ถังซีรีบวิ่งไปที่ประตูโรงเรียนโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อหนิงเคอตามมาทัน เธอก็ขึ้นรถหรูสีดำแล่นออกไปแล้ว
หนิงเคอมองตามไปในทิศทางที่ถังซีจากไปด้วยความผิดหวัง แล้วเดินไปที่รถของบ้านเขา เขาเปิดประตูรถ และได้เห็นพี่ชายคนที่สามกำลังมองเขาด้วยสายตาขบขัน เขาขมวดคิ้วถามอย่างขุ่นเคือง “ทำไมพี่ถึงมาเอง ทำไมไม่เป็นคนขับรถของเราตามปกติ”
หนิงเหยี่ยนมองตามรถยนต์ที่ลับสายตาไป เบ้ปากแล้วสตาร์ทรถ เขาเหลือบมองน้องชายและกล่าวอย่างเย็นชา “นายคิดว่าฉันอาสามารับนายเองหรือ คุณแม่ให้ฉันมา! ฉันงานยุ่งมาก…”
“ผมไม่ได้ขอให้พี่มารับสักหน่อย” หนิงเคอวางกระเป๋าไว้บนเบาะหลังอย่างไม่แยแส คาดเข็มขัดนิรภัยแล้วหลับตาลงเพื่องีบหลับ
หนิงเหยี่ยนมองเขาแล้วส่งเสียงคำรามจากลำคอ เขาเห็นชัดเจนว่าน้องชายผิดหวังมากแค่ไหนเมื่อกี้นี้ แม้จะไม่สนใจ อยากปล่อยให้น้องชายเรียนรู้เป็นบทเรียน แต่ถึงยังไงหนิงเคอก็เป็นน้องชายเขา ถ้าเขาไม่ตักเตือนเด็กโง่คนนี้ เด็กคนนี้ก็จะอกหัก และแม่เขาจะต้องเสียใจ
เมื่อคิดเช่นนี้ หนิงเหยี่ยนก็เม้มปากก่อนจะกล่าวว่า “เซียวโหรวไม่ใช่ผู้หญิงที่เหมาะกับนาย เธออายุมากกว่านายเกือบสิบปี นายควรลืมเธอเสีย และมุ่งมั่นกับการเรียนจะดีกว่า นี่… ได้ยินที่ฉันพูดไหม”
“ไม่” หนิงเคอตอบทั้งที่ไม่ลืมตา
หนิงเหยี่ยนขมวดคิ้วและกล่าวอย่างจริงจัง “ถ้านายไม่ยอมฟังคำแนะนำของฉัน อย่ามาร้องไห้ให้ฉันเห็นก็แล้วกันตอนที่นายอกหัก อะไรทำให้นายคิดว่าเซียวโหรวจะรักนาย… ฮึ ไอ้หนู อย่างมากที่สุดเธอก็เห็นนายเป็นแค่น้องชาย”
“พอแล้ว!” หนิงเคอลืมตาขึ้นจ้องมองหนิงเหยี่ยนทันที “พี่เก็บ ‘คำแนะนำ’ ไว้ใช้กับดาราสาวๆ ของพี่เถอะ ไม่ต้องมายุ่งกับผม! ผมไม่ได้อยากเป็นดาราในหนังของพี่!”
“นายมันเด็กเนรคุณ!” หนิงเหยี่ยนขบเขี้ยวเคี้ยวฟันขณะกล่าวว่า “อย่ามาร้องไห้ซมซานกับฉัน ตอนผิดหวังก็แล้วกัน!”
“ผมไม่ทำอย่างนั้นแน่!”
…
ทางอีกด้านหนึ่ง ถังซีเหนื่อยหอบตั้งแต่ขึ้นรถ เฉียวเหลียงขมวดคิ้วเมื่อเห็นเธอเหนื่อยจนหมดแรง และถามอย่างอ่อนโยน “เกิดอะไรขึ้น ทำไมต้องวิ่งเร็วขนาดนั้น”
ถังซีหายใจทางปากก่อนจะกล่าวว่า “ไม่มีอะไรค่ะ เด็กผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นแฟนรุ่นเด็กของฉัน อยากจะไปส่งฉันกลับบ้าน ฉันเลยต้องวิ่งเร็วกว่าปกติ”
เฉียวเหลียงขมวดคิ้วหันไปมองเธอ “แฟนรุ่นเด็กเหรอ”
ถังซีจับศีรษะเขาหันไปตรงๆ ให้เขามองไปข้างหน้า แล้วกล่าวอย่างจริงจัง “ฉันว่าเป็นแค่ความรักแบบเด็กๆ ของเขาเท่านั้นแหละ ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ว่าแต่คุณได้กลับไปพักผ่อนที่บ้านหรือเปล่าวันนี้”
เฉียวเหลียงเหลือบมองเธอ แล้วขับรถต่อไปพร้อมกับบอกว่า “ฮื่อ ผมได้งีบหลับหลังอาหารกลางวัน”
ถังซียิ้มอย่างมีความสุข “เย็นนี้ฉันจะอยู่กับคุณ ฉันจะฝังเข็มให้คุณป้าเฉียว หลังจากที่คุณหลับไปแล้ว ฉันจะพยายามช่วยให้ท่านได้ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง”
เฉียวเหลียงหันมามองถังซี ถังซีจับศีรษะเขาหันกลับไป แต่เขาก็หันกลับมามองเธออีก “ซีซี…”
ถังซีมองตรงไปข้างหน้า ใบหน้าแดงก่ำขณะกล่าวว่า “โอ ฉันรู้ ว่าฉันสวยมีเสน่ห์ แต่ว่าฉันเขิน และเขินมากเวลาคุณมองฉันแบบนี้!”
เฉียวเหลียงมองหน้าเธอแล้วเลิกคิ้ว เขารู้สึกว่าหลังจากซีซีกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เธอแตกต่างไปจากเมื่อก่อนมาก จู่ๆ เธอก็เชี่ยวชาญในทักษะมากมายที่ไม่เคยมีมาก่อน
ถังซีเหลือบมองเฉียวเหลียงจากทางหางตา รอยยิ้มบนใบหน้าเธอจางหายไป เธอรู้ว่าเฉียวเหลียงคงสงสัย แต่เธอบอกเฉียวเหลียงเรื่องการมีอยู่ของ 008 ไม่ได้ เพราะเขาจะตกใจมากเกินไป! เธอยอมรับการมีอยู่ของ 008 ได้อย่างรวดเร็วในเวลานั้น เพราะเธอเพิ่งเสียชีวิตอย่างกะทันหัน และกำลังปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะได้รับความช่วยเหลือ แต่เฉียวเหลียงแตกต่างออกไป เกินกว่าขีดจำกัดของเขาที่จะยอมรับวิธีการเกิดใหม่ของเธอ เขาจะไม่สามารถยอมรับความจริงได้ว่า เธอได้ครอบครองระบบที่มีอำนาจในทุกด้าน
ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรกันอีกจนกระทั่งถึงบ้านเฉียวเหลียง ทันทีที่ถังซีลงจากรถเธอก็เห็นเฉียวอวี่ซินและพ่อบ้านมารอรับอยู่ที่หน้าประตู ถังซีรีบเข้าไปหาอย่างรวดเร็ว และกอดเฉียวอวี่ซินที่นั่งอยู่บนรถเข็น เฉียวอวี่ซินมองหน้าถังซีด้วยความดีใจ “ดีจริงๆ หนูดูหายดีแล้ว หน้าตามีน้ำมีนวล เมื่อมีแก้มมากขึ้นแล้วหนูยิ่งดูน่ารัก ดีมากจริงๆ”
ถังซีก็พิจารณาดูเฉียวอวี่ซินขึ้นๆ ลงๆ และกล่าวว่า “ใช่ค่ะ คุณป้าเองก็ดูอารมณ์ดีเหมือนกัน คุณป้าต้องหายดีเร็วๆ นี้ค่ะ ดูเหมือนว่าการที่อาเหลียงกลับบ้านจะดีต่อสุขภาพคุณป้า”
เฉียวอวี่ซินยิ้มให้เธอแล้วกล่าวว่า “ป้าก็เป็นของป้าแบบนี้มาตลอด หนูแค่พยายามทำให้ป้ามีความสุขใช่ไหม แต่…” เฉียวอวี่ซินมองไปทางเฉียวเหลียงด้วยรอยยิ้ม ขณะกล่าวว่า “แต่หนูพูดถูก ป้ามีความสุขมากทุกครั้งที่อาเหลียงกลับบ้าน”
ถังซีหัวเราะเบาๆ เข็นรถเข็นพานางเข้าไปในบ้านพร้อมกับเฉียวเหลียง เฉียวอวี่ซินกล่าวว่า “ป้าเตรียมอาหารทะเลไว้ให้หนูด้วย หนูอยากทานอะไร”
“หอยเป๋าฮื้อ! หอยลาย!” ถังซีมองหน้าเฉียวเหลียงแล้วหัวเราะ “กับกุ้งซอสหัวหอมค่ะ!”
เฉียวเหลียงยิ้ม “ถ้าอย่างนั้นคุณคุยกับแม่ผมที่นี่ก่อนนะ ผมจะไปทำกุ้งซอสหัวหอมให้”
ถังซียิ้ม เข็นรถเข็นพาเฉียวอวี่ซินไปที่สนามหญ้า จากนั้นเธอก็หยุดแล้วนั่งลงบนสนามหญ้าข้างๆ เฉียวอวี่ซิน เงยหน้าขึ้นมองหญิงชราและกล่าวอย่างอ่อนโยน “คุณป้าเฉียวคะ หนูจะเริ่มฝังเข็มและนวดให้คุณป้าตั้งแต่วันนี้ ให้หนูช่วยให้คุณป้าลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง ได้ไหมคะ”
เมื่อเฉียวอวี่ซินได้ยินเฉียวเหลียงบอกว่าเซียวโหรวจะมาวันนี้ นางก็คิดอยู่ว่าเธอจะมานวดให้นางใช่ไหม เธอจะพยายามทำให้นางลุกขึ้นยืนให้ได้ใช่ไหม แต่ตอนนี้นางรู้สึกไม่แน่ใจ นางจะลุกขึ้นยืนได้อีกครั้งจริงๆ หรือ นางจะกลับมาเดินอย่างมั่นใจด้วยรองเท้าคู่โปรดของนางได้หรือเปล่า
เฉียวอวี่ซินมองหน้าถังซีด้วยสายตาสับสน “ป้าจะลุกขึ้นยืนได้หรือ”
หัวใจถังซีกระตุกอย่างแรงเมื่อได้ยินน้ำเสียงหวาดวิตกนั้น จริงๆ แล้วคุณป้าเฉียวอยากลุกขึ้นยืน นางแค่ไม่กล้าที่จะเชื่อว่าตัวเองจะลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง นางกลัวว่าจะทำไม่ได้แม้จะพยายามแล้วก็ตาม นางจึงปฏิเสธไม่ยอมคิดถึงเรื่องนี้…
เธอจับมือเฉียวอวี่ซินไว้ กล่าวอย่างอ่อนโยนแต่หนักแน่นว่า “ได้สิคะ ตราบใดที่คุณป้าต้องการ คุณป้าจะสามารถลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง หนูจะช่วยคุณป้าเองค่ะ ถึงแม้ว่ากล้ามเนื้อขาของคุณป้าจะมีอาการอ่อนแรงบ้าง แต่หนูยังสามารถทำให้คุณป้าลุกขึ้นยืนได้ค่ะ แล้วอีกอย่างขาของคุณป้าก็ได้รับการบำบัดดูแลอย่างดีในช่วงห้าปีที่ผ่านมา กล้ามเนื้อจึงไม่เสื่อมเลย หนูรับรองว่าคุณป้าต้องลุกขึ้นยืนได้อีกครั้งอย่างแน่นอน ได้โปรดเชื่อหนูเถอะนะคะ”
เมื่อเห็นว่าถังซีมั่นใจมาก เฉียวอวี่ซินก็พยักหน้าแต่โดยดี “ตกลงจ้ะ ป้าเชื่อใจหนู”
ถังซียิ้ม เข็นรถเข็นพาเฉียวอวี่ซินกลับเข้าไปในบ้าน พานางไปที่ห้องของนาง ช่วยพยุงเฉียวอวี่ซินขึ้นไปนอนบนเตียง แล้วหยิบเข็มเงินมาลงมือฝังเข็มให้นาง “คุณป้าคะ หนูจะกระตุ้นด้วยการฝังเข็มก่อนนะคะ แล้วค่อยนวดให้คุณป้า คุณป้าจะฟื้นตัวในไม่ช้า หลังจากนั้นคุณป้าจะสามารถลุกขึ้นเดินได้อีกครั้งค่ะ”