ตอนที่ 314
อาณาจักรไป๋
“นับว่าเป็นข่าวดี แบบนี้ต้องส่งบัตรเชิญไปให้ท่านพ่อตาแม่ยายแล้ว”เทียนเหวินพูดด้วยท่าทียิ้มแย้มเมื่อได้ทราบข่าวดีจากพี่ชาย ในที่สุดมันก็จะได้มีพี่สะใภ้เสียทีหลังจากครอบครัวราชวงศ์อู๋ของพวกมันกังวลมานานเรื่องพี่ชายคนโตที่ครองตำแหน่งจักรพรรดิไม่ยอมมีภรรยาเสียที เท่านี้พวกขุนนางก็จะไม่มากวนใจเรื่องนี้กับเทียนเหวินอีกแล้ว พวกมันห่วงเรื่องทายาทกันเองดันไม่ยอมบอกองค์จักรพรรดิตรงๆ มากดดันให้เทียนเหวินพูดอยู่ได้
“บัตรเชิญงั้นเหรอ ถ้างั้นก็ต้องส่งให้จักรพรรดิองค์ใหม่ของอาณาจักรโฮด้วยสินะ”อู๋หมิงพูดพลางนำกระดาษมาเริ่มเขียนจดหมาย
“อาณาจักรโฮ ทำไมท่านต้องส่งไปให้จักรพรรดิอาณาจักรโฮด้วย ไม่ใช่ว่าราชวงศ์โฮตายไปหมดแล้วงั้นเหรอ
“เจ้ายังไม่รู้งั้นเหรอ”อู๋หมิงถามพลางหยุดมือลง
“รู้? อ๋อ ตอนนี้หัวหน้าองครักษ์ขึ้นมายึดอำนาจสินะ ท่าทางอาณาจักรโฮคงลำบากน่าดู”เทียนเหวินว่าพลางหัวเราะเหอะๆออกมา ตนเองเกือบเอาชีวิตไม่รอดจากงานเลี้ยงของอาณาจักรโฮ บอกตามตรงว่าไม่ชอบอาณาจักรนี้เสียเท่าไหร่
“นั่นข่าวเก่าแล้ว”อู๋หมิงยิ้มพลางเขียนจดหมายต่อ แต่จะโทษเทียนเหวินก็ไม่ได้ เพราะคนที่ได้รับจดหมายจากจักรพรรดิองค์ใหม่ของอาณาจักรโฮก็มีมันเพียงคนเดียวนี่นะ คนที่ได้เห็นจดหมายฉบับนั้นก็คงมีแค่มัน หยุนฟาง กับ ไป๋หลินเท่านั้น
“หรือว่ามีคนก่อปฏิวัติ?”อู๋เทียนเหวินยังคงงุนงง ไม่ทราบว่ามีข่าวอะไรดีเกี่ยวกับอาณาจักรโฮอู๋หมิงถึงได้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แบบนี้ หรือประชาชนของอาณาจักรโฮจะลุกขึ้นต่อต้าน แต่ยอดฝีมือของอาณาจักรโฮอยู่ฝั่งหัวหน้าองครักษ์หมด ต่อให้รวมคนได้จริงก็ไม่น่าจะสู้ไหวนี่นา
“จะเรียกแบบนั้นก็ได้ ตอนนี้องค์จักรพรรดิเปลี่ยนมือไปแล้ว น่าจะกำลังเปลี่ยนชื่ออาณาจักรกันอยู่ ต่อไปคงต้องเรียกอาณาจักรโฮว่าอาณาจักรไป๋กระมัง”อู๋หมิงพูดจบก็วางพู่กันลงไว้บนแท่นวางช้าๆ
“ไป๋? หะ…ท่านหมายถึงพี่ไป๋งั้นเหรอ”เทียนเหวินแทบจะนึกชื่อใครไม่ออกเลย คนที่สามารถยึดอำนาจจากเหล่ายอดฝีมือเกือบสิบคนได้นั้นหากไม่ยกกองกำลังไปโจมตีก็คงมีแต่ผู้ล้มมารราคะอย่างไป๋จูเหวินเท่านั้น
“นี่พี่ไป๋คิดอะไรอยู่ถึงได้เข้าไปยึดอาณาจักรที่กำลังจะล่มอยู่รอมร่อแบบนี้”เทียนเหวินปวดหัวขึ้นมาทันทีเมื่อนึกถึงเรื่องที่ต้องทำหากอาณาจักรอู๋ไปยึดอาณาจักรโฮเข้า ประชาชนของที่นั่นไม่มีการศึกษา พวกมันถูกสอนแต่เพียงให้ทำนาทำไร่และรับใช้คนของจักรพรรดิเท่านั้น บางที่ถึงกับปลูกฝังความเชื่อว่าหากไม่มีทหารของจักรพรรดิคอยดูแล เหล่าอสูรจะเข้ามาทำลายหมู่บ้านเสียอีก เรียกได้ว่าการพัฒนาอาณาจักรแบบนี้คงเป็นเรื่องน่าปวดหัวสิ้นดี
“ได้ข่าวว่าได้ผู้ช่วยฝีมือดีมา อีกไม่นานอาณาจักรโฮคงเปลี่ยนไปมากกว่าชื่อแน่ๆ”อู๋หมิงยิ้มพลางพับจดหมายที่แห้งแล้วใส่ลงไปในซองหนังทรงกระบอก ก่อนจะเดินไปที่หน้าต่างเพื่อเรียกอสูรปักษามารับจดหมาย หลังสงครามครั้งก่อนการส่งจดหมายของพวกมันก็ไวขึ้นมาก ต้องขอบคุณอสูรปักษาพวกนี้จริงๆ
.
.
ตึง……ตึงๆ….. เสียงฝ่าเท้าของเหล่าทหารที่กำลังเดินสวนสนามอย่างพร้อมเพรียงอยู่เบื้องหน้าลานพิธีของอาณาจักรโฮ ยามนี้วังหลวงที่เคยพังพินาศถูกซ่อมแซมเรียบร้อยราวกับไม่เคยโดนทำลายมาก่อน แถมเมืองที่พังยับเยินยังซ่อมแซมเสียใหม่จนมีสภาพแทบไม่ต่างจากก่อนโดนทำลายเสียอีก เพียงแต่ชาวเมืองหลวงที่เคยคับคั่งอยู่ตามถนนกลับไม่มีอีกแล้ว
ตึง! เหล่าทหารนับพันคนเดินมาหยุดยืนตรงหน้าไป๋จูเหวินก่อนจะก้มลงคุกเข่าอย่างสง่างาม พร้อมเหล่าขุนนางที่ยืนเรียงแถวกันอยู่รอบข้าง แต่เดิมไป๋จูเหวินไล่ขุนนางและเหล่าชาวเมืองไปหมดแล้ว แต่มันก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น หลังจากยึดทรัพย์จนหมดก็ให้เมืองใหม่กับพวกมันให้อยู่อาศัยกันเอง โดยเมืองที่ว่านั้นอยู่ทางเหนือของอาณาจักร สุดเขตชายแดนจนเกือบจะอยู่นอกอาณาจักรโฮอยู่แล้ว
“ถวายบังคมพระเจ้าข้า”เหล่าขุนนางและทหารต่างส่งเสียงตะโกนออกมาพร้อมกันจนเสียงกึกก้องจนถึงชั้นเมฆ ยามนี้เมืองหลวงของอาณาจักรโฮแทบไม่เหลือมนุษย์อยู่เลย แต่ในเมืองกลับที่ร้างผู้คนกลับคับคั่งไปด้วยอสูรในร่างมนุษย์ หลังจากใช้เวลาหลายเดือนในที่สุดไป๋จูเหวินก็รวบรวมอสูรโดยรอบมาได้จนหมด อสูรที่อยู่ในเมืองยามนี้มากมายกว่าเขตอสูรของพวกท่านน้าเสียอีก และเหล่าราชาของทุกเขตอสูรต่างก็อยู่ร่วมแถวของทหารเบื้องหน้ามันนี่เอง
“ขอบคุณทุกท่านมากที่มาช่วยเหลือกันในวันนี้”ไป๋จูเหวินว่าพลางลุกขึ้นยืนต่อหน้าเหล่าอสูร จำนวนมากมายมหาศาลขนาดนี้แม้แต่ตัวมันเองยังตกใจ อาณาจักรโฮแห่งนี้มีอสูรมากกว่าที่อาณาจักรอู๋เสียอีก
“วันนี้เราจะเปลี่ยนชื่ออาณาจักรโฮเสียใหม่ นับจากนี้ไปอาณาจักรของเราคืออาณาจักรไป๋”ไป๋จูเหวินว่าพลางปลดธงประจำอาณาจักรลงมา ธงรูปแมงมุมสีขาวที่ปรากฏต่อสายตาเหล่าอสูรต่างเรียกเสียงเฮออกมาจากเหล่าอสูรได้อย่างง่ายดาย อาณาจักรโฮแห่งนี้เคยเป็นทางผ่านของมารดามัน พวกอสูรในตอนนั้นต่างทราบความแข็งแกร่งของอสูรแมงมุมดี และจำได้ในทันทีที่สัมผัสพลังอสูรของไป๋จูเหวินได้ การใช้ธงเป็นรูปอสูรที่แข็งแกร่งจนน่าหวาดผวาเช่นนี้พวกมันยินดียิ่ง
“ข้าได้มอบหมายงานให้พวกท่านแล้ว หวังว่างานของพวกท่านจะสำเร็จลุล่วง”ไป๋จูเหวินว่าพลางปล่อยพลังวิญญาณของตนออกไป ในพลังวิญญาณของมันมีพลังดึงดูดเหล่าอสูรอยู่ด้วยทำให้เหล่าอสูรที่อยู่ตรงหน้าต่างก้มหัวลงในทันที
“รับบัญชา”เหล่าอสูรพูดจบก็คืนร่างอสูรของแต่ละตนทันที พวกมันทะยานวาบออกไปพร้อมธงแมงมุมขาวทำให้ลานพิธีของอาณาจักรไป๋ตอนนี้ว่างเปล่าในพริบตา งานแรกของพวกมันก็คือการฟื้นฟูเมืองต่างๆของอาณาจักรโฮเก่าเสียใหม่
แน่นอนว่าไป๋จูเหวินสามารถรวบรวมสมบัติของเหล่าอสูรมาปรนเปรอเหล่าชาวเมืองได้ไม่ยาก แต่หากทำแบบนั้นก็เท่ากับสร้างชาวเมืองหลวงของอาณาจักรโฮขึ้นมาใหม่ พวกมันไม่รู้จักวิธีทำมาหากิน รับเพียงเงินของหลวงและเที่ยวเล่นไปวันๆเท่านั้น หน้าที่ของพวกมันมีเพียงทำตามคำสั่งของวังหลวง ถึงขนาดไป๋จูเหวินสั่งให้พวกมันไปสร้างเมืองกันใหม่ทางเหนือ พวกมันก็ได้แต่ทำตามโดยคิดต่อต้านไม่เป็น หากมีประชาชนแบบนี้ทั้งอาณาจักรคงได้ย่ำแย่เป็นแน่
หลังจากประชุมและฝึกสอนเหล่าอสูรให้เข้าใจมนุษย์ในระดับหนึ่งแล้ว ไป๋จูเหวินก็มอบหมายงานให้พวกมันออกไปช่วยเหลือพัฒนาบ้านเมืองโดยปิดบังเรื่องที่ตนเองเป็นอสูรเอาไว้ ทันทีที่ไปถึงเมืองพวกมันจะเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์และเข้ารับตำแหน่งเจ้าเมืองตามคำสั่งของไป๋จูเหวินทันที ไม่นานทั้งอาณาจักรโฮก็จะทราบแล้วว่าอาณาจักรของตนนั้นเปลี่ยนเป็นอาณาจักรไป๋เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ยอดไปเลย พวกอสูรดูตั้งใจกันมาก”เพิร์ลกับรูบี้ยังอึ้งไม่หาย อยู่ๆไป๋จูเหวินก็พาพวกมันเข้าไปในเขตอสูรแล้วไปชวนราชาของพวกมันมาช่วยเหลือตนเองเสียอย่างนั้น ไม่ทราบเพราะอะไรเหล่าราชาของเขตอสูรตกลงรับคำกันอย่างง่ายดาย
“องค์จักรพรรดิ เริ่มเลยหรือไม่ขอรับ”ขุนนางคนหนึ่งเดินเข้ามาพลางประสานมือคารวะอย่างนอบน้อม ทั้งๆที่ตัวจริงของมันนั้นเป็นอสูรงูเผือกระดับมายาขั้นที่ 10 เลยทีเดียว หากเทียบกันมันก็ไม่ต่างจากยอดฝีมือของเหล่ามนุษย์ดีๆนี่เอง
“ได้ เริ่มเลย”ไป๋จูเหวินว่าพลางมองเมืองหลวงที่ถูกซ่อมแซมใหม่แล้ว ตอนนี้ข้างกายของไป๋จูเหวินมีอสูรเหลืออยู่ 6 ตน โดย 2 ตนนั้นคือหลินหลินและอสูรปักเป้าที่ติดตามไป๋จูเหวินมาตั้งแต่แรก ส่วนอีก 4 ตนที่เหลือคืออสูรงูเผือก อสูรกวางหิมะ อสูรวัวสามเศียร และอสูรหมาป่าทะเลทราย โดยพวกมันรับตำแหน่งขุนนาง 4 ภาคคอยดูแลเมืองต่างๆอยู่ภายในเมืองหลวง
“ขอรับ”ทันทีที่ได้รับคำสั่งเหล่าขุนนางทั้ง 4 ก็เดินไปรวมตัวกันที่ลานพิธี ก่อนจะเริ่มปล่อยพลังอสูรของตนออกมา
“นี่มันอะไรกัน”เพิร์ลถามพลางมองไปรอบๆ แม้จะเล็กน้อยแต่เพิร์ลก็พอสัมผัสได้ว่าบรรยากาศมันเปลี่ยนไป
“สร้างเขตอสูรยังไงล่ะ”ไป๋จูเหวินตอบพลางใช้ดวงตาสีม่วงมองไปรอบๆ พลังของขุนนางทั้ง 4 แผ่กระจายออกไปโดยรอบ ทำให้เมืองหลวงปกคลุมไปด้วยพลังอสูรจนหมด ยามนี้เมืองหลวงกลายเป็นเขตอสูรที่มีพวกมันทั้ง 4 ตนเป็นราชา
“อย่าบอกนะว่าเจ้าจะทำแบบนี้กับทุกเมือง”เพิร์ลถามพลางกลืนน้ำลายลงคอ มันเคยเข้าเขตอสูรของอาณาจักรตนเองมาก่อน บรรยากาศมันต่างกับภายนอกเล็กน้อย แต่สิ่งที่ต่างกันมากที่สุดก็คือเหล่าอสูรในเขตอสูรจะแข่งแกร่งกว่าข้างนอกมาก
“เปล่า”ไป๋จูเหวินส่ายหน้าพลางมองไปยังผืนแผ่นดินกว้างใหญ่ของอาณาจักรไป๋
“เราทำแบบนี้ทุกที่ แม้แต่เส้นทางสัญจร แม่น้ำ ภูเขา”ไป๋จูเหวินพูดจบเพิร์ลก็ขนลุกวาบ
“แบบนั้น มัน…”เพิร์ลไม่ทราบจะเรียกมันว่าอะไรดี หากทำเช่นนั้นจริงไม่เท่ากับว่าทั้งอาณาจักรกลายเป็นเขตอสูรงั้นหรือ
“มันเรียกว่าค่ายกลอสูร”ไป๋จูเหวินตอบพลางยิ้มออกมาบางๆ เขตอสูรของท่านน้า หรือเขตอสูรใต้แดนลับแลของท่านพ่อต่างก็เป็นค่ายกลอสูร พลังของเหล่าราชาต่างช่วยเพิ่มการเจริญเติมโตของเหล่าอสูรรวมทั้งพืชพันธุ์ หลังจากนี้การทำนาของเหล่าประชาชนคงแปลกตากันมาก แต่ไป๋จูเหวินก็ส่งเหล่าอสูรไปสอนพวกชาวบ้านเรื่องนั้นแล้ว นอกจากนี้ไป๋จูเหวินยังให้พวกอสูรเข้าไปสอนความรู้ต่างๆให้ประชาชนอีกต่างหาก หลังจากนี้ประชาชนชองอาณาจักรไป๋จะไม่ใช่พวกงมงายอีกต่อไป
“องค์จักรพรรดิ มีอสูรปักษาบินเข้ามาขอรับ”อสูรตนหนึ่งที่ทำหน้าที่ทหารพูดพลางชี้ไปบนท้องฟ้า
“รู้แล้ว หากมีอสูรปักษาตัวนี้บินมาอีกอย่าโจมตี ให้มันเข้ามาได้เลย”ไป๋จูเหวินพูดพลางรับเอาอสูรปักษาที่มอบให้อู๋หมิงก่อนหน้านี้มาไว้บนไหล่ ก่อนจะแกะจดหมายที่ติดขาของมันเอาไว้ออกมาอ่าน
“…”ไป๋จูเหวินอึ้งไปพักหนึ่งก่อนจะหันไปมองเหม่ยหลิน
“ท่าทางเราคงต้องไปรับไป๋หลินกลับมาแล้ว”ไป๋จูเหวินตอบพลางยิ้มออกมาบางๆ
“มีอะไรเกิดขึ้นกับหลินเอ๋อหรือเจ้าคะ”เหม่ยหลินมีท่าทีเป็นห่วงบุตรสาวทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น แต่ไป๋จูเหวินกลับส่ายหน้าเบาๆ
“เปล่า ถ้ายังปล่อยหลินเอ๋อเอาไว้ที่นั่น คงได้รบกวนคู่ข้าวใหม่ปลามันแน่ๆ”ไป๋จูเหวินหัวเราะพลางยื่นจดหมายให้เหม่ยหลินทั้งๆที่ยังยิ้มอยู่
“แหม…”เหม่ยหลินอ่านจดหมายก็พลันยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดีเช่นกัน ในที่สุดอู๋หมิงก็แต่งงานเสียที แถมยังแต่งกับหยุนฟางเสียด้วย เรื่องเช่นนี้น่ายินดีจริงๆ