DC บทที่ 319: ถูกพิษ

 

หลังจากที่ตรวจสอบเงื่อนไขของซีซิงฟางไปสองสามนาที สุดท้ายซูหยางก็รู้ว่าอะไรที่กวนใจเขาอยู่

 

“เจ้า.. เจ้าได้ทำตามคัมภีร์ยุทธถูกต้องทุกอย่างหรือไม่” เขาถามเธอพร้อมกับขมวดคิ้ว จนทำให้เกิดความรู้สึกลางร้ายปรากฏขึั้นในห้อง

 

“ข-ข้าทำ…” ซีซิงฟางพยักหน้าอย่างแข็งกระด้าง

 

“มีอะไรผิดพลาดกับร่างสวรรค์ของข้าหรือไม่” เธออดไม่ได้แต่รู้สึกกังวลหลังจากที่เห็นเขาขมวดคิ้ว อย่างไรก็ตามเธอมั่นใจว่าเธอได้ฝึกฝนร่างร้อยพิษมิกรายของเธอเข้าสู่ร่างระดับเซียนร่างพันพิษมิกรายไปเรียบร้อยแล้ว

 

“เพื่อที่จะฝึกร่างร้อยพิษมิกรายไปเป็นร่างพันพิษมิกราย เจ้าได้อาบพิษที่แตกต่างกันกว่าพันชนิดตามลำดับเฉพาะ ข้าสามารถเห็นได้ว่าเจ้าได้รับร่างพันพิษมิกรายแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม… เจ้าโดนพิษระหว่างขั้นตอนไปเสียแล้ว”

 

“อะไรกัน” ซีซิงฟางมีท่าทางตระหนกเมื่อได้ยินว่าตัวเธอตอนนี้ติดพิษ

 

“ท-ท่านมั่นใจเรื่องนี้รึ” เธอถาม รู้สึกสงสัย

 

แม้ว่าเธอต้องการเชื่อวาจาเขา แต่นั่นก็เป็นการยากมากที่จะเชื่อว่าร่างของเธอนั้นถูกพิษเมื่อเธอมีร่างกายที่ต้านทานพิษ ยิ่งไปกว่านั้นเธอไม่รู้สึกเจ็บป่วยหรืออะไรทั้งสิ้นที่จะแสดงให้เห็นว่าร่างของเธอถูกพิษ

 

“พิษชนิดนี้เป็นพิษพิเศษที่ไม่เหมือนพิษอื่น จริงแล้วบางคนไม่แม้จะถือว่ามันเป็นพิษชนิดหนึ่งแต่เป็นอย่างอื่นไป ซึ่งนี่เป็นไปไม่ได้ถ้าเจ้าทำตามคัมภีร์ยุทธอย่างถูกต้อง ลองนึกถึงการฝึกฝนของเจ้า ประเภทและปริมาณของพิษที่เจ้าอาบต้องเป็นไปตามวิชาอย่างถูกต้อง”

 

“จ-เจ้าพูดถึงอะไรกัน ร่างพันพิษมิกราย ถูกพิษ” ผู้อาวุโสจงขัดพวกเขาด้วยสีหน้าสงสัย แต่อนิจจาเขาถูกอีกฝ่ายละเลยอย่างสิ้นเชิง

 

ซีซิงฟางหลับตาลงครุ่นคิด ไม่นานหลังจากนั้นเธอก็กล่าวว่า “ใช่แล้ว เพราะว่าข้ามิเคยได้ยินพิษที่ต้องการบางอย่าง ข้าจึงทดแทนมันด้วยพิษอย่างอื่นที่มีผลเหมือนกัน เช่นการใช้สมุนไพรเศียรมังกรฟ้าแทนดอกเศียรมังกรม่วง หรือว่านั่นเป็นสาเหตุ”

 

“…”

 

เมื่อซูหยางได้ยินคำของเธอ เขาก็เกือบยกมือกุมหน้าผาก “ข้าได้มองข้ามความจริงที่ว่าพิษบางอย่างที่เธอต้องการในการฝึกมิอาจจะปรากฏขึ้นในโลกเยาว์วัยนี้ที่ซึ่งมีอายุเพียงสองพันปี ในเมื่อพวกมันต้องใช้เวลานับหมื่นปีในการเติบโต…” เขาถอนใจ

 

“ข้าขอโทษ ข้าควรจะรู้ดีกว่านี้” เขาส่ายหน้า “ทั้งหมดนี้เนื่องมาจากความประมาทของข้า ข้ามิควรให้วิชานั้นแก่เจ้าตั้งแต่แรก..”

 

ซูหยางมีเจตนาที่จะช่วยเหลือเธอด้วยวิชาระดับเซียนด้วยใจบริสุทธิ์ แต่อนิจจาเจตนาเช่นนั้นกลับเป็นต้นเหตุทำร้ายเธอ

 

“ม-ไม่จริง” ซีซิงฟางกล่าวอย่างรวดเร็ว “นี่มิใช่ความผิดของท่าน ข้ามิควรจะทำการอย่างบุ่มบ่ามเช่นนั้น ถ้าข้าได้ทำตามคัมภีร์ยุทธอย่างถูกต้อง นี่ก็มิควรจะเกิดขึ้น…”

 

“อย่างไรก็ตาม จักเกิดอะไรขึ้นกับข้าตอนนี้หรือไม่ เหตุใดข้าจึงยังรู้สึกสบายดีถึงที่สุด” เธอพลันถาม

 

“พิษในร่างของเจ้ายังเพิ่งปรากฏขึ้น ดังนั้นเจ้าจึงมิประสบกับอาการของมันไปอีกสองสามเดือน อย่างไรก็ตามครั้นเมื่อพิษเริ่มแสดงผล มันจักกัดกร่อนร่างกายของเจ้าอย่างช้าๆจากภายใน…จนกระทั่งร่างของเจ้าทั้งหมดสูญหายไปจากโลกนี้ ถ้าเจ้าปล่อยให้พิษคงอยู่ในร่าง เจ้าจักหายจากโลกนี้ไปภายในห้าปี”

 

“ม..ไม่จริง…”

 

ความสิ้นหวังลึกล้ำที่เธอไม่เคยประสบมาก่อนเติมใจซีซิงฟางจนเต็มอย่างรวดเร็ว ท่าทางของเธอเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น

 

“เจ้าพ่นวาจาเน่าเหม็นอะไรใส่นายหญิงน้อย เธอจะถูกพิษได้อย่างไรในเมื่อเธอมีร่างร้อยพิษมิกรายที่ต้านทานต่อพิษร้ายทั้งมวลในโลกนี้ เห็นชัดว่าเจ้าเพียงแค่ต้องการที่จะทำให้เธอกลัว”

 

แม้ว่าเขาไม่รู้สถานการณ์นี้ ผู้อาวุโสจงก็ยังตะโกนใส่ซูหยางที่เป็นต้นเหตุให้ซีซิงฟางมีปฏิกิริยาเช่นนั้น

 

“ผู้อาวุโสจง โปรดเงียบชั่วขณะ” ซีซิงฟางมองดูเขาด้วยท่าทางตึงเครียด

 

เธอหันกลับไปหาซูหยางและกล่าวว่า “มี…มีวิธีที่จะรักษาพิษชนิดนี้ในร่างข้าหรือไม่”

 

ซูหยางไม่ได้ตอบเธอในทันใดชั่วขณะก่อนที่จะกล่าวขึ้น “มี มีวิธีหนึ่งที่รักษาเจ้าได้ มันเป็นเรื่องง่ายเช่นเดียวกับการอาบร่างเจ้าในพิษบางอย่าง เช่นเดียวกับการที่เจ้าฝึกร่างพันพิษมิกราย อย่างไรก็ตาม สมุนไพรที่ต้องการเหล่านั้นมีอยู่ในโลกนี้หรือไม่นี่ยังเป็นปัญหา”

 

“ขอกระดาษและบางอย่างสำหรับเขียนให้ข้า” เขาพลันกล่าว

 

ซีซิงฟางไม่กล้าที่จะอืดอาด หยิบกระดาษและหมึกโดยเร็วพลัน

 

ครั้นเมื่อเขาพร้อมเขียนแล้ว ซูหยางก็บันทึกรายชื่อบางอย่างบนแผ่นกระดาษและยื่นส่งให้กับซีซิงฟาง “เจ้าสามารถหาสิ่งเหล่านี้มาได้หรือไม่”

 

ซีซิงฟางมองดูกระดาษ

 

ไม่นานหลังจากนั้นเธอก็ขมวดคิ้ว

 

“สมุนไพรแปดในเก้าชนิดนี้มีอยู่ แม้ว่าจะหายากมากและแพงมาก แต่อย่างไรก็ตามสำหรับขิงเลือดปีศาจนี้… ข้ามิเคยได้ยินสมุนไพรพิษชนิดนี้มาก่อน” ซีซิงฟาง ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในผู้ที่มีความรู้ประสบการณ์มากที่สุดในด้านพิษในทวีปแห่งนี้ กล่าว

 

“นี่ยุ่งยากอยู่บ้าง…” ซูหยางครุ่นคิดอีกครั้ง

 

หลังจากนั้นชั่วขณะ เขาก็กล่าวว่า “เราสามารถหารือเกี่ยวกับขิงเลือดปีศาจหลังจากที่เราได้สมุนไพรทั้งแปดมาแล้ว”

 

ซีซิงฟางพยักหน้าด้วยความรู้สึกเป็นกังวล “ข้าจักพูดกับพ่อข้าเกี่ยวกับเรื่องนี้…”

 

“เจ้าสามารถอธิบายให้ข้าฟังเกี่ยวกับสถานการณ์นี้ได้หรือยัง” ผู้อาวุโสจงสุดท้ายก็พูดขึ้น “เกิดอะไรขึ้น นายหญิงน้อยถูกพิษจริงรึ มันเกิดขึ้นได้อย่างไร”

 

แม้ว่าเขาเข้าใจบางอย่างจากการสนทนาของพวกเขา แต่ก็ไม่เพียงพอสำหรับเขาที่จะเข้าใจทั้งหมด

 

ซีซิงฟางหันไปมองซูหยาง

 

“มิมีความจำเป็นที่จะต้องเก็บไว้เป็นความลับในตอนนี้” ซูหยางกล่าว

 

ซีซิงฟางพยักหน้าและเริ่มอธิบายสถานการณ์ให้กับผู้อาวุโสจง

 

“ก่อนที่ซูหยางจะออกไปจากรถม้าในวันนั้น เขาได้มอบคัมภีร์ยุทธระดับเซียนให้กับข้า วิชาที่ยอมให้ข้าสามารถฝึกร่างร้อยพิษมิกรายไปอีกระดับ..”

 

“อะไรนะ” ผู้อาวุโสจงตะโกนลั่น รู้สึกตระหนกถึงที่สุด

 

คัมภีร์ยุทธระดับเซียนเป็นอะไรที่กระทั่งสำนักกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ยังเข่นฆ่าแก่งแย่งกัน ยิ่งนี่เป็นถึงวิชาที่สามารถฝึกร่างสวรรค์ด้วย

 

“ข้าฝึกวิชาอย่างลับๆในปีหลังๆโดยการอาบร่างข้าด้วยพิษที่แตกต่างกันนับพันชนิด และข้าได้ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนร่างร้อยพิษมิกรายของข้าไปเป็นร่างพันพิษมิกรายที่เหนือกว่าไม่นานมานี้”

 

หลังจากชะงักไปเล็กน้อยเธอก็กล่าวต่อว่า “แต่อนิจจาแม้ว่าข้าได้รับร่างพันพิษมิกราย เพราะว่าข้าฝึกอย่างไม่ถูกต้อง ตอนนี้ข้าถูกพิษ… และถ้าไม่รักษา ข้าจักตายภายในห้าปี…”

 

“ป-เป็นไปไม่ได้…” ผู้อาวุโสจงล้มลงคุกเข่าเมื่อเขาได้ยินคำพูดสุดท้ายของซีซิงฟาง เจ้าซีจะมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อข่าวนี้

 

“เจ้าชั่ว เจ้ามีเจตนาให้วิชาระดับเซียนแก่เธอทั้งที่รู้อยู่ว่าจะเกิดอย่างนี้ขึ้นรึ” ผู้อาวุโสจงเริ่มกล่าวโทษซูหยางกับสถานการณ์นี้ สายตาของเขาเปล่งจิตสังหารออกมา

 

เมื่อซีซิงฟางสังเกตเห็นผู้อาวุโสจงจับกระบี่ เธอก็พลันกระโดดมาหน้าซูหยางและตะโกนว่า “ท่านจะทำอะไร ผู้อาวุโสจง ถ้าเขาต้องการทำร้ายข้าจริง เขาก็ควรจะเงียบไว้เกี่ยวกับพิษและปล่อยให้ข้าตายโดยไม่แม้จะได้รู้ความจริง”

 

ผู้อาวุโสจงพลันชะงักค้างด้วยท่าทางสับสน

 

ถ้าซูหยางต้องการทำร้ายซีซิงฟางจริงๆ ทำไมเขาจึงต้องยอมให้เธอรู้เกี่ยวกับพิษในร่างเธอ กระทั่งเปิดเผยถึงวิธีที่จะรักษามัน ซึ่งนั่นตรงกันข้ามกับเจตนาร้ายเช่นนั้นอย่างแท้จริง

 

หลังจากที่คิดหักล้างในใจอยู่ชั่วขณะ ผู้อาวุโสจงก็ปล่อยมือจากกระบี่และกล่าวว่า “เราไปหาพ่อของท่านตอนนี้เลย”