นที่กิเลนน้อยชิงมาให้เขา ซือหยูถือสายใยมังกรด้วยความดีใจ

 

ก้อนไหมเช่นนี้เป็นสมบัติจู่โจมที่ซือหยูชำนาญที่สุด เขาดีใจเสียยิ่งกว่าที่สายใยมังกรนี้กลับมาเป็นของเขาโดยไม่คาดคิด

 

จากนั้นเขาจึงหันไปมองขลุ่ยไผ่แปดทิศที่สามารถควบคุมวิญญาณและมีพลังแห่งความตายที่แข็งแกร่ง ซือหยูเห็นพลังของมันมากับตา

 

แต่โชคร้ายที่มันมีพลังไม่ถึงขั้นไม้หกทิศของไป่หยีเจี้ยนเมื่อใช้ร่วมกัน เพราะถ้าหากสมบัติทั้งสองชิ้นถูกใช้ร่วมกันแล้ว หนึ่งคนจะใช้โจมตี ส่วนอีกคนจะใช้ป้องกันได้อย่างสมบูรณ์แบบ

 

ต่อไปคือมุกบาดาล มันถูกปิดผนึกเอาไว้คู่กับมุกสมุทรสาบสูญในที่เก็บสมบัติสุดท้าย มันมีพลังสายฟ้าที่จะทำให้ต้นแบบสมบัติภูติเลื่อนระดับถัดไป นี่เป็นครั้งแรกที่ซือหยูได้ยินชื่อมุกบาดาล เขาไม่รู้ว่ามันจะใช้การได้ดีแค่ไหน

 

“นี่มันมุกบาดาล สมบัติจากโลกปีศาจ!”

 

หวูอู๋ยี่มองตามสายตาของซือหยูด้วยความตกตะลึง

 

“หรือว่านายท่านจะมาถึงที่เก็บสมบัติวัตถุดิบที่ลูกหลานคนเฝ้าสมบัติปกป้องอยู่?”

 

ซือหยูถามกลับ

 

“เจ้าถามทำไมกัน? เจ้ารู้เรื่องมุกบาดาลหรือไม่?”

 

หวูอู๋ยี่พูดตะกุกตะกัก แต่สุดท้ายนางก็พูดออกมา

 

“ทุกคนในจิวโจวรู้จักมัน! ครั้งหนึ่งเคยเกิดมหาสงครามระหว่างมนุษย์กับอสูรเมื่อร้อยปีก่อน จ้าวโลกปีศาจได้ปล่อยสมบัติทั้งห้าที่สร้างจากมุกบาดาล ไม่มีใครในทวีปจิวโจวเลยที่จะป้องกันได้และถูกสังหารตายหมด ถ้าหากไม่เกิดเรื่องขึ้นในโลกปีศาจจนทำให้กองทัพปีศาจถอย ทวีปจิวโจวก็คงจะถูกทำลายจนสิ้นซากไปแล้ว!”

 

ซือหยูตาเป็นประกายเมื่อได้รับข้อมูล

 

เคยเกิดสงครามครั้งใหญ่ระหว่างมนุษย์ในจิวโจวกับตระกูลอสูรงั้นรึ? แล้วมุกบาดาลก็ทรงพลังถึงเพียงนี้เชียว? เพราะแน่นอนว่าไม่ได้มีอสูรเนรมิตรแค่คนเดียวในทวีปจิวโจวแน่ที่ตายไป!

 

“มุกบาดาลเม็ดนี้จะต้องเป็นของที่จ้าวโลกปีศาจทิ้งเอาไว้ตอนที่ถูกพวกอสูรเนรมิตรปิดล้อม ดูจากพลัง มันน่าจะเสียอำนาจไปและไม่ทรงพลังเท่าที่ควรจะเป็น”

 

ซือหยูวิเคราะห์ดูมุกบาดาลของเขา

 

เพราะอย่างไร ถ้าหากมุกบาดาลไม่ได้มีพลังมหาศาล เทียนจี่จื้อก็คงจะไม่พบกับชะตากรรมเช่นนี้

 

“เจ้ารู้รายละเอียดเรื่องสงครามตอนนั้นไหม?”

 

ซือหยูถาม

 

หวูอู๋ยี่ส่ายหน้า

 

“มหาสงครามมีรายละเอียดมากนัก มันเกี่ยวข้องกับทั้งทวีปจิวโจว ข้าบอกรายละเอียดทั้งหมดกับนายท่านไม่ได้ สิ่งเดียวที่ข้ารู้ก็คือมนุษย์ที่แข็งแกร่งเกือบครึ่งถูกกำจัดไป สายโลหิตตระกูลฉีรุ่นแรกแทบสูญสิ้น จ้าวแห่งกระโจมเทพสวรรค์เทียนจี่จื้อเองก็พ่ายแพ้กับจ้าวโลกปีศาจ แม้แต่สมบัติภูติอย่างกระโจมเทพสวรรคต์เองก็ลอยล่องอยู่เช่นนี้”

 

นางพูดต่อ

 

“ข้าไม่แน่ใจว่ามีผู้แข็งแกร่งตายหรือสูญหายไปเท่าใด แต่พวกนั้นล้วนถูกดูดเข้ามาในกระโจมเทพสวรรค์”

 

เอ๋? ซือหยูเลิกคิ้ว มีบางอย่างไม่ถูกต้อง! เทียนจี่จื้อตายเพราะซือตี๋ ไม่ใช่จ้าวโลกปีศาจ!

 

“ถ้านายท่านสนใจ นายท่านจะอ่านตำราของข้าก็ได้ แต่รายงานลับสำคัญจะมีอยู่ในสำนักใหญ่เท่านั้น ตำหนักเมฆาม่วงก็น่าจะมี!”

 

นางตอบ

 

ซือหยูครุ่นคิดและพยักหน้า

 

“อืม เจ้าพูดต่อเลย”

 

อย่างไรเขาก็ต้องไปที่ตำหนักเมฆาม่วงอยู่แล้วเพราะเขาเป็นห่วงลู่จือยี่มาก! เพราะนางเป็นผู้เฒ่าของตำหนักเมฆาม่วง!

 

แล้วเขาจะสู้หน้ากับนางยังไง?

 

“มุกบาดาลใช้ทำอะไรได้บ้าง?”

 

ซือหยูพยายามจะหยิบมันขึ้นมาแต่เขาก็ต้องแปลกใจที่เขายกมันไม่ขึ้น! มุกเม็ดเล็กนี้หนักราวกับภูเขาใหญ่สิบลูกรวมกัน!

 

หวูอู๋ยี่เอามือป้องปากและหัวเราะ นางบอก

 

“ดูเหมือนว่านายท่านจะรู้วิธีใช้มันแล้วล่ะ! มันหนักมาก! มุกบาดาลคือของที่มีมวลหนาแน่นที่สุดในโลก!”

 

นายอธิบายต่อ

 

“มันต้องใช้คนแข็งแกร่งที่บ่มเพาะร่างกายมาอย่างดีในการยก! การที่กิเลนนำมันมาถึงที่ดีได้ก็สุดยอดมากแล้ว!”

 

จู่ๆซือหยูก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้…หรือว่าที่กลางลำดับทางช้างเผือกมีน้ำหนักสูงมากจะเป็นเพราะมุกบาดาล?

 

สิ่งนี้หนักมากซะจนบดขยี้อสูรเนรมิตรได้! ดังนั้นมันจึงแปลกที่ซือหยูกับกิเลนน้อยจะขยับมันได้!

 

“มุกเม็ดนี้มีแก่นโลหิตของจ้าวโลกปีศาจ แม้แต่อสูรเนรมิตรก็ชำระมันมาใช้เองไม่ได้ ข้าว่านายท่านอย่าเสียเวลาเลยจะดีกว่า! ถึงนายท่านจะชำระมันได้ นายท่านก็ต้องมีร่างกายที่แข็งแกร่งถึงจะใช้งานมันได้ดี…”

 

หวูอู๋ยี่อธิบาย

 

มุกบาดาลเป็นสมบัติของโลกปีศาจที่มองได้แต่มิอาจสัมผัส ดังนั้นจึงนับว่ามันไร้ค่า

 

แต่จะเป็นเช่นนั้นรึ? ซือหยูลูบคางและวางมือลงบนมุกบาดาล เขาคิดในใจและเรียกตราสีเงินออกมาจากฝ่ามือ ไม่นานหลังจากนั้นก็มีพลังภูติที่มีกลิ่นโลหิตค่อยๆซึมออกจากมุกบาดาล

 

หวูอู๋ยี่ตกใจ นางถามออกมาทันที

 

“เอ่อ…ร่องรอยของเจ้าของเก่าหายไปแล้ว! นายท่านทำได้ยังไง?”

 

นางตกใจเสียยิ่งกว่าตอนที่ได้พบตัวตนของมุกวิญญาณเก้าหยก! เพราะนี่ควรจะเป็นสมบัติที่แม้แต่อสูรเนรมิตรยังชำระไม่ได้ แต่ซือหยูกลับทำได้ในเวลาเพียงครู่เดียว!

 

จากนั้นซือหยูก็ดึงมือออก เขาดูหน้าซีดและเหนื่อยอ่อนเป็นอย่างมาก

 

เขาแปลกใจมากในครั้งนี้ เขาพยายามจะใช้ทรายดาราทางช้างเผือกในการชำระล้างมุกบาดาล เขาตั้งใจจะนำร่องรอยเจ้าของเก่าออกเพื่อนำสิ่งแปลกปลอมออกไป

 

แต่ทรายดาราทางช้างเผือกกลับนำสิ่งแปลกปลอมออกได้เพียงหนึ่งในร้อยส่วน มันต้องใช้พลังจิตมหาศาล เขารู้สึกเหนื่อยมากกว่าทุกครั้ง

 

ไม่แปลกใจเลยที่มันเป็นสมบัติของจ้าวโลกปีศาจ! มันต่อต้านได้แม้แต่กับสมบัติศักดิ์สิทธิ์รูปแบบจักรพรรดิ!

 

ซือหยูยังแอบตกใจเมื่อประมาณเวลา ดูเหมือนการชำระมุกบาดาลทั้งลูกจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยสามเดือนเต็มทั้งวันทั้งคืน! ซือหยูตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้นและคาดหวัง เขาสงสัยว่ามุกจะให้พลังแบบใดเมื่อเขาชำระมันจนหมดสิ้น

 

แม้จะอยู่ในสภาพนี้ มันก็ยังต้องมีพลังที่แข็งแกร่งมากอยู่แน่! รางวัลในการมากระโจมเทพสวรรค์ครั้งนี้นับว่าประเมินค่ามิได้ ทั้งหมดต้องขอบคุณกิเลนน้อย!

 

“ตอนนี้เจ้าอยู่ที่นี่ไปก่อน ข้าต้องรับมือกับศัตรูที่แข็งแกร่ง เจ้าอย่าออกมาเพ่นพ่านจะดีกว่า”

 

ซือหยูพูดกับกิเลนน้อย

 

กิเลนน้อยไม่ค่อยพอใจนัก แต่มันก็พยักหน้าเชื่อฟัง มันดึงปลายกางเกงซือหยูด้วยกีบเท้าสองข้าง มันต้องการจะบอกซือหยูให้พามันออกไปข้างนอกให้เร็วที่สุด

 

ซือหยูยิ้มมองสมบัติสุดท้าย นั่นคือกล่องเหล็ก กล่องนี้ก็ถูกกิเลนน้อยชิงมาเช่นกัน

 

ซือหยูหยุดคิดและตัดสินใจที่จะรอจนกว่าจะได้เจอกับเซี่ยจิงหยูเพื่อเปิดกล่องกับนาง ซือหยูออกจากมิติกลับสู่ร่างจริง

 

เขาพักมาหนึ่งชั่วยามแล้ว บาดแผลที่แขนขวาดูเหมือนจะฟื้นฟูมาบ้างรวมถึงกระดูกของเขาเอง

 

เขาที่เป็นกึ่งภูติในตอนนี้มีพลังชีวิตที่สามารถฟื้นฟูร่างกายตัวเองได้อย่างรวดเร็วแบบก้าวกระโดด! ดูเหมือนจะใช้เวลาไม่ถึงครึ่งวันก่อนที่เขาจะฟื้นฟูเต็มที่!

 

แต่จากนั้นซือหยูก็รู้สึกเจ็บแปลบที่อก เขาชักสีหน้า

 

“มันออกมาจากเวทความฝันได้เร็วเช่นนี้เชียวรึ? ซ้ำร้ายยังฆ่าร่างเทียมของข้าไปร่างหนึ่งอีก?”

 

ร่างเทียมของซือหยูเชื่อมต่อกับตัวเขา เขาจะสัมผัสรู้ได้ถ้าหากมันถูกทำลาย

 

ตามแผน เวทความฝันควรจะขังหุ่นเชิดสีเงินได้หนึ่งวัน ถ้าเขาโชคดี หุ่นเชิดคงจะติดอยู่ในกระโจมเทพสวรรค์จนถึงวันสุดท้าย

 

แต่ซือหยูไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นอิสระในชั่วยามเดียว! มันยังหาร่างเทียมของเขาเจอหนึ่งร่าง!

 

ดูเหมือนว่าซือหยูจะยังหนีไม่ได้ โอกาสที่จะถูกเจอตัวนั้นมีสูงมาก และจู่ๆหัวใจของเขาก็เต้นแรง

 

เขายืนขึ้นมองไปในความมืดมิด

 

“เจ้าหาข้าเจอได้ยังไง?”