ตอนที่ 171 ด้านมืดของจิ้นหยวน 

 

 

 

 

 

แผ่นกั้นระหว่างที่นั่งคนขับกับห้องผู้โดยสารเก็บเสียงได้ดีมากจนทำให้คนขับรถไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เขาจึงได้แต่เกาหัวแกรกๆ ด้วยความไม่เข้าใจ 

 

 

สีหน้าของจิ้นหยวนเคร่งขรึมเย็นชา เขาไม่เอ่ยอะไรสักคำจนกระทั่งกลับเข้าไปในห้อง พ่อบ้านเฉินยิ้มดีใจเป็นพิเศษที่เห็นเฉียวซือมู่กลับมาแล้วจึงเข้าไปทักทายเธอ เฉียวซือมู่ที่หัวใจกำลังเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ ค่อยรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง 

 

 

เธอรู้สึกผิดเล็กน้อย ใครมันจะไปรู้ล่ะว่าจ้านซีเยวี่ยจะบ้าคลั่งขนาดนั้น ก็เธอคิดว่าจ้านซีเยวี่ยถูกจับไปแล้วนี่นา 

 

 

เธอมองดูจิ้นหยวนที่เดินดุ่มๆ เข้าไปในห้องน้ำแล้วแอบบ่นงุบงิบกับตัวเอง “คนขี้ใจน้อย…” 

 

 

จิ้นหยวนได้ยินเข้าพอดี เขายกยิ้มมุมปากเล็กน้อย 

 

 

แต่น้ำเสียงที่เอ่ยออกมากลับฟังเย็นชา “คุณบ่นอะไร?” 

 

 

เธอตกใจสะดุ้งโหยง ไม่คิดว่าทั้งๆ ที่มีประตูกั้นอยู่แท้ๆ แต่เขายังอุตส่าห์หูดีได้ยินเธอบ่นงึมงำอีก จึงรีบแก้ตัวเป็นพัลวัน “เปล่า ไม่มีอะไร ฉันกำลังดูมือถืออยู่น่ะ” 

 

 

เขาไม่ได้พูดอะไรอีก ส่วนเธอก็ไม่กล้าบ่นอีกเหมือนกันเพราะกลัวเขาจะได้ยินอีก 

 

 

เสียงน้ำฝักบัวที่ดังซ่าๆ อยู่ข้างในทำให้เฉียวซือมู่หวนนึกถึงรูปร่างไร้ที่ติของเขาที่เธอเห็นเคย และนั่นทำให้เธอจินตนาการไปไกล 

 

 

ทันใดนั้น เสียงของจิ้นหยวนดังขึ้น “ช่วยหยิบชุดนอนให้ผมหน่อย” 

 

 

“ชุดนอนเหรอคะ?” เธอหันมองไปทางตู้เสื้อผ้าแล้วเห็นชุดนอนสีขาวของเขาวางอยู่ตรงนั้น เธอหยิบมันขึ้นมาแล้วเดินไปหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องน้ำ เธอเคาะประตูเบาๆ “นี่ค่ะ ชุดนอนของคุณ” 

 

 

เรื่องมากจริง ทำไมไม่พันผ้าขนหนูออกมานะ? 

 

 

ขณะที่เธอกำลังคิดเรื่อยเปื่อยอยู่นั้นพลันประตูห้องน้ำเปิดออก จากนั้นแขนยาวๆ ข้างหนึ่งยื่นออกมานอกห้อง เธอรีบยื่นชุดนอนเข้าไปใกล้ “อยู่ตรงนี้” 

 

 

เขาตอบอืม ทันใดนั้นมือที่กำลังจะหยิบชุดนอนกลับคว้าจับแขนเธอแทน เธอไม่ทันระวังตัวจึงถูกดึงเข้าไปในห้องน้ำที่เต็มไปด้วยไอน้ำขมุกขมัว 

 

 

เธอเงยหน้าขึ้นท่ามกลางความอลหม่านพลันเห็นรูปร่างไร้ที่ติไร้ซึ่งสิ่งปกปิดของเขา เธอรีบเบือนหน้าหนีแล้วกรีดร้องด้วยความตกใจ “คุณทำอะไรน่ะ?” 

 

 

จิ้นหยวนยกมือหนาใหญ่ของเขาวางลงบนอกซ้ายของเธอช้าๆ “คุณรู้หรือเปล่าว่าชั่ววินาทีที่ผมรู้ว่าคุณกำลังตกอยู่ในอันตรายแล้วหัวใจของผมเจ็บปวดรวดร้าวมากขนาดไหน?” 

 

 

สีหน้าของเขาสับสนวุ่นวาย ความเย็นชาที่เป็นเกราะหุ้มกายของเขาพังทลายลง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน “คุณรู้ไหมว่าผมเป็นห่วงคุณมากขนาดไหน? ผมเห็นคุณสำคัญกว่าชีวิตของผมเสียอีก กลัวเหลือเกินว่าจะทำให้คุณไม่พอใจ พยายามทำทุกอย่างให้คุณมีความสุข แล้วเป็นไง คุณแอบหนีผมออกไปข้างนอก แล้วยังถูกผู้ชายคนอื่นข่มเหงรังแกอีก…” 

 

 

เฉียวซือมู่รีบอธิบายลนลาน “เขาแค่แตะต้องตัวฉันนิดเดียว ไม่ได้… ไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นเลย…” 

 

 

เธอนึกว่าเขารู้เรื่องทั้งหมดกระจ่างแจ้งแล้วเสียอีก แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่อย่างที่เธอคิดเสียแล้ว 

 

 

จิ้นหยวนฟังคำอธิบายของเธอแล้วสีหน้าผ่อนคลายลงเล็กน้อย แววตาที่เคยบ้าคลั่งอ่อนแสงลง “ถ้าเขาทำอะไรคุณจริง ผมคงฆ่าเขาไปนานแล้ว ไม่รอให้คุณมาขอความเมตตาให้เขาแบบนี้หรอก” 

 

 

เวลานี้รอยยิ้มของเขาเย็นยะเยือก สีหน้าดุร้าย มันทำให้เธอหวนนึกถึงภาพครั้งแรกที่เธอเจอกับเขา ตอนนั้นความยโสโอหัง ความดูถูกเยาะเย้ยของเขาทำให้ใครเห็นเป็นต้องรู้สึกหวาดกลัว แต่ตอนหลังเป็นเพราะความรู้สึกของทั้งสองลึกซึ้งมากขึ้นเรื่อยๆ เธอจึงไม่ค่อยได้เห็นสีหน้าแบบนั้นของเขาอีก 

 

 

และคืนนี้เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นสีหน้าแบบนั้นอีกครั้ง มันทำให้หัวใจเธอสั่นสะท้าน เธอเพิ่งเข้าใจเดี๋ยวนี้เองว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอในคืนนี้มันทำร้ายหัวใจเขามากขนาดไหน 

 

 

หัวใจเธออ่อนยวบและไม่รู้สึกว่าเขาน่ากลัวอีกต่อไป เธอเอ่ยอย่างอ่อนโยน “ฉันผิดเอง ฉันไม่ควรหนีออกไปข้างนอก ขอโทษนะคะ” 

 

 

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเธอยอมอ่อนข้อให้เขา เขาชะงักอึ้งไปเล็กน้อย เปลวเพลิงในดวงตาอับแสงลง สีหน้าเริ่มกลับมาเป็นปกติมากขึ้น เขาค่อยๆ จับมือเธอที่ยันอกเขาเอาไว้พลางเอ่ย “ครั้งหน้า…” เขาเน้นเสียงหนักขึ้น “ครั้งหน้าถ้าคุณยังทำอย่างนี้อีก ผมจะจับตัวคุณกลับมาแล้วตีให้ขาหัก จากนั้นเอาโซ่ล่ามคุณไว้ในห้อง คุณจะได้หนีไปไหนไม่ได้อีก” 

 

 

เขาเอ่ยเสียงเบาอย่างช้าๆ ความโหดร้ายในคำพูดของเขาทำให้เธอรู้สึกเสียวสันหลังวาบจนต้องชายตามองหน้าเขาด้วยความหวาดหวั่น 

 

 

เขายิ้มพลางใช้นิ้วมือไล้ใบหน้าอ่อนนุ่มของเธอ “ผมล้อคุณเล่นน่ะ ผมจะทำกับคุณลงคอได้ยังไง” 

 

 

รอยยิ้มของเขาทำให้เธอรู้สึกว่าความหนาวเหน็บในฤดูหนาวเปลี่ยนเป็นความอบอุ่นในฤดูใบไม้ผลิทันที เธอรู้สึกโล่งราวกับยกภูเขาออกจากอก เธอสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ แล้วเอ่ย “คุณทำฉันตกใจจนหัวใจเกือบหยุดเต้นแน่ะ”