ตอนที่ 788 : รับรางวัล

Nine Sun God King เทพราชันเก้าตะวัน

ตอนที่ 788 : รับรางวัล

 

ร่างกายหลงเฉิ่งขวงแหลกเละกระจัดกระจายทั่วพื้น ฉินหยุนปลดปล่อยอัคคีเพลิงสีดําออกมาเผาไหม้พวกมันจนกลายเป็นเศษธุลี

 

ผู้คนของตระกูลหลงและเขตแดนลึกล้ําที่เมื่อครู่ยินดี เวลานี้อารมณ์ยินดีที่ค้างคา กลบกลายเป็นตื่นตะลึงต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นหลงเฉิ่งขวงถูกฉินหยุนสังหารและที่หลงเหลือก็เป็นเพียงเศษซากเถ้าธุลี!

 

ตอนนี้ ไม่เพียงแต่บุคคลของเขตแดนลึกล้ํา กระทั่งฝูงชนที่รับชมนับหมื่นที่นี้ ต่างต้องตื่นตะลีงต่อการโจมตีตอบโต้ปะทุพลังของฉินหยุน

 

เจี้ยนหลิงหลง หยางฉีเย่ว์รวมถึงผู้อื่นย่อมตระหนกตกใจ ทว่าเหตุการณ์ที่พบเห็น มัน ทําให้ใจของพวกเขาได้สงบลง

 

โดยเฉพาะหยางฉีเย่ว์และเชี่ยวเสวียนฉิน พวกนางต่างสงสัย ว่าฉินหยุนได้ตื่นรู้ความทรงจําของชาติภพก่อนขึ้นมาหรือไม่ ทั้งสองไม่คิดอยากให้ฉินหยุนจดจําได้ เพราะนั่นจะกลับเป็นผลร้ายต่อการเติบโตของเขาเอง

 

“ฉิน ฉินหยุน เจ้ารู้หรือไม่ว่าทําอันใดลงไป? เจ้าเพิ่งสังหารหลงเฉิ่งขวง เขา คือศิษย์อันเลิศล้ําของสํานักมังกรแห่งเขตแดนลึกล้ําของพวกเรา!” ชายชราร่างอ้วนจากเขต แดนลึกล้ําตะโกนออกด้วยความโกรธเกรี้ยว

 

“นี่เรื่องปกติหรือไม่ใช่? หากข้าไม่สังหารมัน ก็เป็นมันที่สังหารข้า! ด้วยข้าไร้ซึ่งทางเลือกจึงมีแต่ต้องสังหารมันทิ้ง!” ฉินหยุนกล่าวพร้อมรอยยิ้มเย็นเยือก

 

งานประลองยุทธ์ย่อมโหดร้ายเสมอมา! มีแต่ผู้อยู่รอดจึงนับเป็นอัจฉริยะที่แท้จริง!

 

คนของตระกูลหลงและเขตแดนลึกล้ําเกิดความพิโรธเกินใดเทียบเปรียบ พวกเขาต่างคิดอยากลงไปสังหารอีกฝ่ายเสียเดี๋ยวนี้ กระนั้น ที่นี่คืออาณาเขตของตระกูลเจี้ยน เจ็ดดาบเซียนล้วนอยู่ที่นี่หากพวกเขาคิดสร้างปัญหา แม้เป็นครึ่งเซียนหลายคน พวกเขาก็มีแต่ชะตาต้องตายที่นี่!

 

ด้วยความตายของหลงเฉิ่งขวง ตระกูลหลงและเขตแดนลึกล้ําจึงพ่ายแพ้โดยสมบูรณ์! กระทั่งว่าผู้ชนะเลิศไม่ใช่ศิษย์ตระกูลเจี้ยน แต่นี่ก็ทําให้ตระกูลเจี้ยนเกิดความยินดีขึ้นภายในใจได้ตราบเท่าที่ผู้ชนะเลิศไม่ใช่ตระกูลหลง แต่เป็นตระกูลเจี้ยนและพันธมิตร ก็ไม่ถือว่าตระกูลเจี้ยนพ่ายแพ้แต่อย่างใด

 

ยิ่งไปกว่านั้น ฉินหยุนคือผู้มาจากนครเชียนยุทธภัณฑ์ และนครเชียนยุทธภัณฑ์ก็เป็นพันธมิตรที่ดีกับพวกเขา เจี้ยนสือเทียนย่อมยินดีที่พบเห็นฉินหยุนคว้าชัยชนะมาได้

 

ผู้คนของตระกูลหลงและเขตแดนลึกล้ําต่างเผยสีหน้าดํามืด สายตาจ้องมองแต่เศษเถ้าธุลีที่ลอยอยู่บนเวทีประลองยุทธ์ พวกเขาโศกเศร้าเป็นล้นพ้น

 

เพื่อทําให้หลงเฉิ่งขวงแข็งแกร่งขึ้น พวกเขาต้องจ่ายอย่างมหาศาลเพื่อทําพิสังเวย และตอนนี้หลงเฉิ่งขวงตายไปแล้ว หลังได้ครอบครองพลังของเทพมาร กําลังของหลงเฉิ่งขวงจึงทัดเทียมราชันยุทธ์ กระนั้น เขาก็ยังต้องถูกฉินหยุนสังหาร

 

ตอนนี้ผู้คนเพียงรู้สึกหวาดกลัวต่อกําลังแท้จริงที่ฉินหยุนครอบครอง!

 

หลิงหยุนเอ๋อกําลังสะอื้นไห้ในมิติมายาของฉินหยุน เมื่อครู่ เป็นนางเกือบจบสิ้นแล้ว นางจะต้องแยกจากกับฉินหยุนไปชั่วนิรันดร์ มันเป็นความเจ็บปวดและใจสลาย ทว่าตอนนี้นางยังได้อยู่ร่วมกับฉินหยุน นี่จึงเกิดเป็นความยินดีไม่รู้จบในใจนาง

 

“เสี่ยวหยุน เจ้าจะต้องอยู่กับข้าไปตลอด ข้าจะไม่ไปไหนจากเจ้าทั้งนั้น!” เดิมหลิงหยุนเอ๋อเปรียบเสมือนปีศาจน้อยซุกซน ตอนนี้ที่นางยินดี มันเปรียบดังนางเป็นเด็กเพิ่งได้ของเล่น

 

“หยุนเอ๋อ เจ้าอย่าได้ร้องไห้แล้ว!” ฉินหยุนหัวเราะจากใจขณะก้าวเดินลงจากเวทีประลองยุทธ์

 

เมื่อครู่ เขาได้ใช้พลังของวิญญาณราชสีห์สวรรค์ กระนั้น เขาก็ไม่ได้ใช้มันจนหมดสิ้น เขายังสะกดส่วนหนึ่งเอาไว้ เขายังไม่ทราบว่าภายหน้าจะยังใช้งานมันได้อีกหรือไม่

 

หน้าท้องฉินหยุนถูกแทงทะลุเมื่อครู่ ตอนนี้กําลังรักษาตัวเอง เจี้ยนสือเทียนและเปาเฉิงโจ่ว ครึ่งเซียนทั้งสองได้เข้ามาคุ้มกันฉินหยุนในทันที พวกเขากังวล ว่าผู้คนของตระกูลหลงและเขต แดนลึกล้ําอาจบุกเข้ามาลงมือสังหาร

 

เจี้ยนสือเทียนได้ประกาศดัง ว่างานชุมนุมยุทธ์ดาบ การแข่งขันระดับยอดยุทธ์ ผู้ชนะคือฉินห

 

ฉินหยุนย่อมได้รับรางวัลอันดับหนึ่ง นั่นก็คือเพิ่มระดับการฝึกฝน ครึ่งเซียนตระกู ลเจี้ยนหลายคนจะใช้วิธีลับของตําหนักเขียนดาบเพื่อยกระดับการฝึกฝนให้แก่เขา

 

หยางฉีเย่ว์ร่วมทางกับฉินหยุน ติดตามเจี้ยนหลิงหลงและเปาเฉิงโจ่วกลับสู่ที่พัก

 

ในห้องลับที่กางม่านพลังเอาไว้ หยางฉีเย่ว์กําลังช่วยรักษาฉินหยุนเพียงลําพัง

 

หยางฉีเย่ว์มองที่รูใหญ่ตรงหน้าท้องของฉินหยุน นางกล่าวออกด้วยอาการปวดใจ “ตะวันทมิฬของเจ้าเกือบถูกนําเอาไป เรื่องราวอันตรายเกินไปแล้ว”

 

“พี่หยาง ท่านมีร่างศักดิ์สิทธิ์จันทราทมิฬหรือ?” ฉินหยุนกล่าวถาม

 

จ้าทราบได้อย่างไร? กระทั่งเย่ว์โยวกับปิงชิงยังไม่ทราบว่าข้าครอบครองร่างศัก ดิ์สิทธิ์จันทราทมิฬ!”

 

หยางฉีเย่ว์ลูบที่หน้าท้องฉินหยุน มือขาวของนางปลดปล่อยมวลเมฆจันทราสีขาวเงินเข้าทําการรักษาบาดแผล ฉินหยุนสัมผัสได้ถึงพลังงานอบอุ่นจากฝ่ามือของหยางฉีเย่ว์ มันทําให้เขารู้สึกอุ่นใจ

 

“เสี่ยวหยุน หากเจ้าตื่นรู้ความทรงจําขึ้นมา ต้องอย่าได้ให้เชี่ยวเสวียนฉินและบิงชิงได้ทราบ” หยางฉีเย่ว์ถอนหายใจเบา “เห็นได้ชัด ว่าพวกนางไม่คิดยอมรับเจ้าหากได้รับความทรงจํากลับคืนมา!”

 

“ข้ายังไม่ได้ตื่นรู้ความทรงจํา แต่เป็นสิ่งที่หลงเฉิ่งขวงบอกต่อข้า เทพมารในร่างของมัน บอกว่าท่านครอบครองร่างศักดิ์สิทธิ์จันทราทมิฬ มันกล่าว มันกล่าวถึงเรื่องไม่ดีทั้งหลายที่คิดทําต่อท่าน!”

 

ฉินหยุนยามนึกย้อนถึงเรื่องนี้ เขายังคงมีโทสะที่ตกค้างไม่อาจเลือนหาย

 

“เพราะเหตุนั้นเจ้าจึงดื้อรั้น ไม่คิดยอมลงมาจากการแข่งขัน เพราะเจ้าต้องการกําจัดมัน เจ้าเป็นกังวลว่ามันจะมาทําร้ายข้า!” หยางฉีเย่ว์ที่ได้รับฟัง ดวงตางดงามของนางจึงเผยความอ่อนโยนโอบอ้อมพร้อมยิ้มออกมา

 

ฉินหยุนพยักหน้ารับและกล่าว “มันคิดกลืนกินท่าน ช่างโฉดชั่วนัก!”

 

หยางฉีเย่ว์รู้สึกอบอุ่นในหัวใจ นางเผยยิ้มกล่าว “เสี่ยวหยุน ขอบคุณเจ้าแล้ว!”

 

“พี่หยาง ท่านคิดขอบคุณข้าอย่างไร?” ฉินหยุนเผยยิ้มขี้เล่น

 

หยางฉีเย่ว์กัดริมฝีปาก เผยใบหน้าเย้ายวนดึงดูด จากนั้น ศีรษะนางจึงขยับพร้อมเข้าจูบฉินหยุน!

 

ฉินหยุนเพียงกล่าววาจาไปเรื่อย เป็นเขาไม่คาดคิด ว่าหยางฉีเย่ว์จะถึงขั้นคิดอยากขอบคุณต่อเขาเพียงนี้! จูบที่มาอย่างกะทันหัน มันอัดแน่นด้วยความรักและอบอุ่นในหัวใจ เป็นการสลายความนึกคิดอื่นในใจเขาจนเลือนหาย ก่อนที่ความรู้สึกอื่นจะปะทุขึ้นมาแทนอย่างรวดเร็ว

 

“เร่งรีบกอดนางไว้” หลิงหยุนเอ๋อโห่ร้องตะโกน “นี่เป็นจูบแรกของนาง!”

 

หลิงหยุนเอ๋อตะโกนส่งเสียงเช่นนี้ ฉินหยุนจึงสะดุ้งรู้สึกตัว เขาทราบว่าไม่ใช่ความฝัน ดังนั้นจึงสวมกอดหยางฉีเย่ว์ไว้ คนทั้งสองต่างมัวเมาด้วยความรู้สึกที่สะสมมาจากชาติภพก่อนและชาติภพนี้ เป็นชะตาของคนทั้งสองที่ต้องดําเนินต่อไปร่วมกัน

 

ไม่ทราบเวลาผ่านไปเพียงใด หยางฉีเย่ว์คอยผลักฉินหยุนออกเบามือ ใบหน้าขาวนวลของนางเผยสีแดง “เสี่ยวหยุน เจ้าอย่าได้พูดกล่าวเรื่องนี้ออกไป! ได้ยินว่าเจ้าบอกทุกสิ่งแก่เย่ว์หลานทว่าเรื่องนี้ไม่ได้!”

 

“โอ” ฉินหยุนหัวเราะรับคําก่อนจะยื่นมือเข้าไปลูบสัมผัสใบหน้างามไร้ผู้ใดเทียบเปรียบของหยางฉีเย่ว์

 

“บอกต่อข้าตามตรง เจ้าและบึงชิงได้จูบกันหรือไม่?” หยางฉีเย่ว์ลูบที่หน้าอกฉินหยุ นพร้อมกล่าวถามอย่างนึกโกรธเคือง

 

“เป็นนางที่ฉวยโอกาสข้า!” ฉินหยุนบอกต่อหยางฉีเย่ว์ ว่าบิงชิงฉวยโอกาสต่อเขาเช่นไร

 

“เหอะ… ชาติภพก่อนเจ้าติดค้างพวกเราไว้ ดังนั้นชาติภพนี้ก็อย่าได้คิดว่าจะหนีพวกเรารอด!” หยางฉีเย่ว์หยิกแขนฉินหยุนเบามือ

 

ฉินหยุนไม่ทราบเรื่องราวในชาติภพก่อนเลยแม้เพียงนิด เขาเพียงทราบ ว่าชีวิตนี้ ตัวเขาต้องปกป้องสตรีอันเป็นที่รัก

 

“พี่หยาง ชาติภพก่อนของข้าวิเศษเพียงนั้นเลยหรือ?” ฉินหยุนยิ้มกล่าวถาม

 

“ชาติภพก่อนของเจ้าไม่คล้ายมีใดวิเศษ แต่เป็นกะล่อนและปลิ้นปล้อน ลวงหลอกความรู้สึกพวกเราไปเรื่อย คดโกงเอาเงินและสมบัติไปอีกต่างหาก ทั้งยังกล่อมให้พวกเรามาทํางานรับใช้หนักหนาให้ เป็นวายร้ายอย่างแท้จริง!” หยางฉีเย่ว์ชกหมัดเบาที่หน้าอกฉินหยุน

 

ฉินหยุนแทบคิดอยากไปด่าตนเองในชาติภพก่อนต่อหน้า เป็นเขาไม่เข้าใจ ว่าอีกฝ่ายละเลยความรู้สึกอันล้ําค่าเหล่านี้ไปได้อย่างไร?

 

“เสี่ยวหยุน ข้าต้องกลับแล้ว ตั้งแต่ที่ความทรงจําตื่นขึ้น จิตวิญญาณข้ามีแต่แข็งแกร่งมากขึ้น ข้าเย่ว์หลาน และผู้อื่นล้วนเป็นเช่นเดียวกัน ยิ่งเวลาผ่านไป พวกเราจะต้องสะกดจิตวิญญาณเอาไว้เพื่อไม่ให้แข็งแกร่งเกินไปจนร่างกายไม่อาจรับ!”

 

หยางฉีเย่ว์คลายอ้อมกอดฉินหยุน นางมองที่อาการบาดเจ็บตรงหน้าท้อง ความรู้สึกของนางคล้ายยังค้างคา

 

“เมื่อใดข้ามเวลา ข้าจะไปพบพวกท่านทุกคนที่เกาะจันทราปีศาจ” ฉินหยุนลูบใบหน้าหยางฉีเย่ว์เบามือพร้อมกล่าว

 

หยางฉีเย่ว์จูบฉินหยุนเบาอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้น หลังจากเจ้าเลื่อนระดับพลัง เจ้าจงจํา ไว้ว่าต้องสร้างอุปกรณ์ลึกล้ําที่ดีขึ้นมา!”

 

“อุปกรณ์ลึกล้ําอันใด? สําหรับพี่หยาง ข้าย่อมสร้างอุปกรณ์เต๋ให้ได้!” ฉินหยุนยิ้มกล่าว

 

“จริงหรือ? นี่เจ้าสามารถสร้างอุปกรณ์เต๋ได้แล้ว?” หยางฉีเย่ว์แทบไม่กล้าเชื่อสิ่งที่ได้ฟัง

 

“พี่หยาง ข้ามีจารึกวิญญาณจ้าวเต๋!” ฉินหยุนเผยยิ้มลึกลับกล่าวคํา

 

“โอ” หยางฉีเย่ว์พอได้ทราบ นางเกิดนึกถึง กระนั้นก็ยินดี นางลูบใบหน้าฉินหยุนเบา มือพร้อมกล่าว“เสี่ยวหยุน เมื่อข้าไม่ได้อยู่กับเจ้า จงระวังตัวและดูแลตนเองให้ดี ข้าไม่คิดอยากเสียเจ้าไปอีก!”

 

“ขอรับ! ภายหน้าขาย่อมสร้างอุปกรณ์เซียน หรืออาจเป็นอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ให้แก่พี่หยางด้วยซ้ํา!” ฉินหยุนยิ้มกล่าว

 

หยางฉีเย่ว์หัวเราะยินดี จากนั้นจึงเดินออกไปจากห้องลับ

 

นางเมื่อออกไปแล้ว สีหน้าจึงนิ่งสงบเช่นเคย นางคือโฉมงามบริสุทธิ์และเย็นเยือก เปรียบดังก้อนหยกเย็นที่งดงามตระหง่าน ราวกับภูติที่เพิ่งเคลื่อนคล้อยลงจากดวงจันทรา

 

“พี่ชาย ดีขึ้นแล้วหรือ?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเร่งรีบเข้ามากล่าวถามอย่างร้อนใจ

 

“ดีขึ้นมาก!” ฉินหยุนยิ้มพร้อมหยิกที่ใบหน้าเชี่ยวเย่ว์เหม่ย

 

ฉินหยุนสบายดี เปาเฉิงโฉ่ว อู่ในอจี้ และอีกหลายคนต่างถอนหายใจยาวกันได้

 

ก่อนหน้านี้ พวกเขาได้เห็นรูใหญ่ปรากฏเปิดที่หน้าท้องฉินหยุน แก่นเต่ลึกล้ําของเขาถูกคว้าเอาไว้ พวกเขาเป็นกังวล ว่าแก่นเต๋ลึกล้ํานั้นจะได้รับความเสียหาย ทว่าตอนนี้ ฉินหยุนคล้ายหายดีแล้ว

 

แม่เฒ่าหยุนเหยากล่าว “พวกเรากับฉีเย่ว์ขอตัวก่อน พวกเราจะไม่เข้าร่วมการแข่งขันระดับราชันยุทธ์แล้ว”

 

ฮจิงเซียน สื่อชิงเฉิง สุ่ยเทียนสื่อ และเชี่ยวเสวียนฉินล้วนอยู่ที่นี่ เชี่ยวเสวียนฉินต้องสะกดการเติบโตของจิตวิญญาณ ดังนั้นนางจึงกลับไปพร้อมหยางฉีเย่ว์ ฮจิงเซียนมีกําลังเลิศล้ําและยากหยั่ง ถึงงานหลักของนางคือเดินทางไปจัดการธุระแทบทุกสถานที่ ดังนั้นนางจึงยังไม่ไปที่ใด สื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อเองก็ตกลงกัน ว่านับแต่นี้จะติดตามฉินหยุนช่วยเหลือเขาสร้างอุปกรณ์ดังนั้น จึงไม่จากไปไหนอีก

 

เปาเฉิงโจ่วและฉินหยุนส่งแม่เฒ่าหยุนเหยาและคณะก่อนจะเดินกลับห้องโถงรับรอง

 

เจี้ยนรั่วหยานเผยเสียงถามด้วยความกังวล “จ้าวสํานัก ท่านคิดว่าผู้คนของเขตแดนลึกล้ําจะมีแผนชั่วใดอีกหรือไม่?”

 

เปาเฉิงโจ่วส่ายศีรษะ “ยากพูดกล่าวนัก โดยสรุป พวกเราต้องตั้งระวังไว้ทุกฝีก้าว!”

 

เชี่ยวเย่ว์เหม่ยยิ้มกล่าว “ไม่ใช่ว่าสถานการณ์ภายในเขตแดนลึกล้ําเลวร้ายหรอกหรือ? ทันทีที่พวกเราเขตแดนนอกรวมกําลังกันได้ เมื่อนั้นพวกเราจะบุกประหนึ่งพายุเข้าสู่เขตแดนลึกล้ําและคว้าที่ยืนหยัดมา!”

 

คู่บินอวกล่าว “ฝ่ายเราได้ส่งคนไปตรวจสอบสถานการณ์ก็นานแล้ว ถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่ กลับมา!”

 

ยูจิงเซียนกล่าวด้วยความกังวล “ผู้คนเหล่านั้นล้วนเป็นระดับครึ่งเซียน หวังว่าพวกเขาจะกลับมาอย่างปลอดภัย”

 

ภายในแดนวิญญาณอ้างว้าง แข็งแกร่งที่สุดคือครึ่งเซียน กระนั้น ผู้คนของเขตแดนลึกล้ําย่อมมีเคล็ดวิชาการฝึกฝนที่พิเศษและหลากหลาย ดังนั้นแล้วแม้เป็นระดับพลังเดียวกัน พลังของพวกเขาจะกลับกลายเป็นแข็งแกร่งกว่า ตัวอย่างที่มีให้เห็นแล้ว ก็เช่นศิษย์เขตแดนลึกล้ําอย่างหลงเฉิงขวง

 

พลบค่ํา เจี้ยนสือเทียนมาถึงอย่างกะทันหัน ไม่มีผู้ใดทราบว่าเขาปรากฏตัวกะทันหันเช่นนี้เพราะอะไร

 

“จ้าวสํานักดาบ มีเรื่องเร่งร้อนอันใดจึงไม่อาจรอคอยถึงพรุ่งนี้หรือ?” เปาเฉิงโจ่วเปิดประตูพบเห็นเป็นเจี้ยนสือเทียน เขาจึงหัวเราะพร้อมถามไถ่

 

“อาการบาดเจ็บฉินหยุนเป็นอย่างไรบ้าง? หากยังไม่ฟื้นฟูดี พวกเราช่วยรักษาให้เขาได้” เจี้ยนสือเทียนเข้ามาในห้องรับรองพบเห็นฉินหยุนนั่งอยู่สุขสบายถึงกับมึนงง

 

“ข้าย่อมหายดีแล้ว!” ฉินหยุนยิ้มให้เจี้ยนสือเทียน “จ้าวสํานักดาบ แล้วเจี้ยนหนันหูเล่า? เขาฟื้นตัวดีขึ้นหรือยัง?”

 

“ดีแล้ว ตั้งแต่ทราบว่าเจ้าเอาชนะหลงเฉิ่งขวงได้ เขาจึงกล่าว ว่าขอมอบดาบเล่มนั้นให้แก่เจ้าเป็นของขวัญแด่ความสําเร็จ!” เจี้ยนสือเทียนหัวเราะพร้อมเผยคําออก

 

ดาบเล่มนั้นยังอยู่กับเชี่ยวเสวียนฉิน เขาคิดไปพบนางภายหน้าเมื่อมีเวลา เพื่อที่จะสะสาง เสียเจ้าไปอีก!”

 

“ขอรับ! ภายหน้าขาย่อมสร้างอุปกรณ์เซียน หรืออาจเป็นอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ให้แก่พี่หยางด้วยซ้ํา!” ฉินหยุนยิ้มกล่าว

 

หยางฉีเย่ว์หัวเราะยินดี จากนั้นจึงเดินออกไปจากห้องลับ

 

นางเมื่อออกไปแล้ว สีหน้าจึงนิ่งสงบเช่นเคย นางคือโฉมงามบริสุทธิ์และเย็นเยือก เปรียบดังก้อนหยกเย็นที่งดงามตระหง่าน ราวกับภูติที่เพิ่งเคลื่อนคล้อยลงจากดวงจันทรา

 

“พี่ชาย ดีขึ้นแล้วหรือ?” เชี่ยวเย่ว์เหม่ยเร่งรีบเข้ามากล่าวถามอย่างร้อนใจ

 

“ดีขึ้นมาก!” ฉินหยุนยิ้มพร้อมหยิกที่ใบหน้าเชี่ยวเย่ว์เหม่ย

 

ฉินหยุนสบายดี เปาเฉิงโจ่ว คู่บินอวี่ และอีกหลายคนต่างถอนหายใจยาวกันได้

 

ก่อนหน้านี้ พวกเขาได้เห็นรูใหญ่ปรากฏเปิดที่หน้าท้องฉินหยุน แก่นเต่ลึกล้ําของเขาถูกคว้า