ตอนที่ 451 ข้าจะสอนเจ้าว่าจะจัดการกับธนาคารนี้เยี่ยงไร
หลี่จินโต้วสาบานเลยว่า เขาทำงานอยู่ที่ธนาคารมาสี่สิบกว่าปี นี่เป็นคราแรกที่ได้ยินคำว่าหุ้น
เขาจ้องฟู่เสี่ยวกวนอย่างตกตะลึง หลี่ฉายเองก็มองบิดาของเขาอย่างตกตะลึงเช่นกัน
ฟู่เสี่ยวกวนกลับกล่าวว่า “พวกเจ้ารอก่อนเถิด”
เขาเดินออกไปแล้ว หลี่ฉายจึงได้เอ่ยถามขึ้นมาว่า “ท่านพ่อหุ้นคือสิ่งใดกัน ? ”
“พ่อเองก็มิทราบ ! ”
หลี่จินโต้วเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะกล่าวออกมาเสียงแผ่วว่า “เดิมทีพ่อกังวลใจว่าได้ทำอันใดให้คุณชายฟู่ขุ่นเคืองใจหรือไม่ แต่จากที่เห็นในวันนี้กลับมิใช่ นี่ถือเป็นเรื่องโชคดี ตอนนี้อนาคตและชีวิตของตระกูลหลี่ผูกมัดอยู่กับคุณชายฟู่ ยามอยู่ในราชสำนักเจ้าจงระมัดระวังไว้ให้ดี คุณชายฟู่คือผู้ที่ทำการใหญ่ เจ้าอย่าได้ทำงานที่ได้รับมาล้มเหลวเป็นอันขาด ! ”
สองพ่อลูกนั่งรออยู่ในศาลาชิงซินอยู่ครู่หนึ่ง ฟู่เสี่ยวกวนก็ได้หยิบกระดาษและดินสอถ่านเดินเข้ามา และมีภรรยาทั้งสามเดินตามอยู่ด้านหลัง
หลี่จินโต้วและบุตรรีบลุกขึ้นยืนโค้งคำนับทันที ฟู่เสี่ยวกวนกลับหัวเราะน้อย ๆ “ในจวนข้ามิได้มีข้อบังคับมากมาย ภายภาคหน้าพวกเจ้าจะได้นั่งเล่นในจวนอยู่บ่อย ๆ ดังนั้นจงแก้ไขความเคยชินเสียหน่อยเถิด”
หลี่จินโต้วย่อมตกปากรับคำไปโดยปริยาย แต่ก็เพียงแค่คำกล่าวเท่านั้น ตัวตนของฮูหยินทั้งสามสูงศักดิ์ถึงเพียงนั้น เขาย่อมมิกล้าที่จะมองข้ามไปแม้แต่ครึ่งก้าว
มีเพียงหลี่ฉายที่เหลือบมองฟู่เสี่ยวกวนอยู่หลายครา และมีความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับฟู่เสี่ยวกวนเพิ่มขึ้นมา
บ่าวรับใช้นายหนึ่งเดินเข้ามาและได้ส่งกระดานขาว 1 แผ่นมาให้ ฟู่เสี่ยวกวนส่งสมุดในมือให้แก่หลี่จินโต้ว “นี่คือคู่มืออธิบายเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่าหุ้นโดยละเอียด พวกเจ้าลองอ่านก่อนเถิด ประเดี๋ยวข้าจะอธิบายโดยละเอียดให้อีกครา
ของสิ่งนี้สำคัญเป็นอย่างมาก มิใช่เพียงท่านหลี่ที่ต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจน ยังมีเจ้าด้วย หลี่ฉาย เจ้าต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งนี้ เพราะในอนาคต มีความเป็นไปได้ที่ของสิ่งนี้จะถูกผลักดันไปในทุกแคว้น เมื่อถึงเวลานั้นคงจะต้องให้เจ้ารับผิดชอบด้วยการไปชี้แจงแถลงไขให้กระจ่าง”
“ข้าน้อยจะจำไว้ขอรับ ! ”
ดังนั้นสองพ่อลูกจึงสุมหัวกันทันที และอ่านกันอย่างถี่ถ้วน หลังจากผ่านไปได้ครึ่งชั่วยาม ยังมิทันที่พวกเขาจะได้อ่านจบ แต่แล้วคนเฝ้าประตูก็ได้เข้ามารายงานว่า องค์หญิงใหญ่เสด็จมา !
ฟู่เสี่ยวกวนตกตะลึงขึ้นมาทันพลัน ระหว่างเขาและองค์หญิงใหญ่ได้พบหน้ากันเพียงมิกี่คราเท่านั้น และมิเคยได้สนทนากันเป็นกิจจะลักษณะ พระนางมาที่นี่เพื่ออันใดกัน ?
แน่นอนว่ามิอาจทำเฉยเมยได้ ดังนั้นฟู่เสี่ยวกวนจึงพาภรรยาทั้งสามเดินออกมา แต่ก็มิได้บอกให้หลี่จินโต้วและบุตรชายหลบไป
องค์หญิงใหญ่หยูซูหรงลงมาจากรถม้า ยืนอยู่หน้าประตูจวนฟู่และเงยหน้าขึ้นไปมองแผ่นป้ายขนาดใหญ่ มุมปากยกน้อย ๆ รอยยิ้มจึงได้ปรากฏขึ้นมาบนใบหน้า
จำได้ว่าเมื่อปีที่แล้วต่งชูหลานมารบเร้าตนเองเพื่อซื้อจวนชินอ๋องหลังนี้ หลังจากนั้นฟู่เสี่ยวกวนก็ได้ขอแผ่นป้ายจากฝ่าบาท และในตอนนี้จวนชินอ๋องก็ได้ดูมีคุณค่าขึ้นมาแล้ว จนเกรงว่าจะได้ขึ้นเป็นจวนแห่งแคว้น
มิต้องกล่าวถึงตัวตนของเขา เพียงอาศัยความสามารถของเขาเพียงอย่างเดียว ก็สามารถสร้างผลงานที่โดดเด่นให้แก่ราชวงศ์หยูได้แล้ว มิแปลกใจที่ฝ่าบาทและฮองเฮาจะชื่นชอบเขา จนถึงขั้นที่ฮองเฮายอมมอบหลงจู๊ใหญ่คนสำคัญของธนาคารเป่าหลงให้แก่เขา
ในวันนี้ที่ว่างและมิมีอันใดทำ ประการแรกเพราะยังมิเคยสนทนากับฟู่เสี่ยวกวน ประการที่สองนางมาเพราะอยากดูว่าธนาคารซื่อทงของฟู่เสี่ยวกวนนั้นสร้างขึ้นมาเพื่ออันใด แน่นอนว่ายังมีเรื่องที่สามคือได้รับคำไหว้วานจากองค์ชายห้าหยูเวิ่นเต้า… หยูเวิ่นเต้ากล่าวว่ามีเรื่องรีบร้อนจำต้องไปจากเมืองหลวง ในมือรวบรวมเงินได้ 1,000,000 ตำลึง กล่าวไว้ดิบดีว่าต้องลงทุนกับฟู่เสี่ยวกวน ดังนั้นนางเองก็จำเป็นต้องมาดูการลงทุนนี้ของหยูเวิ่นเต้า ว่าท้ายที่สุดแล้วจะคุ้มค่าหรือไม่
นางเดินเข้าไปจวนฟู่ มองไปทั่วทิศภายในเรือนใหญ่แห่งนี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นนางเองที่ขายสถานที่แห่งนี้ออกไป แต่นางกลับมิเคยมาที่นี่เลยสักครา เมื่อได้สำรวจในตอนนี้ ถึงได้รู้สึกว่าขาดทุนเสียแล้วที่ขายไปเพียง 400,000 ตำลึง… ต่งชูหลานช่างหัวดีเสียจริง
ในยามที่นางกำลังมองไปรอบ ๆ ฟู่เสี่ยวกวนก็ได้พาภรรยาทั้งสามมาถึงด้านหน้าจวน
“หลานเขยฟู่เสี่ยวกวน คารวะท่านป้า ! ”
ฟู่เสี่ยวกวนโค้งคำนับด้วยท่าทางมีความสุข องค์หญิงใหญ่จึงแสยะยิ้มขึ้นมา “เจ้าทราบเยี่ยงนั้นหรือว่าเจ้าคือหลานเขยของข้า ข้ายังคิดไปว่าเจ้าได้แต่งงานไปแล้ว เยี่ยงไรเสียก็น่าจะมาที่จวนองค์หญิงเพื่อทักทายกับข้าบ้าง แต่ข้าก็รอแล้วรอเล่า จนรอมิไหวแล้ว ดังนั้นเจ้ารู้ถึงโทษหรือไม่ ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนผงะ และรีบกล่าวว่า “ท่านป้าโปรดประทานอภัย เรื่องนี้หาใช่ความผิดของกระหม่อมไม่ มาเถิด เชิญท่านป้าเข้าไปด้านใน กระหม่อมจะชงชาชั้นดีขออภัยท่านป้า”
องค์หญิงใหญ่สาวเท้าเดินเข้าไปด้านใน และกล่าวว่า “หากเจ้าต้องการขออภัยด้วยใจจริง มิสู้นำของสิ่งนั้นที่เจ้าติดตั้งให้กับดาบเทวะ… มาขายให้กับข้ามากขึ้นอีกสักเล็กน้อย ฝ่าบาทกล่าวว่าอาวุธปืนนั้นมีอานุภาพร้ายกาจมากยิ่งนัก หากติดตั้งของสิ่งนี้ที่กองทัพชายแดนของราชวงศ์หยู คิดว่าคงลดจำนวนผู้เสียชีวิตไปได้จำนวนมาก เจ้ามีความคิดเห็นว่าเยี่ยงไรบ้าง ? ”
เกี่ยวกับเรื่องนี้ หยูเวิ่นหวินก็เคยเอ่ยขึ้นมาตอนที่อยู่บนเตียงเช่นกัน ฟู่เสี่ยวกวนย่อมรับปากแต่โดยดี เพราะปืนคาบศิลาในปัจจุบันนี้ก็ได้เริ่มการค้นคว้ารุ่นที่สองแล้ว พวกเขาต่างก็คุ้นชินกับกลวิธีของรุ่นที่หนึ่งแล้ว ของสิ่งนี้ต้องแปรเปลี่ยนเป็นเงินจึงจะมีประโยชน์
ดังนั้นเขาจึงหัวเราะร่า “ข้าก็คือพ่อค้าผู้หนึ่ง ตราบใดเท่าที่ตกลงราคากันได้ ก็ย่อมเป็นไปได้อย่างแน่นอน”
เขาพาองค์หญิงใหญ่เดินไปทางหลีเฉินซวน เสียวฉีได้นำชุดน้ำชามาให้ ฟู่เสี่ยวกวนต้มชาอยู่หนึ่งกา องค์หญิงใหญ่จึงได้เอ่ยขึ้นมาอย่างช้า ๆ ว่า “เจ้าลองกล่าวมาสิว่าของสิ่งนั้นขายกี่ตำลึงกัน ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนใจฝ่อไปเล็กน้อย แต่ใบหน้าได้เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา “เมื่ออยู่ต่อหน้าท่านป้า ข้าจะกล้ากล่าวราคาสุ่มสี่สุ่มห้าได้เยี่ยงไรกัน ต้นทุนของปืนไฟอยู่ที่ 500 ตำลึง ข้ามิกล้าหาเงินจากท่านป้าหรอก ถือว่าเป็นเงินทุนก็แล้วกัน ท่านป้าต้องการเท่าใดหรือพ่ะย่ะค่ะ”
พวกหยูเวิ่นหวินต่างก็ตื่นตกใจ คนผู้นี้ ช่างกล้าที่จะกล่าวเสียจริง !
การควบคุมราคาต้นทุนของปืนคาบศิลาในปัจจุบันนี้อยู่ที่ประมาณ 30 ตำลึง ลูกกระสุนอยู่ที่ 1 ตำลึงต่อ 10 ลูก นี่เขากำลังจะฆ่าหมูเยี่ยงนั้นหรือ !
องค์หญิงใหญ่มองฟู่เสี่ยวกวนอย่างตกตะลึง และกล่าวเสียงเรียบว่า “ฝ่าบาทมีแผนจะติดตั้งให้กองทัพชายแดนเหนือเป็นที่แรก เยี่ยงไรเสียทางชายแดนตะวันออกแคว้นอี๋ก็ได้พิการไปแล้ว ชายแดนใต้ก็ไร้สงคราม ชายแดนตะวันตกก็ยังเงียบสงบ ดังนั้นเจ้าจงส่งไปทางเมืองซินเฉิง 100,000 ชิ้นเสียก่อน เพื่อส่งมอบให้กับเผิงเฉิงอู่”
ฟู่เสี่ยวกวนรินน้ำชา และจ้องมององค์หญิงใหญ่ นี่คิดอยากจะตบหมาป่าสีขาวด้วยมือเปล่าใช่หรือไม่ ?
เขาหัวเราะขึ้นมา “ท่านป้าเชิญดื่มชาก่อน ข้าขอกล่าวกับท่านป้าอย่างมิปิดบัง ของสิ่งนี้หนึ่งวันสามารถผลิตได้เพียง 100 ชิ้นเท่านั้น 100,000 ชิ้นต้องใช้เวลานานถึง 3 ปี ข้าว่าลืมเรื่องนี้ไปเสียจะดีกว่า”
องค์หญิงใหญ่มิได้ต่อความยาวสาวความยืด นางยกชาขึ้นมาดื่มหนึ่งอึก ลอบคิดว่าเรื่องนี้ฝ่าบาทและฮองเฮาซั่งย่อมมาหาเจ้าในภายหลังเป็นแน่
ดังนั้นนางจึงเอ่ยถามว่า “ในตอนนี้เจ้าต้องผลักดันอุตสาหกรรมซีซานไปยังสามมณฑลที่นำร่องใช่หรือไม่ ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนพยักหน้า “มีแผนนี้อยู่ เพียงแค่คิดประมาณการไว้เท่านั้น ติดปัญหาที่เงินทุน ดังนั้นยังคงคิดหาหนทางอยู่พ่ะย่ะค่ะ ! ”
“ขาดเงินอีกเท่าใด ? ”
“หากมีทั้งสามมณฑลนี้ก็สามารถจัดการได้ง่ายขึ้น แต่หลังจากนี้ไปอีกหนึ่งปี ฝ่าบาทกลับต้องการเพิ่มอีกสิบกว่ามณฑล ดังนั้นปัญหาหลัก ๆ จึงอยู่ที่ตรงนี้ ชูหลานได้คำนวณออกมาคร่าว ๆ แล้ว ยังขาดอยู่อีกราว 6,000,000 ตำลึงพ่ะย่ะค่ะ”
องค์หญิงใหญ่ตกตะลึงขึ้นมาทันพลัน เมื่อคิดเช่นนี้ มิใช่ว่าเขาต้องลงทุนนับหลายสิบล้านหรอกหรือ ?
“เจ้ามิกลัวว่าเศรษฐีที่ดินที่อยู่เบื้องหลังจะขาดทุนเลยเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
ฟู่เสี่ยวกวนหัวเราะน้อย ๆ “ท่านป้าพ่ะย่ะค่ะ ท่านย่อมมีเงินใช้ส่วนพระองค์อยู่แล้ว หากลงทุนกับข้าในตอนนี้ ข้ารับประกันว่าจะทำให้ท่านได้รับเงินมามากมายอย่างแน่นอน”
“ดังนั้นประโยชน์ของธนาคารซื่อทงก็เพื่อใช้สบทบเงินเยี่ยงนั้นหรือ ? ” องค์หญิงใหญ่มองเขาอย่างมีเลศนัย
ทันใดนั้นฟู่เสี่ยวกวนก็เปลี่ยนมุมมองที่มีต่อองค์หญิงใหญ่ทันพลัน “ท่านป้าอยากจะเข้าใจสักหน่อยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ ? ”
“แน่นอน”
ฟู่เสี่ยวกวนลุกขึ้นยืน “ท่านป้าโปรดตามข้ามา ! ”