ตอนที่ 313
ตัดสินใจ
“ท่านป้า ทางนี้ๆ”ไป๋หลินพูดพลางลากหยุนฟางเดินไปตามถนนด้วยท่าทีร่าเริง เพราะนางอยู่แต่ในเขตอสูรมานาน ทำให้นางชอบที่จะเดินเที่ยวในเมืองมาก แถมหงเยว่ยังสอนเรื่องการใช้เงินกับนางแล้ว ทำให้นางไม่เคยหยิบของใครมาฟรีๆอีกเลย ซึ่งนางก็ไม่มีปัญหาเรื่องเงินอยู่แล้ว
“ไป๋หลิน เจ้าอย่าเดินเร็วนักสิ เดี๋ยวจะไปชนคนอื่นเข้านะ”หยุนฟางเตือนพลางเดินตามเด็กน้อยทั้งสามอย่างรวดเร็ว หากไปชนคนอื่นเข้าคนธรรมดาได้เดือดร้อนแน่ๆโดยเฉพาะไป๋ไป่ นางตัวแค่เอวของหยุนฟางเองแต่น้ำหนักของนางมากอย่างกับรูปปั้นหิน ขืนไปชนใครเข้าต่อให้เป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณก็ล้มได้
“อันนั้นพี่ไป๋เคยซื้อมาฝากนี่นา”ไป๋ไป่ว่าพลางเดินไปหยุดยืนหน้าร้านขายซาลาเปา หลังจากเหมามาหมดซึ้งนางก็ฟาดเรียบไม่เหลือ เพราะหากเทียบกับขนาดจริงของนางแล้วปริมาณเท่านี้คงพอกินแค่คำเดียวเสียด้วยซ้ำ
วูบ…อยู่ๆไป๋หลินที่กำลังเดินอยู่กับพวกไป๋ไป่ก็สัมผัสได้ถึงพลังแปลกๆ นี่ไม่ใช่พลังอสูร ไม่ใช่พลังวิญญาณ แต่เป็นพลังมาร.. เป็นพลังมารที่เข้มข้นมาก มันมากพอๆกับพี่ไป๋ไป่ของนางเลย
ตุบๆ….ไป๋หลินรีบมุ่งไปทางที่สัมผัสพลังมารได้ทันที ตอนนี้นางมีทั้งพลังมารในร่างแถมยังมีความสามารถมองเห็นพลังมารอีกด้วย ทำให้นางสัมผัสถึงเหล่ามารได้อย่างง่ายดาย และมารที่มีพลังระดับนี้นั้นนางก็รู้จักเพียงคนเดียวเท่านั้น
“ท่านลุงเวย”ไป๋หลินว่าพลางเดินเข้าไปหาหยงเว่ยที่กำลังเดินอยู่ในตลาด
“ไป๋หลิน?…”หยงเว่ยเลิกคิ้วสงสัยพลางมองไปรอบๆ แต่กลับไม่พบไป๋จูเหวินหรือเหม่ยหลินเสียอย่างนั้น
“เจ้ามาที่นี่ได้ยังไง”หนงเว่ยถามพลางก้มลงคุยกับไป๋หลิน นางมีพลังมารเพิ่มมากขึ้น แต่ท่าทางของนางก็ไม่เปลี่ยนไปเลย ท่าทางพลังมารของนางจะไม่มีผลอะไรกับร่างกายของนางจริงๆ
“ข้ามากับท่านป้าค่ะ”ไป๋หลินตอบพลางมองไปทางหยุนฟาง
“ป้า?”หยงเว่ยงุนงงไปครู่หนึ่ง หากจำไม่ผิดญาติของไป๋จูเหวินก็มีแค่พวกท่านน้า ฝั่งเหม่ยหลินก็มีแค่น้องสาว ไป๋หลินสมควรเรียกว่าน้าไม่ใช่ป้าสิถึงจะถูก
“นางหมายถึงข้าเองเจ้าค่ะ”หยุนฟางตอบพลางยิ้มบางๆ ตัวหยุนฟางกับหยงเว่ยไม่ได้สนิทสนมอะไรกันมาก แต่ก็เคยได้ยินเรื่องของหยงเว่ยมาบ้าง
“ยินดีที่ได้รู้จัก ข้ามีนามว่าหยงเว่ย”หยงเว่ยตอบพลางลุกขึ้นยืนและประสานมือทักทายหยุนฟาง
“ข้าหยุนฟางเจ้าค่ะ เป็นสหายของอู๋หมิง”หยุนฟางตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม อู๋หมิงแม้ตอนแรกจะไม่ถูกกับหยงเว่ยนัก แต่ตอนนี้หยงเว่ยเป็นคนหนึ่งที่อู๋หมิงให้การนับถือ มันแบกรับมารไปถึง 6 ตนและยังดูแลเหล่ามารน้อยเป็นอย่างดี ทำให้อู๋หมิงนับถือใจของหยงเว่ยมาก
“ท่านลุงเว่ย ท่านมาทำอะไรที่นี่เหรอเจ้าคะ”ไป๋หลินถามด้วยท่าทางอยากรู้ ทำให้หยงเว่ยยิ้มออกมาบางๆ
“ข้ามาซื้อเสบียง”หยงเว่ยตอบออกไปตามตรง เพราะวัดของพวกมันอยู่ห่างจากเมืองไประยะหนึ่ง ทำให้ต้องมีเสบียงกักตุนเอาไว้เสมอ แถมตอนนี้หยงเว่ยยังมีตะกละอยู่ในร่างอีกต่างหาก ทำให้หยงเว่ยต้องกินอาหารเกือบจะเหมือนคนปกติเพื่อรักษาความอยากของตะกละเอาไว้ไม่ให้คุ้มคลั่ง
“พี่เว่ย”เหม่ยหลินยังไม่ทันถามอะไรต่อ อยู่ๆก็มีเด็กสาวอายุราวๆ 12 ปีเดินเข้ามากอดแขนของหยงเว่ยเอาไว้ด้วยท่าทีไม่พอใจ
“เด็กคนนี้เป็นใครเจ้าคะ ทำไมนางถึงมีพลังมารได้”เด็กสาวคนนั้นถามพลางมองมาทางไป๋หลินด้วยท่าทีสงสัย มารทั้งหมดสมควรอยู่ที่วัดของหยงเว่ยแล้วไม่ใช่หรือ และนางก็ไม่เคยเห็นไป๋หลินที่นั่นเลย
“นางเป็นบุตรสาวของไป๋จูเหวิน เจ้าน่าจะเคยเห็นแล้วไม่ใช่หรือซุยเหยียน”หยงเว่ยถามพลางมองเด็กสาวที่เกาะมันราวกับกำลังกลัวว่าคนรักจะนอกใจไม่มีผิด
“อ๋อ…..”ซุยเหยียนทำท่าเหมือนจะนึกได้ แต่คราวก่อนไป๋หลินไม่ได้มีพลังมารนางเลยนึกว่าคนละคนเสียอีก
“เจ้าบอกว่าไป๋หลินมีพลังมารงั้นเหรอ”หยุนฟางถามพลางมองไปที่หลานสาวด้วยท่าทีงุนงง
“ใช่”หยงเว่ยตอบพลางมองท่าทีแปลกๆของหยุนฟาง อาจารย์ของนางโดนมารฆ่าตาย นางสมควรมีความแค้นกับมารอยู่แล้ว
“โถ่ ไป๋หลิน”แต่หยุนฟางกลับไม่ได้คิดในแง่ร้าย นางก้มลงกอดไป๋หลินด้วยความรู้สึกสงสารแทนเสียมากกว่า หลังจากสภาพจิตใจของนางดีขึ้น นางก็ถามเรื่องที่เกิดขึ้นกับอู๋หมิง นางจึงได้ทราบเรื่องของหยงเว่ยว่ามันเก็บพลังมารเอาไว้ในร่าง และจะไม่ยอมให้มารออกมาอาลาวาดอีก เท่ากับว่ามารที่ทำให้อาจารย์ของนางตายได้ถูกผนึกไปแล้ว เมื่อทราบว่าไป๋หลินมีพลังมาร หยุนฟางก็เข้าใจทันทีว่าไป๋หลินคงไปจับอาวุธมารตอนพวกมารตายไปแล้ว ทำให้พลังมารเข้ามาในร่าง เรื่องนั้นสมควรมองว่าไป๋หลินเป็นเหยื่อมากกว่า
“ไม่ต้องกังวล พลังมารทำอะไรร่างของนางไม่ได้”หยงเว่ยตอบพลางยิ้มออกมา ตัวมันเองยังประหลาดใจเลย
“งั้นหรือ โถ่เอ้ยหลานป้า”หยุนฟางกอดไป๋หลินเอาไว้แน่นพลางลูบหัวของนางหมายจะปลอบโยน แต่ไป๋หลินกลับไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไร นอกจากพี่ราคะจะใจดีกับไป๋หลินมากเหมือนพวกพี่ไป๋ไป่กับปิงปิง นางยังสอนวิชาพัดให้ไป๋หลินอีกด้วย สำหรับตัวนางเองแล้วนับว่าได้ประโยชน์มากกว่าเสีย
.
.
“แล้ว ท่านจะรับนางมาเป็นมเหสีเมื่อไหร่”ขณะพวกไป๋หลินกำลังเที่ยวเล่นอยู่ในเมือง อู๋หมิงก็กลับมาทำงานร่วมกับเทียนเหวิน แต่คำถามที่เทียนเหวินถามออกมาหลังจากประชุมเสร็จกลับไม่ใช่เรื่องปัญหาบ้านเมือง แต่กลับเป็นเรื่องของหยุนฟางเสียอย่างนั้น
“เจ้าพูดเรื่องอะไร”อู๋หมิงถามพลางกระแอมกระไอเล็กน้อย
“ข้าเองก็จะเป็นพ่อคนแล้ว ข้าดูออกหรอกน่าว่าท่านมีใจหรือไม่มีใจให้ใคร”เทียนเหวินว่าพลางเก็บเอกสารลงมิติของตนเอง 5 ปีที่ผ่านมานี้มันรออู๋หมิงแต่งงานก่อนไม่ไหวจึงชิงตัดหน้าแต่งงานกับเหม่ยฮวาอย่างเป็นทางการ แถมนางยังท้องแล้วอีกต่างหาก เรียกได้ว่าอีกไม่กี่เดือนไป๋หลินก็ได้น้องแท้ๆมา 1 คนแล้ว
“ชัด..ขนาดนั้นเลยงั้นหรือ”อู๋หมิงถามออกมาเสียงเบาพลางหลบหน้าเทียนเหวินไปทางอื่น ไม่บ่อยนักหรอกที่จะได้เห็นคุณชายสมบูรณ์แบบอย่างอู๋หมิงทำท่าเขินอายเช่นนี้ทำเอาเทียนเหวินยิ้มหน้าระรื่นออกมาทันที
“ก็..ขุนนางส่วนใหญ่ก็คงรู้แล้ว ยิ่งพวกนางข้าหลวงยิ่งนินทากันให้แซด ท่านเก็บนางเอาไว้ในที่พักของมเหสี คิดว่าคนอื่นจะพูดกันอย่างไรเล่า”เทียนเหวินหัวเราะพลางนั่งลงข้างๆอู๋หมิงด้วยท่าทีสบายๆไม่เหลือท่าทีผู้สำเร็จราชการแทนที่ทำงานอย่างหนักเลย
“นางพึ่งเสียอาจารย์ไป ข้ากลัวว่าความรู้สึกนี้ของนางจะเพราะต้องการคนมาปลอบโยนเท่านั้น”อู๋หมิงตอบพลางก้มหน้าลงเล็กน้อย ในเรื่องความรักเช่นนี้จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรอู๋กลับคิดมากและกังวลจนน่าตกใจทีเดียว
“แล้วมันแปลกตรงไหนกัน นางพึ่งเสียครอบครัวไป จะรักษานางก็ต้องหาครอบครัวใหม่ให้นางไม่ใช่หรือ”เทียนเหวินว่าพลางยิ้มออกมา
“แต่กับข้าเนี่ยนะ มันจะดีพอสำหรับนางหรือ”อู๋หมิงถามพลางมองมาทางเทียนเหวินด้วยท่าทีไม่มั่นใจ ทำเอาเทียนเหวินแทบจะระเบิดเปรี้ยงใส่พี่ชายมันเสียตรงนั้น คนอย่สงท่าน? คนอย่างท่านมันเลวร้ายตรงไหนกัน หากอู๋หมิงยอดมือกระบี่ควบตำแหน่งองค์จักรพรรดิของอาณาจักรอู๋ไม่ดีพอ แล้วใครกันเล่าจะดีพอ มันละอยากรู้จริงๆ อ่อ ต้องข้ามไป๋จูเหวินไปเพราะมันแต่งงานแล้ว
“ท่านเนี่ยน้า ทำไมไม่ลองถามนางดูเล่า”เทียนเหวินถอนหายใจเฮือกพลางตบหลังของอู๋หมิงไปทีหนึ่งทำเอาอู๋หมิงสะท้านไปทั้งร่าง
“ท่านก็รู้ ตอนแรกที่ได้รู้ว่าข้าเป็นองค์ชาย เหม่ยฮวาเองก็คิดเหมือนที่ท่านคิดตอนนี้”เทียนเหวินพูดเสียงเรียบ แม้จะไม่แสดงออกมามากแต่เหม่ยฮวาก็เป็นสาวชาวบ้าน ได้อยู่กับองค์ชายเช่นนี้นับว่าเป็นเรื่องที่นางไม่คาดคิดจริงๆ นั่นย่อมทำให้นางแอบคิดอยู่ว่านางนั้นไม่เหมาะสมกับเทียนเหวินหรือไม่
“ท่านล่ะ คิดว่านางไม่เหมาะสมกับข้าหรือเปล่า”เทียนเหวินถามพลางจ้องมองพี่ชายนิ่ง ตอนนี้นางเป็นภรรยาของเทียนเหวิน แถมยังอุ้มท้องลูกของเทียนเหวินอยู่ จะบอกว่าไม่เหมาะได้อย่างไร
“เจ้าตามตื้อนางขนาดนั้น ต่อให้นางคิดมากไปเจ้าก็ไม่สนอยู่ดีไม่ใช่หรือ”อู๋หมิงตอบพลางหัวเราะออกมา เทียนเหวินลงทุนปลอมตัวไปหานางตลอด ถึงขั้นทิ้งบัลลังก์เพื่อนาง เรื่องคู่ควรหรือไม่นั้นเทียนเหวินไม่ใส่ใจเลยสักนิด
“ความรักมันก็เป็นแบบนั้นล่ะ คนที่ตัดสินใจว่านางคู่ควรหรือไม่คือข้า และคนที่จะตัดสินใจว่าท่านคู่ควรหรือไม่ก็คือพี่สะใภ้ของข้าไม่ใช่หรือไง”เทียนเหวินพูดจบก็เดินทำท่าจะออกจากท้องพระโรงไป
“นางยังไม่ใช่พี่สะใภ้ของเจ้าเสียหน่อย”อู๋หมิงถอนหายใจพลางลุกขึ้นเดินออกไปจากท้องพระโรงเช่นกัน
“นั่นก็อีกไม่นานไม่ใช่หรือไง”เทียนเหวินหัวเราะพลางแยกไปยังวังของมันเอง มันยังมีภรรยากำลังท้องให้ต้องดูแลอยู่
“มีเรื่องอะไรงั้นหรือ”เทียนเหวินยังไปไม่พ้นสายตา อยู่ๆหยุนฟางก็เดินเข้ามาหาอู๋หมิงพร้อมกับพวกไป๋หลิน
“ปะ เปล่า..”อู๋หมิงตอบพลางพาหยุนฟางและพวกไป๋หลินกลับที่พัก แม้จะแปลกไปหน่อยที่มีเด็กๆมานอนอยู่ในส่วนที่พักของพระมเหสีแต่พวกไป๋หลินก็มานอนกับหยุนฟางเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว
“ท่าทางวันนี้ประชุมกันเครียดน่าดู เราไปผ่อนคลายกันดีไหม”หยุนฟางถามพลางนำดาบราชันศาสตราออกมาท่ามกลางสายตาของเหล่าทหาร แน่นอนพวกมันไม่แปลกใจแล้วเพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติของนางกับองค์จักรพรรดิไปแล้ว
“อืม….”อู๋หมิงตอบรับเสียงเบา พลางนำกระบี่ทัณฑ์สวรรค์ออกมา
.
.
เปรี้ยง!! กระบี่และดาบปะทะกันในสวนอย่างรวดเร็วและรุนแรง แม้ตอนแรกอู๋หมิงจะจับท่าของหยุนฟางได้ลำบาก แต่พอฝึกฝนด้วยกันอีกรอบสอบรอบมันก็เริ่มจับทางหยุนฟางได้มาก ทำให้ตอนนี้หยุนฟางตกเป็นรองอีกรอบซึ่งมันก็สร้างความไม่พอใจให้นางไม่น้อย
“ข้ายอมแพ้”หยุนฟางตอบพลางยกมือทั้งสองข้างขึ้นหลังจากโดนกระบี่ทัณฑ์สวรรค์จ่อที่อก
“ถ้าเจ้าได้ใช้แรงเต็มที่คงรับมือยากกว่านี้”อู๋หมิงตอบพลางเก็บกระบี่ไป พวกมันเพียงซ้อมระบายความเครียดไม่ได้ใช้กำลังเต็มที่ ทำให้วิชาดาบของหยุนฟางที่ใช้กำลังเป็นหลักแสดงอานุภาพออกมาได้ไม่เต็มที่เลย
“เชอะ ครั้งหน้าข้าจะเอาชนะให้ได้”หยุนฟางตอบพลางเดินไปนั่งกับไป๋หลินที่มักจะชมดูอยู่ที่โต๊ะหินอ่อนเสมอ
“ไม่หรอก ข้าจะชนะเจ้าอีก”อู๋หมิงตอบพลางนั่งลงฝั่งตรงข้าม
“เจ้าไปเอาความมั่นใจมาจากไหน อีกปีสองปีข้าจะเหนือกว่าเจ้าไปอีก”หยุนฟางตอบพลางทำท่าทีไม่พอใจ
“งั้นข้าจะชนะเจ้าไปอีกปี สองปีก็แล้วกัน”อู๋หมิงตอบพลางจ้องมองดวงตาของหยุนฟางนิ่ง
“งั้นปีที่สาม”หยุนฟางตอบพลางหันมามองอู๋หมิง แต่เมื่อสบตานางกลับรู้สึกแปลกๆเหมือนคำพูดเมื่อครู่ไม่ได้มีความหมายท้าทายอย่างที่คิด
“งั้น…ข้าจะชนะเจ้าไปตลอดชีวิต”อู๋หมิงว่าพลางเลื่อนฝ่ามือไปจับฝ่ามือของหยุนฟางเอาไว้ ทำเอาหยุนฟางสะดุ้งโหยง ชนะไปตลอดชีวิต มันคงไม่ได้หมายความว่าจะให้นางอยู่ที่นี่ไปตลอดแล้วท้ามันประลองไปทั้งชีวิตเลยหรอกนะ แบบนั้นตัวนางคงอยู่ในวังของมเหสี…..
“จะ เจ้า….”หยุนฟางหน้าแดงวูบพลางหันมามองอู๋หมิงด้วยท่าทีประหม่า แต่นางกลับโดนสายตาจริงจังของอีกฝ่ายทำเอาพูดไม่ออก
“เจ้าคิดว่าไง อยู่ประลองกับข้าไปทั้งชีวิต ดีหรือไม่”อู๋หมิงถามพลางกุมมือของนางแน่นขึ้นทำเอาหัวใจของหยุนฟางยิ่งเต้นแรงเข้าไปใหญ่
“อืม….แบบนั้นก็ไม่เลว”หยุนฟางตอบออกไปด้วยใบหน้าแดงระเรื่อทำเอาอู๋หมิงที่ได้รับคำตอบมีท่าทีดีใจอย่างมาก แต่ก่อนจะทำอะไรมากไปกว่านั้น
“ข้า….ข้าไปหาพี่ไป๋ไป่ก่อนนะ”ไป๋หลินว่าพลางลุกพรวดเดินเข้าไปในห้องพักทันที ทำเอาทั้งอู๋หมิงทั้งหยุนฟางหน้าแดงกันอยู่สองคน