บทที่ 72 การเผชิญหน้า

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠)

บทที่ 72
การเผชิญหน้า

มู่หรงเสวี่ยไม่ได้อยากที่จะคิดถึงเรื่องนี้จึงตอบปฏิเสธออกไป “ไม่เป็นไรค่ะพี่จาง!” ถึงแม้พี่จางจะเจตนาดี แต่ในฐานะผู้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานมันก็ไม่เหมาะที่จะอยู่ในบ้านกับผู้ชาย แน่นอนว่ากับชางกวนโม่มันแตกต่างกัน พวกเขาเป็นคนรักกัน ถึงแม้พวกเขาจะไม่ใช่คู่รักกันจริงแต่เธอก็ปฏิเสธเขาไม่ได้

จางหลินหลี่รู้เหมือนจะเข้าใจเรื่องนี้ในทันที “งั้นผมจะไปส่งคุณที่โรงแรมดรีมการ์เด้นแล้วกันนะซึ่งดูดีและสะดวกสบายดีด้วย” เขารับกระเป๋าไปจากมือมู่หรงเสวี่ยและวางไว้ที่เบาะหลัง

“โอเคค่ะ ฉันไม่เลือกมากหรอกค่ะ ยังไงก็ไม่ได้อยู่นานอยู่แล้ว” มู่หรงเสวี่ยพูด
ไม่นานหลังจากนั้นทั้งสองก็ขับรถมาถึงโรงแรมดรีมการ์เด้น จางหลินหลี่บอกกับเจ้าหน้าที่ด้านหน้าว่าขอเปิดห้องสองห้อง
มู่หรงเสวี่ยตกใจจึงรีบถามออกไป “พี่จาง พี่จะเปิดสองห้องไปทำไมคะ? ฉันไม่ได้แยกร่างได้นะคะ…”

เด็กโง่เอ่ย! “ก็ถูกแล้วไง ห้องหนึ่งสำหรับผมเอง! คุณบอกว่าจะสอนวิธีการฝังเข็มให้ผมไม่ใช่เหรอ? ผมไม่อยากที่จะไปๆมาๆ”

อย่างไรก็ตาม วิธีการฝังเข็มและการรมยาก็ใช้เวลาเรียนแค่ชั่วโมงเดียวเอง เธอกำลังที่จะพูดออกไปแต่เห็นว่าพี่จางรับคีย์การ์ดห้องทั้งสองห้องมาถือไว้แล้ว “ยังไงห้องมันก็พร้อมแล้ว…”

“ไปกันเถอะ” จางหลินหลี่เดินนำไปหยิบกระเป๋าและเดินนำไป หลังจากที่เก็บกระเป๋าเรียบร้อย พวกเขาก็ตัดสินใจที่จะออกไปทานอาหารค่ำกัน

จางหลินหลี่เลือกร้านอาหารสุดหรูชื่อร้านฮ่าวเซียงไล ทั้งสองเดินเข้าไปในร้าน รูปร่างที่สง่างามของทั้งสองที่ยืนอยู่ด้วยกันดึงความสนใจของผู้คนในร้านได้อย่างมากมาย

พนักงานเสิร์ฟเดินนำเข้าไป พาพวกเขาไปที่ห้องที่ชั้นสอง ทันใดนั้นชายหญิงวัยกลางคนคู่หนึ่งก็เดินมาตรงหน้าพวกเขา “หลินหลี่ ลูกมาที่นี่ได้ยังไง?”

จางหลินหลี่พูดกับตัวเองในใจว่าตัวเองทำพลาดแล้ว เขาลืมได้ยังไงว่าพ่อแม่เขาเองก็ชอบมาทานอาหารที่ร้านนี้ด้วยเหมือนกัน “พ่อ แม่! พอดีผมพาเพื่อนมาทานอาหารน่ะครับ เสี่ยวเสวี่ยนี่พ่อแม่ผม พ่อครับ แม่ครับ นี่เพื่อนผม มู่หรงเสวี่ยครับ”

“คุณลุงคะ คุณป้าคะ ฉันเสี่ยวเสวี่ยค่ะ! เสียมารยาทจังที่เพิ่งเจอกันเป็นครั้งแรก”

จางเหวินหมิงที่อายุประมาณ 40 สีหน้าที่ดูดุดันแต่ก็ยังพอมองออกว่าตอนหนุ่มๆเขาจะต้องหน้าตาดีมากๆ ซึ่งละม้ายคล้ายกับจางหลินหลี่อยู่บ้าง ถัดจากเขาคือผู้หญิงคนหนึ่ง ภรรยาของจางเหวินหมิงและแม่ของจางหลินหลี่ ลู่จือหยาน เธอสวมเสื้อผ้าที่ตัดมาอย่างดีพร้อมด้วยสร้อยไขมุกขนาดปานกลางอยู่ล้อมรอบคอซึ่งทำให้เธอดูดีและสง่างามอย่างมาก และเธอกำลังยิ้มมาที่มู่หรงเสวี่ยและจ้องมาที่เธอแต่ในแบบที่สุภาพ

ลู่จือหยานพูดพร้อมรอยยิ้ม “เสี่ยวเสวี่ย ยินดีที่ได้รู้จักนะจ๊ะ เราเพิ่งมาถึงที่นี่ ถ้าไม่รังเกียจเรามาทานด้วยกันดีไหม” เมื่อพูดจบ พวกเขาก็มองไปที่ลูกชายและดูเหมือนจะพอใจกับท่าทางเขินๆของลูกชายในตอนนี้มาก

จางหลินหลี่รู้สึกไม่ดี เขาแค่อยากจะทานกับเสี่ยวเสวี่ยตามลำพัง สองคนนี้เป็นพ่อแม่เขาจริงๆเหรอเนี่ย?! ทำไมถึงชอบเข้ามายุ่งเรื่องของเขาตลอดเลยเนี่ย! เขาขยิบตาไปทางพ่อเพื่อขอให้พาแม่ออกไปที

โชคไม่ดีที่เขาไม่รู้ว่าจางเหวินหมิงไม่เข้าใจหรือจงใจที่จะทำเป็นไม่เข้าใจกันแน่ พ่อจึงถามออกมาอย่างประหลาดใจ “ตาเป็นตะคริวหรือไงลูก?”

ลู่จือหยานหัวเราะอย่างหยาบคาย แล้วก็พบว่าเด็กสาวกำลังมองมาที่เธออยู่จึงกระแอมออกมา “ไปกันเถอะ แม่จองห้องข้างหน้าไว้ ไปทานด้วยกันเถอะ”

มู่หรงเสวี่ยพยักหน้าและตอบด้วยรอยยิ้ม “โอเคค่ะ ขอโทษที่มารบกวนด้วยนะคะ” เธอปฏิเสธคำเชิญจากผู้ใหญ่ไม่ได้ ร้านอาหารนี้เป็นของตระกูลโม่แห่งเมืองหลวง คนที่จะเข้ามาทานที่นี่ได้ต่างก็มาจากตระกูลดังๆกันทั้งนั้น นอกจากนี้พวกเขายังแบ่งแยกออกเป็นระดับกรีน พาวิลเลี่ยนและไวท์ พาวิลเลี่ยน ห้องที่ลู่จื่อหยานจองไว้อยู่ในระดับกรีน พาวิลเลี่ยน พูดได้ว่ามีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีบัตรสมาชิกระดับนี้

หลังจากที่ทุกคนนั่งลง ลู่จือหยานก็อดไม่ได้ที่จะเริ่มนินทา นี่หายากมาก ถึงแม้ลูกชายเธอจะมีคนมาชอบมากมายแต่เธอก็ไม่เคยเห็นเขาสนิทกับผู้หญิงคนไหนเลย เธออดไม่ได้ที่จะห่วงว่าลูกชายจะเบี่ยงเบนหรือเปล่า แต่มันเพียงแค่ว่าเด็กสาวนี่เด็กไปหน่อย “เสี่ยวเสวี่ย หนูยังเด็กอยู่เลย ช่วงนี้หนูไม่ต้องไปโรงเรียนเหรอจ๊ะ?”

“แม่ครับ…” จางหลินหลี่ร้องอย่างช่วยไม่ได้ เขารู้ว่าแม่ตัวเองมีนิสัยแบบนี้ เพียงแค่จะทำให้เสี่ยวเสวี่ยกลัว

มู่หรงเสวี่ยยิ้มอย่างสุภาพ ไม่ได้รู้สึกถูกคุกคามเลยสักนิด ถ้าเป็นแม่เธอก็คงจะถามมากกว่านี้ “คุณป้าค่ะ หนูสมัครเรียนแบบเรียนด้วยตัวเองค่ะ เลยมีเวลาว่างค่อนข้างมาก แล้วก็ต้องขอบคุณพี่จางด้วยที่ช่วยดูแล เดี๋ยวอีกสองวันหนูก็จะกลับแล้วค่ะ”

“แล้วการเรียนแบบนี้ต้องยื่นเกรดหรือเปล่าจ๊ะ? เกรดออกมาดีหรือเปล่า?!!”
“ค่ะคุณป้า หนูสอบผ่านข้อสอบสำหรับสามปีในมัธยมเรียบร้อยแล้วค่ะ หนูเลยได้รับอนุญาตเป็นพิเศษ”

ดีมาก เด็กที่เรียนดีไม่น่าจะเลวร้ายอะไร “แต่เสี่ยวเสวี่ย หนูจะไปที่ไหนเหรอจ๊ะ? บ้านหนูไม่ได้อยู่ที่เมืองหลวงหรือจ๊ะ?”

“แม่ครับ แม่หิวแล้วไม่ใช่เหรอ? ทานกันก่อนดีไหมครับ”
“เวลาที่ผู้หญิงคุยกัน จะมีอะไรมาห้ามได้ล่ะ? มีเรื่องให้คุยกันตั้งเยอะ” จางเหวินหมิงพูดเข้าข้างภรรยา ไอ้ลูกชายตัวแสบ ยิ่งโตก็ยิ่งแสบและมักจะทำให้ภรรยาเขาโกรธตลอด

จางหลินหลี่พูดขึ้น “ผมขอตอบแทนนะครับ เธอไม่ได้มาจากเมืองหลวงครับ” ตอนนี้ที่เมือง A ไม่ค่อยดีเท่าไร มีปัญหาอยู่นิดหน่อยแต่พวกเขาไม่ได้เลือกจากครอบครัว เด็กสาวดูดีมากจริงๆทั้งสวย, สุภาพ, มารยาทก็ดี เดาว่าต้นกำเนิดคงไม่แย่เพราะผลที่ออกมาดีมาก ลู่จือหยานดูท่าทางจะพอใจมากขึ้นไปอีกแต่จะเป็นไปได้ไหมถ้าให้เธอย้ายมาที่เมืองหลวง

“เสี่ยวเสวี่ย หนูอยากจะย้ายมาที่เมืองหลวงไหมจ๊ะ? อยากให้ป้าช่วยอะไรไหม? ป้าพอจะมีเส้นสายในเมืองหลวงอยู่บ้าง”

มู่หรงเสวี่ยประทับใจคู่สามีภรรยาตระกูลจางมาก นี่ยังไม่พูดถึงท่าทางใจดีของลู่จือหยานอีกซึ่งใจดีกับเธออย่างมาก “ไม่ได้หรอกค่ะ หนูแค่มาร่วมงานการประชุมหินการพนันนานาชาติเท่านั้นค่ะ งานประชุมใกล้จะจบแล้ว หนูจึงพร้อมที่จะกลับแล้ว…”

แม้แต่จางเหวินหมิงก็ยังประหลาดใจอยู่นิดหน่อย ไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าร่วมงานประชุมหินการพนันนานาชาติได้ ดูเหมือนว่าเด็กสาวคนนี้จะไม่ธรรมดาเลย

ลู่จือหยานประหลาดใจแต่เพราะการฝึกอบรมมาจากตระกูลชนชั้นสูงของเธอทำให้ไม่กล้าที่จะถามเรื่องชีวิตของคนที่เพิ่งเจอกันเป็นครั้งแรกได้ “งั้นถ้าว่างก็แวะมาเที่ยวที่ตระกูลจางบ้างนะ ถ้าหลินหลี่แกล้งอะไรหนูมาบอกป้าได้นะ ป้าจะจัดการให้…” ความรู้สึกเหมือนมู่หรงเสวี่ยเป็นลูกสะใภ้เลย

จางหลินหลี่อายมากจนอยากที่จะขุดหลุมฝังตัวเองลงไปจริงๆ “เสี่ยวเสวี่ย อย่าไปคิดมากเลยนะ แม่ฉันก็เป็นแบบนี้แหละ” เขากลัวว่าเสี่ยวเสวี่ยจะเข้าใจผิดและอาจจะถึงขนาดกลัวที่จะพูดความในใจออกมาด้วย

ถึงแม้มู่หรงเสวี่ยจะรู้สึกว่าคุณป้าลู่จะกระตือรือร้นไปหน่อย แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกแตกต่างอะไร เธอตอบไปด้วยรอยยิ้ม “จะรังเกียจได้ยังไงคะ? คุณป้าทั้งใจดีและอบอุ่นแบบนี้ ท่านเป็นแบบอย่างที่ฉันควรจะศึกษาไว้เลย”

“ฮ่าฮ่าฮ่า จริงเหรอจ๊ะ?” ลู่จือหยานรู้สึกภูมิใจเล็กๆ “เสี่ยวเสวี่ยปากหวานจริงๆ ฮ่าฮ่า! ฉันชอบจังที่ได้ยินแบบนี้…”
จางหลินหลี่ “….”
มู่หรงเสวี่ย “….”

ไม่นาน อาหารค่ำก็จบลงมีความสุขไปพร้อมกับคำนินทาของลู่จือหยาน จางเหวินหมิงก็ร่วมมือด้วยและจางหลินหลี่ก็อดไม่ได้ที่จะขอโทษมู่หรงเสวี่ย พวกเขาถึงขนาดแลกเบอร์โทรกันด้วย ลู่จือหยานเชิญมู่หรงเสวี่ยให้มาเที่ยวซ้ำแล้วซ้ำอีก หลังจากนั้นมู่หรงเสวี่ยเองก็รับปากเธอว่าจะมาตามคำเชิญ ในเวลานี้เธอสามารถยิ้มและพูดได้เหมือนราวกับเป็นสมาชิกในครอบครัวเลย เธอกลมกลืนอย่างกับเป็นครอบครัวได้อย่างธรรมชาติ

หลังจากทานอาหารเสร็จ ลู่จือหยานก็ถามว่าสองวันนี้ มู่หรงเสวี่ยพักอยู่ที่ไหนและอยากที่จะไปเที่ยวที่ตระกูลจางหรือเปล่า เมื่อเธอได้รู้ว่ามู่หรงเสวี่ยพักอยู่ที่โรงแรมและลูกชายเธอก็ด้วย เธอดึงลูกชายออกมาด้านข้างและสอนลูกชายว่าอย่าทำอะไรไม่ดี อย่ารังแกผู้หญิงเพียงเพราะอารมณ์พาไป

ในตอนแรกจางหลินหลี่ไม่เข้าใจและต่อมาเมื่อเขาเข้าใจก็เริ่มรู้สึกอายมากขึ้นเรื่อยๆ แม่คิดว่าเขา…จึงพูดไปว่าเสี่ยวเสวี่ยยังเด็กอยู่เลยและตอนนี้มันก็ไม่เหมาะสมด้วย…ถึงแม้เขาจะห้ามตัวเองไม่ได้ แต่เขาก็ควรที่จะคิดถึงเรื่องอายุของเสี่ยวเสวี่ยด้วยและเรื่องอื่นๆอีก

หลังจากนั้น จางหลินหลี่ก็พูดสัญญาซ้ำแล้วซ้ำอีกกับ ลู่จือหยาน แล้วเธอกับสามีจึงกลับบ้านไป
ในคืนนั้นทั้งสองต่างก็กลับไปที่ห้องโรงแรม
ในห้องนั่งเล่นของมู่หรงเสวี่ย

“เสี่ยวเสวี่ย วันนี้ฉันต้องขอโทษจริงๆนะ หวังว่าเธอคงไม่รังเกียจเรื่องที่แม่ฉันพูดนะ…” จางหลินหลี่พูดขอโทษมู่หรงเสวี่ย

เธอรินน้ำใส่แก้วให้เขา “ไม่หรอกค่ะ แม่คุณน่ารักมากๆ ฉันชอบมากเลย”
“จริงเหรอ?! ดีเลย ฮ่าฮ่า ว่าแต่วันนี้คุณเหนื่อยหรือเปล่า ผมยังไม่เรียนเรื่องการฝังเข็มก็ได้นะ…” นี่มันก็สองทุ่มแล้วด้วย

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่เหนื่อย ฉันว่าสอนวันนี้เลยดีกว่า ไม่งั้นฉันไม่รู้ว่าตัวเองจะมีเวลามาสอนคุณเมื่อไรหลังจากที่กลับไปแล้ว…”

“งั้นมีอะไรจะให้ผมช่วยไหม?” จางหลินหลี่ถาม

“ไม่ค่ะ ฉันจะสอนคุณเรื่องพื้นฐานก่อน จำไว้นะ…”

ตามเนื้อหาที่เธอได้เรียนรู้มาจากในหนังสือทางการแพทย์โบราณ มู่หรงเสวี่ยอธิบายกับจางหลินหลี่ถึงรายละเอียด:

“การฝังเข็มและการรมยาเป็นเทคนิคทางการแพทย์สำหรับ “รักษาโรคภายในและการรักษาภายนอก” โดยผ่านทางเส้นลมปราณและจุดฝังเข็ม ตลอดจนการประยุกต์ใช้วิธีการดำเนินการบางอย่างเพื่อรักษาระบบของโรค ในการปฏิบัติทางคลินิก ตามวิธีการวินิจฉัยและการรักษาของแพทย์แผนจีน เราควรวินิจฉัยหาสาเหตุ, ค้นหาประเด็นสำคัญ, ระบุลักษณะ, สร้างความชัดเจนว่าโรคเส้นลมปราณและอวัยวะภายในใดและทำการวินิจฉัย จากนั้นจึงดำเนินการตามใบสั่งแพทย์ เพื่อการฝังเข็มสำหรับการรักษา เพื่อที่จะขุดลมปราณ, ควบคุมพลังฉีและเลือด, ทำให้หยินและหยางกลับสู่สมดุลสัมพัทธ์, การทำงานของอวัยวะภายในมีแนวโน้มที่จะกลมกลืนกันเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการป้องกันโรค

“การฝังเข็มและการรมยาทั้งช่วยป้องกันและรักษาโรคต่างๆ การฝังเข็มจะใช้เข็มที่ทำจากโลหะซึ่งสอดเข้าไปในจุดฝังเข็มบางจุดของร่างกายมนุษย์ และการรมยาถูกใช้เพื่อปรับสภาวะที่หยิงชี่และเว่ยชี่สมดุลและเลือด การรมยาจะใช้โกฐรูปแท่งลนที่พื้นผิวของการฝังเข็ม เพื่อที่จะอุ่นช่องและประสานฉีและเลือด

“วิธีการฝังเข้มเส้นขน: เป็นวิธีการรักษาภายนอกชนิดหนึ่งที่ใช้เทียนกำมะหยี่หรือยาอื่น ๆ วางบนจุดฝังเข็มบนผิวกายเพื่อทำให้เหล็กร้อนและอุ่นเหล็ก ด้วยความร้อนอ่อน ๆ จากการรมยาและฤทธิ์ของยาซึ่งจะช่วยอุ่นและปลดล็อกฉีและเลือด, เสริมสร้างร่างกายและกำจัดปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ในการรักษาโรคและป้องกันการดูแลสุขภาพ”
“วิธีการใช้เข็มอื่น ๆ: เข็มสามเหลี่ยม, การฝังเข็มผิวหนัง, การฝังเข็มภายใน, การฝังเข็มไฟ, เข็มสว่าน, การฝังเข็มด้วยไฟฟ้า, เข็มอุ่นและการบำบัดด้วยการฝังด้าย”
“…”