ตอนที่ 450 หลงจู๊ใหญ่

นายน้อยเจ้าสำราญ

ตอนที่ 450 หลงจู๊ใหญ่

หลี่ฉายเพิ่งจะเคยเห็นฟู่เสี่ยวกวนโมโหถึงเพียงนี้ ในใจเขารู้สึกเป็นกังวลยิ่ง เขาติดตามฟู่เสี่ยวกวนเดินทางออกมาจากพระราชวัง แล้วขึ้นรถม้าตรงไปยังจวนฟู่

ฟู่เสี่ยวกวนจึงได้ยิ้มออกมาแล้วตบไปที่บ่าของหลี่ฉายพร้อมกับกล่าวว่า “ไปเถอะ ไปดื่มที่จวนข้ากัน”

หลี่ฉายเงยหน้าขึ้นมองท้องนภา “ท่านฟู่ บัดนี้ยังมิถึงเวลาเลิกงาน”

“จำไว้ว่ากรมการค้านี้มิต้องรอให้ถึงเวลาเลิกงานเหมือนกรมอื่น เพียงแต่ทำงานที่ได้รับมอบหมายให้เรียบร้อยก็เพียงพอแล้ว ต่อให้เจ้าอยู่ที่หงซิ่วจาวทั้งวัน ข้าก็มิว่าอันใด”

หลี่ฉายตกตะลึงขึ้นมาทันพลัน นี่มันช่างเป็นเรื่องแปลกใหม่ยิ่ง เขาได้แต่ยิ้มแล้วตอบว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ดียิ่งนัก ! ”

เรื่องของเวลาเข้าออกงานนั้น บรรดาขุนนางทั้งหลายก็รู้สึกมิพอใจเท่าใดนัก แต่เนื่องจากกฎกติกาที่ปฏิบัติตามกันมานับพันปี จึงมิมีผู้ใดกล้าที่จะเปลี่ยนแปลง

แต่ในตอนนี้เห็นได้ชัดแล้วว่าเขากำลังจะเปลี่ยนแปลงมัน สำหรับหลี่ฉายแล้ว เขารู้ว่ากรมการค้าเป็นกรมที่ก่อตั้งขึ้นมาใหม่ มีเรื่องมากมายให้ต้องจัดการ แต่จากความสามารถของเขาแล้ว เขาเพียงลงแรงมิเท่าไรก็สามารถจัดการได้ง่าย ๆ แล้ว

ต่อไปนี้จะได้มีเวลาอยู่กับลูกเมียที่จวนเสียที !

หลี่ฉายคิดเช่นนั้น แล้วเดินตามฟู่เสี่ยวกวนเข้าไปด้านในจวน แต่เขาคิดมิถึงว่าชีวิตต่อจากนี้ แม้แต่ต้องการจะพบหน้าลูกเมียก็เป็นไปได้ยากมากยิ่งนัก

แต่นั่นคือเรื่องที่ยังมิเกิด เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปด้านในจวน หยูเวิ่นหวินก็ได้เดินออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้ม

หลี่ฉายรีบคารวะหยูเวิ่นหวินทันที แต่นางมิได้นำมาใส่ใจ “มาเป็นแขกที่บ้านข้าก็อย่าได้เกรงใจไปเลย…ท่านพี่ อาจารย์หลี่รออยู่ที่ศาลาชิงซิน”

“สำเร็จแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“แน่นอน ข้าเดินหมากด้วยตนเอง จะมิสำเร็จได้เยี่ยงไร ! ”

หยูเวิ่นหวินเอ่ยด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ ฟู่เสี่ยวกวนรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เขาโอบนางเข้ามาจูบเสียจนทำให้หลี่ฉายตกตะลึงแล้วเบือนหน้าหนีทันที

หยูเวิ่นหวินเขินอายเสียจนหน้าแดง นางทุบฟู่เสี่ยวกวนเบา ๆ จากนั้นก็หันหลังเดินจากไป

ฟู่เสี่ยวกวนจึงได้หัวเราะออกมาเสียงดัง กล่าวกับหลี่ฉายว่า “ไปกันเถอะ ไปพบท่านพ่อของเจ้ากัน ! ”

หลี่ฉายตกตะลึงมากขึ้นไปอีก…นับตั้งแต่ที่ติดตามฟู่เสี่ยวกวนมา เขาก็รู้สึกว่าหัวใจของเขาแทบจะทนมิไหวอยู่แล้ว !

“พ่อของข้า ? เหตุใดพ่อของข้าจึงได้มาอยู่ในจวนท่านกัน ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนเอ่ยออกมาเบา ๆ ว่า “ข้าขุดพ่อของเจ้ามาที่นี่เอง ! ”

หลี่ฉายอดมิได้ที่จะตกตะลึงอีกครา เขาสูดหายใจเข้า “อ่า นี่…”

พ่อของเขาเป็นหลงจู๊ใหญ่ของธนาคารเป่าหลง และมิใช่เพียงต้องดูเเลธนาคารเท่านั้น หากแต่เกี่ยวข้องกับเงินทองของราชวงศ์หยูทั้งสิ้น !

ฮองเฮาซั่งจะปล่อยพ่อของเขาไปได้เยี่ยงไรกัน !

นอกเหนือจากพ่อของเขาแล้ว ยังจะมีผู้ใดเหมาะที่จะครอบครองตำแหน่งนี้อีกกัน ?

ฟู่เสี่ยวกวนมิได้สนใจหลี่ฉายที่ทำท่าทางตกตะลึงถึงเพียงนั้น เขาพาหลี่ฉายเดินเข้าไปในศาลาชิงซิน ซึ่งหลี่จินโต้วกำลังนั่งรออยู่ด้วยสีหน้าเป็นกังวล

เขากำลังนั่งคิดว่า เมื่อวานนี้เขามิได้ทำให้ฟู่เสี่ยวกวนขุ่นเคืองใจนี่ !

เหตุใดเช้านี้ฮองเฮาซั่งจึงได้ให้เขาวางหน้าที่ทุกอย่างในมือทิ้งไปแล้วเดินทางไปยังจวนฟู่กัน…ผู้ที่เดินทางมานั้นคือขันทีเก่าแก่ผู้หนึ่ง เขาเป็นคนของฮองเฮาซั่ง ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องนี้ย่อมมิเป็นเท็จ

มิมีเหตุผล มิมีคำอธิบายใด อยู่ ๆ เขาก็ทำให้หลงจู๊ใหญ่ของธนาคารเป่าหลงต้องหยุดมือลง หรือเมื่อคืนนี้เขาจะทำให้ฟู่เสี่ยวกวนมิพอใจกัน ?

ของขวัญที่บุตรชายทั้งสี่ของเขามอบให้ก็มิได้ธรรมดานี่ หากคิดเป็นเงินแล้ว ก็คงจะราว 60,000 ตำลึงเห็นจะได้ หรือฟู่เสี่ยวกวนคิดว่ามันน้อยจนเกินไป ?

เนื่องจากมิรู้ถึงเหตุผล จึงทำให้หลี่จินโต้วกระสับกระส่าย เขารู้ดีว่าหากทำให้ฟู่เสี่ยวกวนขุ่นเคืองใจ จวนหลี่ของเขาอาจจะกลายเป็นผุยผงได้

ยิ่งคิดก็ยิ่งกลัว ที่หน้าผากของเขาปรากฏเม็ดเหงื่อซึมออกมานับไม่ถ้วน

ในขณะนั้นเอง ฟู่เสี่ยวกวนและหลี่ฉายก็ได้เดินตรงเข้ามา

เมื่อหลี่จินโต้วเงยหน้าขึ้นมองก็ได้รีบลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปหา จากนั้นก็คุกเข่าลงไปต่อหน้าฟู่เสี่ยวกวน “ท่านผู้มีเมตตา หากว่าข้าน้อยทำสิ่งใดให้คุณชายต้องขัดเคืองใจไป…”

ฟู่เสี่ยวกวนชะงักลงทันที สีหน้าของเขามึนงงแล้วรีบประคองหลี่จินโต้วให้ลุกขึ้นยืน ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงประหลาดใจว่า “หาใช่ไม่ ท่านหลี่ ท่านพบเจอเรื่องใดทำให้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจกัน ? ”

หลี่จินโต้วทำตัวมิถูก ข้าพบเจอเรื่องใดมา เจ้ามิรู้เยี่ยงนั้นหรือ ?

เป็นจริงดังนั้น ฟู่เสี่ยวกวนหัวเราะขึ้นมา “เป็นเรื่องของธนาคารเป่าหลงใช่หรือไม่ ? เรื่องนี้ข้าให้องค์หญิงเก้าไปจัดการเอง”

หลี่จินโต้วสีหน้าเปลี่ยนไปในทันที เป็นวิธีจัดการในแบบของฟู่เสี่ยวกวนจริง ๆ เขากลืนน้ำลายลงคอแล้วร้องขอว่า “ขอให้คุณชายโปรดเมตตา ปล่อยข้าน้อยและครอบครัวไปเถิด ! ”

หลี่ฉายเองก็ตกตะลึงไปยกใหญ่ เมื่อสักครู่เขาบอกว่าไปขุดพ่อของตนมา หรือว่าเขาจะฝังพ่อของตนกัน ? ”

เขาจะทำเยี่ยงไรดี ?

เขาจึงรีบคารวะแล้วอ้อนวอนร้องขอ “ท่านฟู่ ท่านพ่ออายุมากแล้ว…”

“เดี๋ยว ๆ ๆ ๆ ! ช้าก่อนพวกเจ้า มา ๆ ๆ นั่งลงก่อน ! ”

หลี่จินโต้วและหลี่ฉายมองหน้ากัน แล้วนั่งลงตรงข้ามฟู่เสี่ยวกวนด้วยความระมัดระวัง

“เรื่องนี้ชักจะไปกันใหญ่แล้ว…” ฟู่เสี่ยวกวนนำมือลูบศีรษะของตนแล้วกล่าวกับหลี่จินโต้วด้วยความจริงใจว่า “เรื่องเป็นเช่นนี้ ข้านั้นกำลังเตรียมก่อตั้งธนาคารซื่อทง แต่ตัวข้านั้นยุ่งเป็นอย่างมากจึงจำเป็นต้องหาคนมาช่วยจัดการ ในเมืองจินหลิงจะมีผู้ใดเก่งกาจเรื่องนี้มากกว่าท่านหลี่อีกกัน

ดังนั้นข้าจึงได้วานให้องค์หญิงเก้าไปเข้าเฝ้าทูลขอฮองเฮาซั่งให้นำตัวท่านมา ต่อจากนี้ท่านจะมิใช่หลงจู๊ใหญ่ของธนาคารเป่าหลง แต่จะเป็นหลงจู๊ใหญ่ของธนาคารซื่อทง !

ที่เป่าหลงให้ค่าตอบแทนท่านเยี่ยงไร ซื่อทงจะให้ท่านเป็นสองเท่าตัว แต่เรื่องการรับหน้าที่หลงจู๊ใหญ่ของซื่อทงนั้นท่านจะปฏิเสธมิได้ จะต้องรับคำเท่านั้น !

ข้าจะมิเอ่ยถามถึงความสมัครใจของท่าน แต่ข้าหวังว่าท่านจะช่วยบริหารจัดการธนาคารซื่อทงจากใจจริง เนื่องจากในอนาคตนั้นมันจะยิ่งใหญ่และรุ่งเรืองกว่าธนาคารเป่าหลงมากยิ่งขึ้นไปอีก ! ”

คำเอ่ยของฟู่เสี่ยวกวนทำให้สองพ่อลูกตระกูลหลี่เข้าใจได้อย่างถ่องแท้ พวกเขามิได้ทำให้ฟู่เสี่ยวกวนขุ่นเคืองใจ แต่กลับถูกฟู่เสี่ยวกวนมองเห็นถึงความสามารถต่างหากเล่า !

เพียงแต่ว่า พวกเขามิเคยได้ยินชื่อธนาคารซื่อทงมาก่อน !

ความกังวลใจของหลี่จินโต้ว ในที่สุดก็ได้ผ่อนคลายลงสักที ถึงเยี่ยงไรแล้วเขาก็ยังได้เป็นหลงจู๊ใหญ่อยู่ดี อีกทั้งยังได้ช่วยเหลือฟู่เสี่ยวกวนอีกด้วย เขานั้นยินดียิ่ง จึงได้ตอบตกลงไปว่า “ขออภัยคุณชาย ธนาคารซื่อทงนี้ตั้งอยู่ที่ใด ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนต้มชา จากนั้นก็หันมายิ้มว่า “อาคารทั้งสองตรงตรอกชิงหลวนพวกเจ้าคงรู้ดี ที่นั่นเป็นของข้า บัดนี้ได้ก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ข้าจึงตั้งใจใช้อาคารหนึ่งตั้งเป็นธนาคารซื่อทง มิทราบว่าท่านหลี่คิดเห็นว่าเยี่ยงไร ? ”

หลี่จินโต้วสะดุ้งขึ้นมาทันใด นั่นหมายความว่ายังมิได้เริ่มทำสิ่งใดเลยมิใช่หรือ !

“ทำเลตรงนั้นดียิ่ง เพียงแต่ข้าน้อยขออนุญาตสอบถาม คุณชายตั้งใจจะใช้เงินทุนเท่าใดในการก่อตั้งธนาคารนี้ ? ”

ฟู่เสี่ยวกวนก้มหน้ารินน้ำชาแล้วกล่าวออกมาอย่างเป็นกันเองว่า “บัดนี้ยังมิรู้ว่าจะมีเงินเท่าใด…”

นี่ทำให้หลี่จินโต้วต้องชะงักอีกครา เกรงว่าคุณชายผู้นี้จะมิรู้ว่าธนาคารคืออะไร !

แต่ฟู่เสี่ยวกวนก็ได้กล่าวขึ้นมาว่า “เเต่คิดว่าคงมิน้อย น่าจะได้รู้ในค่ำคืนนี้ ข้าคาดว่าน่าจะมีมากถึง 5,000,000 ตำลึง”

สำหรับธนาคารแล้ว เงินห้าล้านตำลึงมิใช่เงินจำนวนมากนัก แต่อย่างน้อยมีต้นทุนสัก 5,000,000 ตำลึงก็ยังพอจะดำเนินการอันใดได้บ้าง

“หากคุณชายต้องการพิมพ์ตั๋วแลกเงิน เงินเท่านี้ยังมิพอ”

ฟู่เสี่ยวกวนยื่นแก้วชาส่งไปให้แล้วกล่าวว่า “ข้าเข้าใจดี ดังนั้นการที่เชิญท่านมาเพราะมีบางสิ่งบางอย่างอยากจะบอกกล่าวกับท่าน”

“เรื่องอันใดเยี่ยงนั้นหรือ ? ”

“ธนาคารซื่อทงนี้มิต้องการตั๋วแลกเงิน แต่ต้องการหุ้น ! ”