ช่วงเช้าผ่านไปอย่างราบรื่น ในที่สุดถังซีก็ได้รับเลี้ยงอาหารทะเลที่เธอทานไม่ได้มานาน… แม้จะเป็นเวลาเพียงไม่กี่วัน แต่ถังซีรู้สึกราวกับเธอไม่ได้พบเจออาหารทะเลมาตลอดครึ่งชีวิต

 

 

เฉินจื้อเยี่ยนกะพริบตาปริบๆ มองถังซีซึ่งมีท่าทางพึงพอใจ ตั้งหน้าตั้งตากินไม่พูดไม่จา แล้วมองดูกองเปลือกกุ้งและกระดองปูกองใหญ่ตรงหน้าเธอ แล้วถามถังซี “เธออิ่มไหม”

 

 

ถังซีไม่สนใจภาพพจน์สาวน้อยน่ารัก เธอเรอออกมาหน้าตาเฉยและพยักหน้า เมื่อเงยหน้าขึ้นมองเฉินจื้อเยี่ยนเธอก็ตะลึงงัน มีท่าทางคิดอะไรบางอย่าง แล้วรีบเรียกพนักงานเสิร์ฟมาสั่งกุ้งไม้ไผ่เพิ่มครึ่งกิโลกรัม เฉินจื้อเยี่ยนมองเธอด้วยความตกใจ ขยับมือที่ซ่อนอยู่ใต้โต๊ะแตะกระเป๋าเงิน ไม่แน่ใจว่าเธอนำเงินมาพอจ่ายค่าอาหารหรือเปล่า… แต่ทันทีนั้นเธอก็นึกถึงตอนที่เซียวโหรวคอยสอนเธอในชั่วโมงคณิตศาสตร์เมื่อเช้านี้ ซึ่งช่วยเธอได้มาก เธอสูดลมหายใจลึกๆ … เอาเถอะ ถ้ามีเงินมาไม่พอเธอจะโทรขอความช่วยเหลือจากมารดา!

 

 

“ท้องฉันแน่นไปหมดแล้ว” ถังซีหยิบแก้วน้ำส้มมาจิบ พลางบ่นในใจว่า ‘โอย ต้องโทษศูนย์ ศูนย์ แปด ไม่อย่างนั้นฉันคงได้มานั่งทานกุ้งก้ามกรามจิบไวน์ขาวที่นี่อย่างสบายใจ ถ้าได้อย่างนั้นจะวิเศษขนาดไหน!’

 

 

เฉินจื้อเยี่ยนกะพริบตาปริบๆ ไม่ช้ากุ้งไม้ไผ่ก็มาเสิร์ฟ ดวงตาถังซีเป็นประกาย ขณะเฉินจื้อเยี่ยนกำลังจะรับจานกุ้งจากพนักงานเสิร์ฟ ถังซีก็ยื่นมือมารับไปก่อน เฉินจื้อเยี่ยนมองด้วยความงุนงง ถังซีไม่อยากให้เธอช่วยปอกกุ้งให้หรือ

 

 

ขณะที่เธอกำลังจะถาม ถังซีก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันทานอย่างเดียวเลยในขณะที่เธอปอกเปลือกกุ้งให้ฉัน แต่เธอยังไม่อิ่มใช่ไหม คราวนี้ฉันจะปอกกุ้งให้เธอบ้าง เธอแค่ทานอย่างเดียวนะ”

 

 

ขณะพูดเธอก็ปอกเปลือกกุ้งตัวหนึ่ง ส่งเนื้อกุ้งให้เฉินจื้อเยี่ยนแล้วยิ้มให้ “ทานได้แล้ว”

 

 

ดวงตาเฉินจื้อเยี่ยนแดงเรื่อ เธอไม่คาดคิดว่าเซียวโหรวจะใจดีมากอย่างนี้ เซียวโหรวสั่งกุ้งมาอีกครึ่งกิโลกรัมไม่ใช่เพราะยังไม่อิ่ม แต่เพราะเซียวโหรวคิดว่าเธอยังไม่อิ่ม!

 

 

ถังซีอึ้งทำอะไรไม่ถูกเมื่อเห็นเฉินจื้อหยานจะร้องไห้ เธอรีบเช็ดมือแล้วหยิบกระดาษทิชชูส่งให้เฉินจื้อเยี่ยน “เอ้ย เสี่ยวจื้อเยี่ยนที่รัก ร้องไห้ทำไม เดี๋ยวคนอื่นก็คิดว่าฉันรังแกเธอหรอก!”

 

 

เฉินจื้อเยี่ยนรู้สึกเหมือนมีก้อนแข็งๆ ติดอยู่ในลำคอ เธอกลืนเนื้อกุ้งแล้วยิ้มให้ถังซีพร้อมกับกล่าวว่า “ฉันไม่เคยมีเพื่อนแท้สักคนเลย คนที่เมือง W มาเป็นเพื่อนกับฉันเพราะครอบครัวฉัน หรือไม่ก็ถูกพ่อแม่บังคับให้คบฉัน ในเมือง A ฉันก็ไม่มีเพื่อนแท้เลยเหมือนกัน เธอเป็นเพื่อนคนแรกที่ทั้งแม่และฉันชอบจากใจจริง ฉันคิดว่าเธอจะเป็นเหมือนพวกเขา… แต่เธอไม่เหมือน…”

 

 

ถังซีเม้มริมฝีปาก เธอแตกต่างจากคนอื่นไหม เธอยอมคบเฉินจื้อเยี่ยนเป็นเพื่อน เพราะไม่อยากให้เฉินจื้อเยี่ยนบอกคนอื่นๆ ถึงเรื่องที่มารดาของเด็กสาวเล่าให้ฟัง แต่เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินจื้อเยี่ยน เธอก็รู้สึกว่าไม่เลวเลยที่จะคบหาเป็นเพื่อนกับเด็กผู้หญิงคนนี้

 

 

ดวงตาเฉินจื้อเยี่ยนแดงเรื่อ เธอสูดจมูกฟุดฟิดแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มทั้งน้ำตา “เพื่อนเก่าๆ ของฉันสนใจแค่สิ่งที่ฉันจะให้พวกเขาได้ พวกเขาประจบฉันเวลาอยากได้อะไรจากฉันเท่านั้น พวกเขาไม่เคยสนใจเลยว่าฉันอิ่มหรือเปล่า ไม่เคยถามฉันแบบที่เธอถามเมื่อกี้”

 

 

ขณะเธอพูดถังซีก็ส่งกุ้งให้อีกตัว เฉินจื้อเยี่ยนตัวแข็งแล้วยิ้มพร้อมกับกล่าวต่อไปว่า “แต่เธอแตกต่างจากคนอื่น เธอห่วงใยฉันมาก ใส่ใจว่าฉันอิ่มหรือยัง แล้วก็ปอกเปลือกกุ้งให้ฉันด้วย เธอใจดีจริงๆ ฉันอยากเป็นเพื่อนสนิทของเธอจริงๆ”

 

 

“ฉันคอยแนะนำเรื่องเรียนให้เธอเพราะฉันตัดสินใจที่จะเป็นเพื่อนกับเธอ” ถังซียิ้ม ก่อนหน้านี้เธอเป็นคนที่แทบไม่สนใจความคิดของคนอื่น ไม่เคยคิดว่าต้องสนใจด้วยซ้ำ เธอจึงถูกคนเหล่านั้นนินทาว่าร้ายมาตลอด แต่ตอนนี้เธอได้พบแล้วว่าในความเป็นจริง บางครั้งผู้คนจำนวนมากและสิ่งต่างๆ มากมายสมควรได้รับความรัก ตราบใดที่คุณรู้จักเลือกคนที่เหมาะสม คุณจะได้รับรางวัลจากการมอบความรักนั้น

 

 

เมื่อเห็นว่าเฉินจื้อเยี่ยนผู้อ่อนไหวกำลังจะพูดขึ้นอีก ถังซีก็ยิ้มและกล่าวว่า “เอาล่ะ ทานกุ้งก่อน ใกล้จะบ่ายโมงครึ่งแล้ว เดี๋ยวเราต้องกลับไปเรียน”

 

 

เฉินจื้อเยี่ยนพยักหน้า รับกุ้งที่ถังซีส่งให้ด้วยรอยยิ้ม แล้วตั้งหน้าตั้งตาทานพร้อมกับกล่าวว่า “จริงๆ เมื่อกี้ฉันก็ทานไปบ้างแล้ว แต่ตอนนี้เธอแกะกุ้งให้ฉัน ฉันคิดว่าฉันคงทานได้หมดนี่เลย”

 

 

ถังซีเลิกคิ้ว มองร่างเล็กๆ ของเฉินจื้อเยี่ยน แล้วกล่าวว่า “เธอยังทานได้มากกว่านี้อีกนะ จะดีต่อสุขภาพของเธอ”

 

 

 

 

ตลอดทั้งช่วงบ่ายเป็นชั้นเรียนภาษาต่างประเทศ และถังซีก็ง่วงนอน เธออยากงีบหลับเหลือเกิน เมื่อได้ยินเสียงกระท่อนกระแท่นของครูสอนภาษาฝรั่งเศสและรัสเซีย อย่างไรก็ตาม… เมื่อหันไปเห็นเฉินจื้อเยี่ยนจดบันทึกอย่างขะมักเขม้นเธอก็ถอนหายใจ แล้วชี้ไปที่สมุดจดของเฉินจื้อเยี่ยน กล่าวว่า “คำนี้ ถ้าเธอใช้เพื่อบ่งบอกความรู้สึก เธอจะจำได้ง่ายขึ้น คำคำนี้มีความหมายมากมาย หนึ่งในนั้นคือ ความรัก…”

 

 

เมื่อได้ยินคำอธิบายของถังซี ดวงตาเฉินจื้อเยี่ยนก็เป็นประกาย เธอเข้าใจคำอธิบายของถังซีทันที เธอมองหน้าถังซีด้วยสายตารักใคร่ชื่นชมและกระซิบว่า “เธอนี่สุดยอดจริงๆ!”

 

 

ถังซีใช้ปากกาดันศีรษะเฉินจื้อเยี่ยนที่เอียงเข้ามาใกล้ออกไป แล้วบอกอย่างจริงจัง “จดไป”

 

 

เฉินจื้อเยี่ยนยิ้มและจดบันทึกต่อไป เธอถามคำถามถังซีเป็นครั้งคราว ครูสอนภาษาต่างประเทศมองพวกเธอแล้วเม้มปาก แต่ไม่กล้าพูดอะไรเลย เพราะอะไรน่ะหรือ ก็เพราะถ้าถังซีพูดกับเธอเป็นภาษาต่างประเทศ จะเหมือนเป็นการตบหน้าเธอ! น่าหงุดหงิดใจจริงๆ! ทำไมถึงต้องมีอัจฉริยะทางภาษาต่างประเทศในชั้นเรียนของเธอด้วย!

 

 

เธอได้ยินมาว่านักเรียนคนนี้กำลังจะข้ามเกรด ก็แล้วทำไมถึงไม่สอบข้ามเกรดไปเสียที ไม่น่าจะอยู่ให้เธอท้อแท้ใจนานไปกว่านี้!

 

 

ถังซีไม่ได้ล่วงรู้ความคิดของคุณครูสอนภาษาต่างประเทศ เธอคอยสอนเฉินจื้อเยี่ยนเพิ่มเติมในขณะที่การสอนในชั้นเรียนดำเนินไป ในไม่ช้าก็ถึงเวลาเลิกเรียน ทันทีที่ระฆังโรงเรียนดังขึ้น หนิงเคอก็รีบเข้ามาหาเธอ “เอ้อ เซียวโหรว…”

 

 

ถังซีหันไปมองเขาและยิ้มให้ “มีอะไรเหรอ หนิงเคอ”

 

 

“วันนี้คนขับรถที่บ้านมารับฉัน ขอให้ฉันไปส่งเธอกลับบ้านนะ เธอ…”

 

 

ก่อนที่เขาจะพูดจบ ถังซีก็ยิ้มแล้วกล่าวว่า “วันนี้ฉันก็มีคนมารับเหมือนกัน เธอจะได้ไม่ต้องออกนอกเส้นทางไปส่งฉัน เอาไว้วันอื่นนะ แล้วเจอกัน!”