DC บทที่ 318: ดูร่างข้าสิ

 

“ท่านเจ้า จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเจ้าเลวนั่นทำอะไรที่ไม่เหมาะสมกับนายหญิงน้อย เราคงมิสามารถปกป้องเธอได้ถ้ามีสิ่งผิดพลาดเกิดขึ้น…”

 

บรรดาองครักษ์มีท่าทางกังวลกับเหตุการณ์ รู้สึกเหมือนกับว่าซีซิงฟางถูกโยนเข้าไปในดงสิงโตในฐานะกระต่าย

 

“พวกเจ้ามิต้องกังวล เขามิแตะต้องเธอแน่” เจ้าซีกล่าวด้วยเสียงชัดเจน

 

องครักษ์จ้องมองเขาด้วยท่าทางหวาดหวั่น ทำไมเขาจึงถึงมั่นใจเกี่ยวกับเรื่องนี้

 

“ชายคนนั้น… เขาสามารถจ้องมองลูกสาวข้าได้อย่างเต็มตาโดยปราศจากอารมณ์ใดได้อย่างแท้จริง ราวกับว่าเขาเพียงมองดูผู้หญิงดาษดื่นทั่วไป… ข้ามิเคยพบชายอื่นนอกจากข้าที่สามารถมองดูเธอด้วยดวงตาผุดผ่องปานนั้น…”

 

ซีซิงฟางสามารถถือได้ว่าเป็นหนึ่งในบรรดาหญิงสาวที่สวยที่สุดในทวีปตะวันออก ดังนั้นทุกผู้คนมักจ้องมองเธอหากไม่ใช่สายตาหื่นกระหายก็เป็นความคิดเพ้อฝัน ดังนั้นจึงเป็นเหตุที่ทำไมเธอจึงสวมผ้าแพรปิดบังใบหน้าเมื่อเธอออกไปพ้นจากอาคารนี้

 

กล่าวไปแล้ว ซูหยางได้เห็นหญิงสาวสวยมาคณานับในชีวิตของเขา และในสายตาของเขาแล้วหน้าตาของซีซิงฟางก็ไม่ใช่อะไรที่ต้องหวั่นไหวเช่นเดียวกับที่เธอทำให้คนอื่นรู้สึก

 

องครักษ์เงียบไปหลังจากที่เจ้าซีอธิบาย พวกเขาล้วนรู้ว่ายากแค่ไหนที่จะมองดูซีซิงฟางด้วยความคิดผ่องใส ในเมื่อไม่มีพวกเขาสักคนที่ประสบความสำเร็จมาจนถึงวันนี้ถึงแม้ว่าจะเห็นเธอมานับครั้งไม่ถ้วนจากช่วงเวลาหลายปีนี้

 

“และถึงแม้ว่าเขาต้องการทำอะไรสนุกกับลูกสาวข้า เธอก็มิใช่คนที่อ่อนด้อยไปกว่าข้าในบางสถานการณ์” เจ้าซูพูด “ไม่ว่าอย่างไรร่างสวรรค์ของเธอก็มิใช่มีไว้เพื่อแสดง”

 

แม้ว่าซีซิงฟางจะยังไม่ใกล้เคียงกับระดับของเขาในด้านการฝึกวิชา แต่พลังความแข็งแกร่งของเธอได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญนับตั้งแต่ครึ่งปีที่ผ่านมานี้เมื่อเธอกลับมาจากการผจญภัย แต่ในเมื่อซีซิงฟางไม่ได้อธิบายเหตุผลเบื้องหลังความก้าวหน้าอย่างฉับพลันให้กับเจ้าซี เขาได้แต่คิดสงสัยไปต่างๆนาๆ

 

“ใช่แล้วนับตั้งแต่นายหญิงน้อยกระตุ้นร่างร้อยพิษมิกรายของเธอ กระทั่งจอมยุทธเขตอัมพรวิญญาณก็จักล้มลงภายใต้อำนาจนั้น”

 

องครักษ์ต่างพากันตระหนัก

 

ในเวลานั้นภายในห้องส่วนตัวของซีซิงฟาง ซูหยางจิบชาที่ชงโดยซีซิงฟางอย่างใจเย็น

 

“ท่านคิดว่าชาข้าเป็นอย่างไรบ้าง พี่ชายเซียว” ซีซิงฟางถามเขาขณะที่เธอนั่งข้างกายเขา

 

“เจ้าควรเพียงเรียกข้าว่าซูหยาง เซียวหยางเป็นเพียงชื่อปลอมสำหรับตอนที่ข้าเดินทาง และเจ้ามิจำเป็นต้องมากมารยาท” ซูหยางกล่าวกับเธอ

 

“ส่วนสำหรับชานี้… เจ้าผลิตมันขึ้นมาเองรึ” เขาพลันถามเธอ

 

“ช-ใช่แล้ว…”

 

แม้ว่าเธอค่อนข้างประหลาดใจอยู่บ้างกับข้อมูลใหม่นี้ เธอยังคงรู้สึกดีใจที่เขาตัดสินใจเปิดเผยให้เธอรู้ถึงตัวตนที่แท้จริง นั่นหมายถึงว่าเขาเชื่อถือเธอ

 

“สมุนไพรที่ใช้สร้างเป็นชานี้ข้าก็ปลูกมันขึ้นมาเอง ถ้าท่านอยากเห็นมัน ข้าสามารถพาท่านไปยังสวนของข้าหลังจากนี้”

 

“ถ้าเจ้าพูดถึงสวนที่อยู่หลังอาคารนี้ เช่นนั้นข้าก็ได้เห็นมันแล้ว” ซูหยางกล่าวซึ่งเขาได้ตรวจสอบสถานที่นี้ด้วยสัมผัสวิญญาณทันทีที่เขามาถึงแล้ว

 

“…?”

 

ผู้อาวุโสจง ซึ่งยืนอยู่ข้างประตูเหมือนกับคนรับใช้มองดูซูหยางด้วยคิ้วขมวดมุ่น เท่าที่เขารู้ ซูหยางอยู่ข้างกายเขามาก่อนหน้าที่พวกเขาจะได้ก้าวเข้ามาในที่แห่งนี้ ดังนั้นทำไมเขาจึงรู้เกี่ยวกับสวนของซีซิงฟางอย่าว่าแต่ได้เห็นมัน

 

ซีซิงฟางพยักหน้า “อย่าไรก็ตามข้าหวังว่าพ่อของข้ามิได้สร้างปัญหาให้ท่านเมื่อกี้นี้” เธอกล่าวหลังจากนั้น

 

“อะไรที่ทำให้เจ้าคาดคิดว่าเขาสร้างปัญหาให้กับข้า” ซูหยางถามด้วยรอยยิ้ม

 

ซีซิงฟางหัวเราะหึและกล่าวว่า “เพราะว่าเขาเป็นคนดื้อดึงมาก และเมื่อเขาต้องการให้ท่านเป็นผู้พิทักษ์ให้กับตระกูลซีของเรา ข้าก็ได้นึกออกมาเช่นนั้น”

 

“เอ้อ แม้ว่านั่นมิเท่าไหร่นัก ข้าก็เกือบหัวหลุดในห้องนั้น” ซูหยางก็ยังเริ่มหัวเราะ

 

“อะไรนะ” ซีซิงฟางตื่นตระหนกกับคำของเขา

 

“เจ้าพูดเรื่องไร้สาระอะไรกัน” ผู้อาวุโสจงแค่นเสียงเย็นชา “นั่นเป็นสิ่งที่เจ้าหาเข้าตัวเอง”

 

“ผู้อาวุโสจง ทำไมท่านพูดเช่นนั้น อย่ากังวล ซูหยาง ข้าจักพูดกับพ่ออย่างแน่นอนหลังจากนี้” ซีซิงฟางกล่าวกับเขา

 

แม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าเขาทำอะไรจึงเป็นเหตุให้เกิดสถานการณ์เช่นนั้น เธอก็อดไม่ได้ที่จะอยู่ข้างซูหยางในเมื่อเขาเป็นผู้มีบุญคุญของเธอ

 

“ข้ามิถือ” ซูหยางกล่าว “ว่าไปแล้วก็ดังที่ผู้อาวุโสจงกล่าว นั่นเป็นความผิดของข้าเอง”

 

“อย่างไรก็ตาม ข้ามั่นใจว่าเจ้ามิได้พาข้ามาที่นี่เพียงเพื่อดื่มชา ใช่ไหม” เขามองดูซีซิงฟาง ซึ่งดูเหมือนกับว่าเธอเป็นเด็กเล็กที่มีข่าวน่าตื่นเต้นต้องการบอกเล่า

 

หลังจากเงียบไปชั่วขณะ ซีซิงฟางยกมือของเธอขึ้นและกล่าวว่า “โปรดมองดูร่างข้าสิ”

 

“…”

 

ผู้อาวุโสจงลืมตากว้างด้วยความตระหนก และเขารีบแทรกอย่างรวดเร็ว “ท่านพูดอะไรนายหญิงน้อย”

 

อย่างไรก็ตาม ซีซิงฟางแสดงสีหน้าสับสนและถามว่า “มีอะไรผิดไปหรือผู้อาวุโสจง”

 

“ท-ท-ท่าน… ทำไมท่านจึงขอร้องสิ่งที่ไม่เหมาะสมจากคนที่เพิ่งรู้จักได้อย่างไร”

 

ผู้อาวุโสจงกล่าว สร้างความสงสัยให้กับเธอ

 

ซีซิงฟางขมวดคิ้ว “ไม่เหมาะสมรึ มีอะไรที่ไม่เหมาะสมเกี่ยวกับการที่ข้า…”

 

อย่างไรก็ตามเธอชะงักถ้อยคำเพียงแค่ครึ่งประโยคหลังจากที่ตระหนักว่าเธอได้พูดอะไรไปก่อนหน้านี้ และหน้าแดงขึ้นอย่างรวดเร็ว

 

“ข-ข-ข้ามิได้หมายความแบบนั้น ข้าเพียงต้องการให้เขาดูร่างสวรรค์ของข้า” เธอรีบอธิบายตัวเอง แต่อนิจจานั่นเพียงยิ่งทำให้ผู้อาวุโสจงเข้าใจผิดไปมากกว่าเดิม

 

“ท่านต้องการให้เขาดูร่างสวรรค์ของเจ้า”

 

แน่นอนว่าผู้อาวุโสจงได้ลืมไปว่าซูหยางมีความสามารถที่จะดูร่างสวรรค์ของซีซิงฟางโดยไม่จำเป็นต้องให้เธอเปลือยร่าง

 

“ผู้อาวุโสจง ถ้าท่านมิหุบปาก ข้าจักโยนท่านออกไปจากห้องของข้า” ซีซิงฟางตะโกน ใบหน้าเธอรุ่มร้อนแดงก่ำ

 

“นอกจากว่าท่านฆ่าชายชราคนนี้ อย่าแม้จะคิดในเรื่องที่จะบีบข้าจากไป”

 

ซูหยางส่ายหน้าและกล่าวกับซีซิงฟางว่า “ส่งมือเจ้ามาให้ข้า”

 

ซีซิงฟางสูดลมหายใจลึกและยื่นมือเรียบของเธอให้กับเขา

 

ซูหยางเลิกสนใจผู้อาวุโสจง ซึ่งจ้องมองเขาเขม็งข่มขู่ฆ่าถ้าเขาเล่นตุกติกอะไร และจับมืองามของซีซิงฟาง

 

เขาไม่เสียเวลาอีกต่อไปทำการตรวจสอบร่างของเธอด้วยปราณไร้ลักษณ์ของเขา

 

“อืมม” ซูหยางเลิกคิ้วหลังจากนั้นชั่วขณะ ดูเหมือนว่าสับสนกับบางสิ่ง

 

“ม-มีอะไรผิดไปหรือ” ซีซิงฟางถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลหลังจากที่เห็นท่าทางของเขา