ตอนที่ 312
เรื่องง่าย
“อย่า อย่าเอาไปเลย”ระหว่างทางไปยังเมืองหลวงของอาณาจักรโฮ เพิร์ลได้ขอร้องให้ไป๋จูเหวินแวะเวียนตามหมู่บ้านและเมืองเล็กๆเพื่อดูว่าสิ่งที่ไป๋จูเหวินเล่ามานั้นเป็นอย่างไร และผลที่ได้ก็คือสภาพเมืองเล็กๆรอบนอกเมืองหลวงนั้นย่ำแย่กว่าที่เพิร์ลคิดเอาไว้มาก
ตอนนี้เมืองหลวงพังทลาย ราชวงศ์ตายหมด เพีนงค่าซ่อมแซมฟื้นฟูเมืองหลวงที่ฟุ่มเฟือยอย่างมากก็ใช้เงินมหาศาลแล้ว ตัวแทนจักรพรรดิอย่างอดีตหัวหน้าองครักษ์ยังประกาศค่าหัวไป๋จูเหวินเสียสูงลิบ คิดว่าเจ้าพวกนั้นหาเงินมาจากไหนกัน นั่นก็มาจากประชาชนยังไงล่ะ
“หนอย…”เพิร์ลกำมือแน่นเมื่อเห็นทหารในเครื่องแบบกำลังดึงกระสอบข้าวจากชาวนาที่อยู่รอบๆหมู่บ้าน
เปรี้ยง!! เพิร์ลที่เห็นเหตุการณ์เข้าทนไม่ไหวกระโดดออกไปเตะอัดร่างของทหารคนนั้นทันที ไม่นานพวกทหารก็เข้ามาล้อมเพิร์ลเอาไว้ แต่น่าเสียดายที่ทหารพวกนั้นไม่ได้มีฝีมือเลย แค่เพิร์ลคนเดียวก็จัดการทหารได้ทั้งหมดไล่พวกมันกลับไปยังที่ๆมันจากมา
“ท่านลุง ท่านเป็นอย่างไรบ้าง”เพิร์ลถามพลางเดินเข้ามาหาชายที่กำลังถูกแย่งผลผลิตของตนไปต่อหน้าต่อตา
“ขอบใ….”ชายคนนั้นพูดพลางมองมาทางเพิร์ล แต่เมื่อเห็นเพิร์ลชัดตาในหน้าของมันก็กลับไปซีดเซียวอีกครั้ง
“ทะ ทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี่”ชายคนนั้นพูดก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงกับพื้น
“เพราะเจ้า…เพราะเจ้ามันถึงได้เป็นแบบนี้”ชายคนนั้นพูดพลางก้มหน้าลงร้องให้ มันควรขอบคุณเพิร์ลที่ช่วย แต่มันกลับขอบคุณไม่ลง
“ไปกันเถอะ”ไป๋จูเหวินว่าพลางเอาเสื้อคลุมมาให้เพิร์ล ไม่ต้องถามไป๋จูเหวินก็เข้าใจว่าทำไมชายตรงหน้าถึงมีอาการเช่นนี้ พวกทหารคงออกมายึดทรัพย์สินของประชาชน แล้วอ้างว่าเงินของอาณาจักรใช้ออกค่าหัวไป๋จูเหวินไปแล้วแน่ๆ
“ข้าจะช่วยเจ้า”เพิร์ลพูดพลางมองไปยังหมู่บ้านที่ช้าๆ ประชาชนของอาณาจักรโฮทุกทรมานมากจริงๆ ไม่ว่าจะผู้ใหญ่ เด็ก หรือคนแก่ต่างผอมแห้งแรงน้อย พยายามทำนาล่าสัตว์เท่าที่ทำได้และหวังว่าจะไม่โดนทหารมาเอาของๆพวกมันไป แบบนี้มันไม่ใช่ประชาชนแล้ว จักรพรรดิของที่นี่คิดอะไรอยู่
“…….”หลังจากเดินทางต่อมายังเมืองหลวง แม่จะยังซ่อมแซมไม่เสร็จแต่เพิร์ลก็เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเมืองหลวงมีสภาพต่างจากเมืองอื่นๆมาก มากเสียจนน่าขำ ยิ่งเห็นความหรูหราอลังการของเมืองหลวงเท่าไหร่เพิร์ลก็ยิ่งเห็นด้วยเรื่องที่ไป๋จูเหวินจะยึดครองอาณาจักรโฮแห่งนี้
ตูม!!! ไม่พูดพร่ำทำเพลง ทั้งเพิร์ล ทั้งไป๋จูเหวินที่เห็นเหตุการณ์ในเมืองรอบนอกก็ตรงเข้าไปพังกำแพงเมือง บุกตรงเข้าวังหลวงของอาณาจักรโฮทันที
“อากกกก”ร่างของเหล่ายอดฝีมืออาณาจักรโฮที่เหลืออยู่ไม่กี่คนลอยกระแทกกำแพงวังจนพังยับเยินไม่มีชิ้นดี
“จะ ใจเย็นก่อนพวกท่าน”หัวหน้าองึรักษ์พูดพลางลุกขึ้นมาจากบัลลังก์ทันทีที่ไป๋จูเหวินเข้ามาถึงท้องพระโรง
“มีอะไรต้องคุยอีก”ไป๋จูเหวินถามพลางเดินเข้าไปหามันอย่างเชื่องช้า แม้แต่ยอดฝีมือของอาณาจักรยังทำอะไรไม่ได้ ตัวหัวหน้าองครักษ์คนเดียวจะไปสู้อย่างไร
“ข้าจะยกเลิกค่าหัวของเจ้าให้ ตกลงไหม”หัวหน้าองครักษ์เสนอด้วยใบหน้าซีดเผือด แต่กว่ามันจะพูดจบไป๋จูเหวินก็เดินมาถึงตรงหน้ามันแล้ว ไม่ว่ามันจะยกเลิกให้หรือมันโดนไป๋จูเหวินฆ่าตายตรงนี้ผลมันก็ไม่ต่างกันอยู่แล้ว และอีกอย่างไป๋จูเหวินไม่ได้มาที่นี่เพราะเรื่องค่าหัวอย่างเดียว
ตูม!! ง่ายดาย ไป๋จูเหวินจัดการหัวหน้าองครักษ์อย่างง่ายดาย การยึดอาณาจักรหนึ่งสำหรับพวกมันง่ายดายถึงเพียงนี้เชียวหรือ
ตุบ…ไป๋จูเหวินนั่งลงบนบัลลังก์พลางมองท้องพระโรงที่มีเหล่าขุนนางอยู่จำนวนหนึ่ง ตั้งแต่ไป๋จูเหวินเข้ามาพวกมันก็ไม่กล้าทำอะไรทั้งสิ้น ได้แต่ยืนตัวแข็งตั้งแต่เห็นยอดฝีมือโดนไป๋จูเหวินจัดการไปแล้ว
“ถะ….ถวายบังคมฝ่าบาท”พวกลิ้นสองแฉกเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ก็หมายจะเอาตัวรอด รีบเข้ามาหมอบกราบอยู่ตรงหน้าบัลลังก์ทันที
“ออกไปให้หมด”ไป๋จูเหวินพูดพลางมองพวกขุนนางอย่างไร้เยื่อใย ภายในงานฉลองไป๋จูเหวินได้เห็นแล้วว่าพวกมันเฉลิมฉลองสุขสบายแค่ไหนบนความทุกของประชาชน พวกมันอวดสมบัติล้ำค่าของตนเองให้กันและกันดู ทั้งๆที่ประชาชนของตัวเองแค่ข้าวสารกรอกหม้อยังแทบไม่มี
“เดี๋ยว…”เพิร์ลห้ามพวกขุนนางเอาไว้ ทำให้พวกขุนนางแอบยิ้มออกมาเพราะหวังว่าพวกมันจะยังเอาตนเองไว้
“ถอดแหวนมิติของพวกเจ้าทิ้งเอาไว้ แล้วค่อยไป”เพิร์ลพูดจบก็ปล่อยพลังวิญญาณของตนออกไป พวกขุนนางส่วนใหญ่มีพลังวิญญาณไม่สูง ในกลุ่มนี้ไม่มีใครสามารถใช้มิติส่วนตัวได้เลย ตอนนี้เมืองกำลังซ่อมแซม และไม่ทราบว่าศัตรูจะบุกมาหรือไม่ พวกมันย่อมเก็บของมีค่าเอาไว้ที่แหวนมิติอยู่แล้ว
“หา…”เหล่าขุนนางสะดุ้งวาบ แต่เมื่อมองสายตาของไป๋จูเหวินแล้ว พวกมันก็ได้แต่กัดฟันวางแหวนมิติเอาไว้ก่อนจะเดินออกไป
“เฮ้อ….”เพิร์ลถอนหายใจเฮือกหลังจากการยึดอำนาจเสร็จแล้ว ตอนนี้อาณาจักรโฮนับว่าล่มสลาย ต่อจากนี้ไปควรเป็นอาณาจักรอะไรดี อาณาจักรไป๋งั้นหรือ?
“แล้ว…ไล่พวกนั้นไปหมดเราจะทำงานกันยังไงดี”รูบี้ถามพลางมองท้องพระโรงที่ว่างเปล่า แม้ไป๋จูเหวินจะเก่ง แต่คนเดียวไม่มีวันดูแลอาณาจักรได้ทั้งหมดหรอก แถมจะไปขอความช่วยเหลือจากอาณาจักรอู๋ก็คงไม่ได้
“เรื่องนั้นข้าคิดเอาไว้แล้ว”ไป๋จูเหวินตอบพลางยิ้มออกมาบางๆ ในที่สุดมันก็เลิกทำหน้าตาเครียดเสียที ทำเอาเหม่ยหลินยิ้มออกมาอย่างโล่งอก
“หา!!” ทันทีที่ได้ยินแผนของไป๋จูเหวิน ทั้งเพิร์ลทั้งรูบี้ก็หน้าเหวอทันที แผนการแบบนั้นพวกมันไม่คิดมาก่อน แต่ตัวเหม่ยหลินที่อยู่กับไป๋จูเหวินมานานกลับไม่แปลกใจเสียเท่าไหร่
“เจ้าเอาจริงงั้นเหรอ”รูบี้ถามพลางกลืนน้ำลายลงคอ แผนของไป๋จูเหวินนั้นสำหรับคนธรรมดาคงเป็นเรื่องบ้าบิ่นมาก แต่กับไป๋จูเหวินและคนที่ทราบพลังของไป๋จูเหวินดีย่อมเข้าใจและยอมรับได้
สิ่งที่ไป๋จูเหวินจะทำคือ รวบรวมเหล่าอสูรตามเขตอสูรในอาณาจักรโฮขึ้นมาเพื่อรับตำแหน่งขุนนางและช่วยพวกมันบริหารอาณาจักร หากทำเช่นนี้ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องความจงรักพักดี และยังสามารถมั่นใจได้อีกด้วยว่าเหล่าอสูรจะตั้งใจทำงานกันอย่างเต็มที่ เพียงแต่แผนนี้จำเป็นต้องใช้เวลา เพราะไป๋จูเหวินต้องเดินทางไปเขตอสูรด้วยตนเอง และที่เลวร้ายที่สุดคืออาณาจักรโฮไม่มีกลุ่มนักล่าอสูร นั่นหมายความว่าพวกมันไม่มีข้อมูลเขตอสูรเลย
.
.
เคร๊ง!!! เคร๊ง!! ร่างน้อยๆของไป๋หลินกระโดดไปตามก้อนหินประดับสวนอย่างสวยงามราวกับภูติตัวน้อยกำลังร่ายรำ กระบี่ในมือของนางเข้าปะทะกับดาวราชันศาสตราอย่างต่อเนื่องตามท่วงท่าวิชาที่ตนร่ำเรียนมาจากมารดา
เคร๊ง!! ทางด้านหยุนฟางที่กำลังใช้ดาบราชันศาสตรารับมือกับกระบี่รูปร่างแปลกๆของไป๋หลินกลับมีสีหน้าประหลาดใจเสียมากกว่า แม้กำลังของไป๋หลินจะไม่มากเพราะระดับพลังวิญญาณของนางยังอยู่เพียงขั้นหลอมรวมวิญญาณ ซึ่งเป็นขั้นแรกเริ่มของการใช้พลังธาตุ แต่ในการฝึกซ้อมที่มุ่งเน้นแต่กระบวนท่าไม่ใช้พลัง หยุนฟางกลับพบว่าวิชากระบี่ของไป๋หลินก้าวล้ำเด็ก 5 ขวบมาไกลมาก
“วิชานี้เป็นของแม่เจ้างั้นหรือ”หยุนฟางถามพลางรับกระบี่อย่างตั้งใจ วิชากระบี่ของไป๋หลินดีกว่าวิชากระบี่หลายๆวิชาที่หยุนฟางเคยต่อสู้มาเสียอีก เฉียบคม ทรงพลัง และพลิกแพลง
“เจ้าค่ะ ท่านแม่ให้ข้าฝึกทุกวันเลยตอนอยู่กับพวกท่านน้า”ไป๋หลินตอบพลางฟันกระบี่ใส่หยุนฟางตามที่เรียนมา ด้วยความทรงจำเหนือมนุษย์ของนาง วิชากระบี่ทั้งหมดที่ชินหลุนคิดค้นขึ้นมาถูกบันทึกเอาไว้ราวกับมีตำราอยู่ในหัว ทำให้ไป๋หลินสามารถใช้กระบวนท่าต่างๆได้ในทันที แต่ถึงอย่างนั้นจิตกระบี่ของนางยังอ่อน แม้จะผ่านการฝึกกับมารดามาแล้ว แต่เรื่องเช่นนี้ต้องใช้ประสบการณ์และการต่อสู้จริงอย่างที่อู๋หมิงเคยทำ
พรึบ!! อยู่ๆไป๋หลินก็เอาพัดหยกขาวออกมาถือไว้ในมือซ้าย ตัวนางเองก็ได้เรียนวิชาพัดมาจากมารราคะเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้นนางก็ยังควบคุมพลังธาตุได้ไม่ดี วิชามารราคะที่เน้นพลังธาตุเป็นหลักจึงยังสำแดงเดชได้ไม่เต็มที่เท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้นพัดในมือของไป๋หลินก็ร่ายรำได้น่าตกใจทีเดียว
เคร๊งๆๆๆ เมื่อมีอาวุธอยู่อีกมือ ท่วงท่าของไป๋หลินก็เปลี่ยนไปมาก นางฝึกวิชาเทพประสานกับมารดาเข้าใจวิธีแยกวิชาออกเป็นสองฝั่ง มือซ้ายใช่หนึ่งวิชามือขวาใช้หนึ่งวิชา ทำเอาพัดกับกระบี่ผสานกันวุ่นวายถึงขั้นทำเอาหยุนฟางมือไม้ปั่นป่วน
เคร๊ง!! หยุนฟางกดดาบราชันศาสตราเพื่อหยุดพัดของไป๋หลินเอาไว้ก่อนจะใช้ฝ่ามือตีข้อมือของไป๋หลินจนตกลงพื้น
“ท่านป้า ข้าเจ็บนะ”ไป๋หลินว่าพลางมองมาทางหยุนฟางด้วยท่าทีงอนๆ ในการซ้อมเช่นนี้การประอาวุธกันไม่หวังทำร้ายร่างกาย เพียงศึกษากระบวนท่าเท่านั้น การที่หยุนฟางโจมตีข้อมือของหลานสาวเช่นนี้นับว่าผิดกฎก็ได้
“ป้าขอโทษ”หยุนฟางว่าพลางยิ้มเจื่อนๆ ไม่นึกว่าเด็กตัวแค่นี้จะมีวิชาน่ากลัวเช่นนี้ หากนางฝึกจนจิตกระบี่แหลมคมและพลังธาตุเติบโต ตัวนางจะเป็นตัวตนเช่นไรกัน
“เจ้านี่เหมือนพ่อเจ้าจริงๆ”หยุนฟางถอนหายใจพลางลูบหัวไป๋หลินเบาๆ
“ใครทำไป๋น้อย”ได้ยินเสียงไป๋หลินร้องเจ็บ อยู่ๆร่างของไป๋ไป่ก็กระโดดเข้ามาในสวนพร้อมกับปิงปิงและหงเยว่
“ปะ เปล่าพวกข้าแค่ฝึกซ้อมกัน”หยุนฟางใจหายวาบ นางเคยเห็นไป๋ไป่ในร่างมังกรมาก่อน อสูรระดับบรรพกาลไม่ใช่ตัวตนที่นางสมควรจะมีเรื่องด้วย แม้แต่อัตตายังจัดการได้ ตัวนางจะเหลืออะไรกัน
“พี่ไป๋ไป่ พวกท่านป้าตีข้อมือข้า”หยุนฟางขนลุกวาบเมื่อหลานสาวฟ้องพี่ของนางเสียอย่างนั้น
“งั้นข้าจะตีเจ้าด้วย”ไป๋ไป่ว่าพลางเดินไปหยิกแก้มไป๋หลินจนยืดออกอย่างกับขนมแป้ง
“อำไออ่า”ไป๋หลินถามกลับด้วยน้ำเสียงอู้อี้เพราะแก้มโดนดึงเอาไว้
“เจ้าแอบมาอยู่ที่นี่ตั้งหลายวันไม่บอกพวกข้า รู้หรือเปล่าว่าข้าเป็นห่วงแค่ไหน”ไป๋ไป่ว่าพลางปล่อยแก้มของไป๋ไป่ออก แต่ยังไม่ทันจะหายเจ็บ อยู่ๆมือเย็นๆของปิงปิงก็เข้ามาจับแก้มทั้งสองข้างของนางเอาไว้แทน
“พี่ปิงปิง….”ไป๋หลินเหงื่อตกเมื่อโดนมือของปิงปิงจับเอาไว้ ปกติปิงปิงไม่ค่อยแสดงอารมณ์ออกมา แต่ตอนนี้นางจ้องไป๋หลินนิ่งราวกับจะบอกว่านางก็โกรธเหมือนกัน
“ข้าขอโทษ คราวหลังข้าจะบอกพวกพี่ก่อนเจ้าค่ะ”ไป๋หลินยอมแพ้ พลางหันไปขอโทษพี่ๆอสูรของนาง พอโดนพูดแบบนั้นเหล่าอสูรมีหรือจะยอมใจแข็งกับไป๋หลินได้ สุดท้ายก็ยอมยกโทษให้อย่างช่วยไม่ได้
“อยู่กันครบเลยสินะ”อยู่ๆอู๋หมิงก็เดินเข้ามาพลางทักทายเหล่าอสูรของไป๋จูเหวินอย่างคุ้นเคย
“ท่านลุง”ไป๋หลินยิ้มพลางมองอู๋หมิงที่เดินเข้ามาพร้อมจดหมายในมือ
“พ่อของเจ้าส่งจดหมายมาให้ข้า”อู๋หมิงว่าพลางกางจดหมายให้ไป๋หลินดู
“พ่อของเจ้าฝากให้ข้าดูแลเจ้าไปก่อน หลังจากเสร็จธุระแล้วจะรีบกลับมาทันที”อู๋หมิงว่าพลางลูบหัวไป๋หลินอย่างเอ็นดู แม้ไม่ส่งจดหมายมาบอกมันก็ยินดีจะช่วยดูแลไป๋หลินอยู่แล้ว ถึงอย่างไรไป๋หลินก็เป็นหลานของมันนี่นะ
“เป็นอะไร คิดถึงท่านพ่องั้นเหรอ”หยุนฟางถามพลางก้มลงกอดไป๋หลินเอาไว้
“ค่ะ..”ไป๋หลินตอบพลางก้มหน้าลงเล็กน้อย แม้จะผ่านไปไม่กี่วัน แต่การไม่ได้เจอหน้าท่านพ่อสำหรับไป๋หลินนั้นเป็นเรื่องที่นางไม่ชอบเลย แถมคราวนี้แม้แต่ท่านแม่ก็ไม่อยู่
“งั้น ป้าพาเจ้าไปเที่ยวในเมืองดีไหม”หยุนฟางถามพลางยิ้มกว้าง
“ไปค่ะ”ไป๋หลินตอบรับทันทีด้วยรอยยิ้ม เห็นป้าหลานเข้ากันดีเช่นนี้อู๋หมิงก็โล่งใจ