ตอนที่ 789 : บรรพบุรุษเจ็ดดาบ
ฉินหยุนเพิ่งก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ํา จากนั้นเป็นเหยาเฟิงและชิงชิงใช้งานเข็มผนึกวิญญาณเก้าสมบูรณ์ เพื่อช่วยให้เขาก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ําระดับกลาง
ตอนนี้ ตระกูลเจี้ยนจะช่วยเขาเพิ่มการฝึกฝนขึ้นอีกระดับหนึ่ง พวกเขาจะช่วยให้เขาก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ําระดับสูง!
เรื่องราวทั้งหมดนี้เพียงผ่านไปไม่นาน!
ด้วยเหตุนี้ ฉินหยุนจึงกังวลถึงการเลื่อนระดับพลังที่เร็วเกินไปนี้ มันอาจส่งผลร้ายต่อตัวเขาได้
“จ้าวสํานักดาบ ข้า ข้าเพิ่งก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ําระดับกลาง นอกจากนี้ยังเป็น การเลื่อนระดับขึ้นมาเพียงไม่นาน หากเลื่อนระดับอีกตอนนี้ ข้าเกรงว่าคงไม่ดีกระมัง?” ฉินหยุนกล่าว
เจี้ยนหลิงหลงและผู้ตื่นต่างตระหนักได้ดี เพราะก่อนหน้า เป็นพวกนางร่วมมือกันช่วยฉันหยุนเลื่อนระดับพลัง และเพียงผ่านพ้นไปไม่กี่วัน ฉินหยุนก็เลื่อนสู่ระดับกลาง!
“อา… เรื่องนี้ ไม่น่าจะมีปัญหาใด! แม้วิธีลับเลื่อนระดับพลังของตระกูลเจี้ยนเราไม่อาจใช้งานซ้ําได้ กระนั้นมันก็เป็นไปอย่างมีเสถียรภาพอย่างยิ่ง!” เจี้ยนสือเทียนเองยังตระหนกยามได้รับฟัง
เปาเฉิงโจ่วและคู่บินอวต่างลอบอุทานและชื่นชม พวกเขาคิด ว่าฉินหยุนเพียงขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ําระดับต้น พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อน ว่าตัวเขาจะก้าวถึงระดับกลางแล้ว เช่นนี้พวกเขาจึงได้ตระหนักว่าพวกตนเข้าใจต่อฉินหยุนตื้นเขินเกินไป
ฉินหยุนจากไปพร้อมเจี้ยนสือเทียน ทั้งสองบินมุ่งหน้าไปยังคฤหาสน์เซียนดาบ ปลายทางคือพื้นที่ศูนย์กลาง
ระหว่างทาง ฉินหยุนได้ส่งเสียงสื่อสารบอกต่อเหยาเพิ่งที่อยู่ในไข่มุกเม็ดที่สาม “พี่สาวเหยาเฟิง ข้าจัดการหลงเฉิงขวงได้แล้ว!”
เขารายงานเรื่องราวต่อเหยาเฟิง เพราะนางค่อนข้างสนใจเรื่องเทพมารที่ครอบงําไม่น้อย
“ส่งเขาอสูรนั่นให้ข้าตรวจสอบและวางใจได้ ตอนนี้ตระกูลเจี้ยนจะช่วยเจ้าเพิ่มระดับ การฝึกฝนนี้ไม่น่าส่งผลกระทบใด ตราบเท่าที่พวกนั้นไม่ได้ใช้เข็มผนึกวิญญาณเก้าสมบูรณ์ เจ้าก็ไม่ต้องกังวลใดไป!” เหยาเชิงกล่าว คําของนางทําให้ฉินหยุนผ่อนคลายลงได้มาก
ฉินหยุนเก็บเขาอสูรไว้ในไข่มุกเม็ดที่สาม
ช่วงเวลาถัดจากนี้ เหยาเพิ่งจะทําความเข้าใจต่อพระสูตรโลกาวินาศเก้าสุริ ยันของจอมจักรพรรดิอสูรเชียนและดูดกลืนพลังของทาสเงา สําหรับนาง แต่ละวันในช่วงนี้เป็น เรื่องน่าพึงใจยิ่ง
ฉินหยุนติดตามเจี้ยนสือเทียนถึงตรงใจกลางคฤหาสน์เชียนดาบ ที่แห่งนี้มีภูเขาสูงนับร้อยเมตรล้อมรอบ ถัดจากนั้น ฉินหยุนจึงเข้าสู่ถ้ําภายใต้ภูเขาสู่ส่วนลึก ภายในเป็นห้องโถงกว้างใหญ่ประกอบด้วยเสาทั้งเจ็ดที่สูงหลายเมตร เสาแต่ละต้นดูโบราณ มันมีออร่าผันแปรไหลเวียน ที่บนตัวเสา มันมีอักขระซับซ้อนแกะสลักไว้มากมาย ฉินหยุนสนใจอักขระเหล่านี้ยิ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นอักขระตะวัน กระทั่งมีโทเทมตะวัน!
ชายชราหลายคนต่างนั่งอยู่ด้านบนเสาเหล่านี้ แต่ละคนชราภาพขนาดเส้นผมขาวทั้งศีรษะและไว้หนวดเครายาว พวกเขาสวมใส่ชุดสีเทา ร่างกําลังลอยเหนือเสาขณะนั่งบนแท่นดอกบัวดวงตาล้วนหลับสนิท เขาเกิดรู้สึกกดดันขึ้นมา โดยเฉพาะเจตนาแห่งดาบจากชายชราทั้งเจ็ดราวกับมันพร้อมเข้าฉีกกระชากร่างของเขา
เจี้ยนสือเทียนกล่าวเสียงเบา “ฉินหยุน ไปนั่งที่ตรงกลาง”
ฉินหยุนไม่ทราบว่าชายชราเหล่านี้คือผู้ใด กระนั้นจากออร่าของพวกเขา ย่อมต้องเป็นครึ่งเซียนที่เลิศล้ํา ชัดเจนว่าแทบใกล้ถึงขอบเขตเซียนอยู่รอมร่อแล้ว พวกเขาห่างอีกเพียงเล็กน้อยก็พร้อมจะขึ้นเป็นเซียน เพื่อฉีกกระชากมิติเข้าสู่แดนเซียนอ้างว้าง
ฉินหยุนนังที่ตรงกลาง หลับตาลงและสงบจิตใจ
เจี้ยนสือเทียนกล่าว “ฉินหยุน ท่านทั้งเจ็ดนี้คือบรรพบุรุษของพวกเราตระกูลเจี้ยน ดาบเซียนทั้งเจ็ดเหล่านั้นอยู่ภายใต้การควบคุมของท่านทั้งเจ็ดนี้ พวกท่านสามารถใช้เจ็ดดาบรวมถึง เจ็ดดาบเซียนต้นกําเนิดเพื่อช่วยให้เจ้าเลื่อนระดับพลังได้!”
“ข้าทราบแล้วขอรับ!” ฉินหยุนพยักหน้ารับ
กระทั่งถึงตอนนี้ ชายชราทั้งเจ็ดก็ยังไม่ลืมตาขึ้น ฉินหยุนลอบถอนหายใจยามได้ทราบเรื่องราวภายในตระกูลเจี้ยน บรรพบุรุษยุคก่อนทั้งเจ็ดนี้ครอบครองพลังชวนสะพรึง เขาสงสัย ว่าเหตุใดผู้คนเขตแดนลึกล้ําจึงไม่กล้าก่อการทุ่มบ่ามที่นี่ เพราะพวกเขาทราบดีว่ายังมีบรรพบุรุษทั้งเจ็ดอันเลิศล้ําเหล่านี้คงอยู่ หากไม่กล่าวถึงเซียน เช่นนั้นเจ็ดบรรพบุรุษย่อมเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดของแดนวิญญาณอ้างว้าง
“เริ่มกันได้” เจี้ยนสือเทียนกล่าวคําเบา
คํากล่าวพอสิ้นสุดฉินหยุนจึงได้เห็นเจ็ดดาบปรากฏรอบกาย
“เจ็ดดาบเซียนนี้มาจากภายนอก?”
ฉินหยุนรู้สึกหวาดกลัว เพราะเจ็ดดาบคมกล้าเผยคลื่นพลังเจตนาฆ่าฟัน ความโหดเหี้ยมฉายผ่านตัวพวกมันราวเสียงคําราม มองเพียงครั้งเดียวย่อมกล้ากล่าว ว่าดาบทั้งเจ็ดเล่มนี้ได้สั่งหารผู้คนมานับไม่ถ้วน! กระนั้น ฉินหยุนกลับไม่อาจสัมผัสถึงออร่าอสูรใดจากดาบเหล่านี้แต่เป็นออร่าแห่งความอาจหาญ!
เขาพลันนึกย้อนถึงคํากล่าวของหลิงหยุนเอ๋อและเชี่ยวเย่ว์เหม่ย เพื่อให้ได้กลายเป็นเซียน ผู้นั้นต้องบ่มเพาะกรรมดี และบรรพบุรุษทั้งเจ็ด ก็ได้เข้าใจถึงแก่นแท้แห่งเต๋นี้!
“เหล่านี้คือดาบต้นกําเนิดของบรรพบุรุษทั้งเจ็ด! เจ้าไม่ต้องหวาดเกรงไป!” เจี้ยนสือ เทียนยิ้มกล่าว
ฉินหยุนยิ่งรู้สึกทิ้ง ดาบต้นกําเนิดของเจ็ดบรรพบุรุษตระกูลเจี้ยน เหล่านี้ได้กลายเป็นอุปกรณ์เซียนแล้ว! ทันใดนี้ ฉินหยุนสัมผัสได้ ถึงเส้นสายพลังงานทั้งเจ็ดที่พุ่งเข้าหาเขาจากทั่วทิศ คลื่นพลังงานเริ่มทะลักคิดพยายามเข้าสู่กายเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า
ฉินหยุนผ่อนคลายร่างกาย จากนั้นจึงโคจรวิชาร่างศักดิ์สิทธิ์เชียนอสูร เพื่อชักนําพลังงานเหล่านี้เข้าสู่สภาวะการฝึกฝน
หลายวันผ่านไป บรรพบุรุษทั้งเจ็ดจึงลืมตาเบิกโพลงขึ้น!
เจี้ยนสือเทียนจึงกล่าวถาม “ท่านบรรพบุรุษ เกิดเรื่องใดหรือ?”
หนึ่งในชายชราเผยสีหน้าตื่นตะลึง “แก่นเต๋ลึกล้ําของเจ้าปีศาจน้อยนี้ประหลาดยิ่ง มันต้องการพลังงานมากกว่าปกติเพื่อเลื่อนระดับ!”
ตะวันทมิฬของฉินหยุนย่อมต้องกลืนกินพลังงานมหาศาล มันยังปลดปล่อยพลัง เต่ลึกล้ําคมกล้าประหนึ่งปลายหอกตราบเท่าที่ใช้พลังจิตคิดสัมผัส ย่อมได้ทราบถึงควา มคมกล้าไร้สิ้นสุดของมัน
เจี้ยนสือเทียนย่อมรับรู้ถึงความคมกล้าเป็นล้นพ้นของพลังเต่ลึกล้ําที่ฉินหยุนครอบครอง มันแข็งแกร่งยิ่ง และมันยังยืนหยัดอย่างเหนือล้ํา!
หลังจากที่ฉินหยุนก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ําระดับกลาง พลังเต่ลึกล้ําปลายหอกของเขาจึงยิ่งแข็งแกร่ง และตอนนี้ ระหว่างการดูดกลืนพลังงานอย่างละโมบ มันพลันปรากฏเผยตัวขึ้นมา
“พวกเราดําเนินต่อไปได้หรือไม่?” เจี้ยนสือเทียนร้อนใจจึงกล่าวถาม เพราะตระกูลเจี้ยนให้สัญญาแล้วว่าจะช่วยฉินหยุนเลื่อนระดับการฝึกฝน
“ย่อมได้ ทว่านี่อาจต้องใช้เวลานาน เจ้าปีศาจน้อยผู้นี้ คู่ควรแล้วที่สามารถสังหารผู้ถูกเทพมารครอบงําได้ ช่างเป็นชะตาท้าสวรรค์ยิ่งนัก! เสียวเทียน เจ้าควรไปจัดการธุระของตนเองก่อนเสีย!” บรรพบุรุษชรากล่าวคํา
เจี้ยนสือเทียนพยักหน้ารับ ก่อนจะจากไปด้วยใบหน้าอัดแน่นด้วยความตื่นตะลึง
เจี้ยนสือเทียนเมื่อออกไปแล้ว บรรพบุรุษชราตาเดียวได้มองฉินหยุนพร้อมถาม “เจ้าหนุ่มเจ้า ควรบอกพวกเราถึงสถานการณ์การฝึกฝนของเจ้า!”
“ท่านบรรพบุรุษ เรื่องนี้ข้าไม่อาจพูดกล่าวขอรับ! หากท่านไม่ต้องการช่วยข้าเลื่อนระดับพลังต่อข้าก็ไม่คิดต่อว่าท่านแต่อย่างใด!” ฉินหยุนกล่าว
“สิ่งที่เจ้าฝึกฝนไม่สมควรใช่แก่นเต๋ลึกล้ํา แต่เป็นสิ่งที่คล้ายดาบต้นกําเนิดของพวกเรา เพราะมันได้แปรเปลี่ยนเป็นวัตถุไปแล้ว!” บรรพบุรุษตาเดียวกล่าวคํา
“ถูกต้องขอรับ!” ฉินหยุนลอบหวาดกลัว บรรพบุรุษเฒ่าชราเหล่านี้ถึงขั้นคาดเดาโดยคร่าวได้แม่นยํา
“แม้เจ้ามีร่างเซียนอันเลิศล้ํา พวกเราก็ยังสัมผัสได้ ว่าภายในร่างเซียนของเจ้า มันมีพลังงานอสูรอยู่ไม่น้อย พวกเราหวังว่าภายหน้าเจ้าจะสามารถสะกดความชั่วร้ายนั้นไว้ได้!” บรรพบุรุษชราตาเดียวกล่าว
“ขอบคุณท่านบรรพบุรุษที่กล่าวเตือนแล้วขอรับ” ฉินหยุนรับคํา
“พวกเราจะไม่ถามอื่นใดเจ้าอีก อย่างไรแล้ว คิดขุดคุ้ยเต่ําการฝึกฝนของผู้อื่นถือเป็นเรื่องต้องห้าม! มหาวิถีแห่งเต๋มีนับไม่ถ้วน แต่ละคนล้วนมีวิธีการฝึกฝนวิถีแห่งเต๋ที่เป็นเอกลักษณ์ ทั้งยังมีแต่เรื่องท้าทายทวยเทพไม่จบไม่สิ้น!” บรรพบุรุษตาเดียวกล่าวคําพร้อมถอนหายใจ
นับจากนั้น บรรพบุรุษทั้งเจ็ดจึงไม่กล่าวถามอันใดอีก
ฉินหยุนย่อมสัมผัสถึงตะวันทมิฬของตนเองได้ หลังดูดกลืนพลังงานมหาศาล มัน แข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว
“หากเข้าสู่ขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ําระดับสูง พลังเต่ลึกล้ําที่คมกล้าจะปลดปล่อยออกมาได้รุนแรงมากขึ้น กระทั่งอาจแปรเปลี่ยนเป็นวัตถุ!” ฉินหยุนกล่าวภายใน “เราไม่ได้ฝึกฝนแก่นเต่ลึกล้ําแต่เป็นตะวันทมิฬ จึงไม่ทราบว่าภายหน้าจะเกิดอันใดขึ้นแล้ว”
หลายวันผ่านไปอีกครั้ง ตะวันทมิฬของฉินหยุนในที่สุดจึงเริ่มสั่นไหวรุนแรง มันระเบิดเอาพลังเต่ลึกล้ําที่คมกล้าออกมา พลังเต่ลึกล้ําเหล่านี้ทะลักล้นจากกายเขากระจายทั่ว มันกระทั่งทําชายชราเหล่านี้เกิดความหวาดกลัวยากบรรยายออก ฉินหยุนอยู่ระหว่างการเลื่อนระดับ ดังนั้นจึง ไม่อาจควบคุม ภายหลัง ด้วยพลังจิตที่สามารถลงมือ เขาจึงดึงปลายหอกคมกริบเหล่านั้นกลับคืน
“ท่านบรรพบุรุษทั้งเจ็ด ท่านช่วยข้าหนักหนายิ่งนัก ผู้น้อยไม่รู้ว่าควรกล่าวขอบคุณเพียงใดจึง พอ!” ฉินหยุนลุกขึ้นยืน พร้อมกล่าวขอบคุณจากใจจริง
“พวกเราหวังว่าภายหน้าเจ้าจะก่อแต่กรรมดี สะสมความดีเอาไว้ นั่นจะทําให้เจ้าได้เป็นเซียนได้โดยเร็ว!” บรรพบุรุษตาเดียวพยักหน้ารับและกล่าวคํา
ฉินหยุนกล่าวขอบคุณบรรพบุรุษทั้งเจ็ดอีกครั้งก่อนจะเดินกลับ เขาออกมาจากถ้ําด้วยตนเอง
“น่าจะอยู่ในนั้นมาได้สามสิบวัน การแข่งขันระดับราชันยุทธ์คงจบสิ้นแล้ว” ฉินหยุนรู้สึกเสียดาย เขาคิดอยากได้เห็นการแข่งขันเหล่านั้น
ฉินหยุนที่เดินออกจากถ้ํา จึงได้เห็นสื่อชิงเฉิงและสุ่ยเทียนสื่อ ทั้งสองเผยรอยยิ้มงดงามต้อนรับ
“เหตุใดพวกท่านอยู่ที่นี่?” ฉินหยุนคิด ว่าผู้ที่รอคอยจะเป็นเจี้ยนสือเทียนเสียอีก
“เหตุใดเจ้าจึงดูผิดหวัง?” สุ่ยเทียนสื่อแสร้งโกรธเคืองกล่าวถาม นางสวมใส่ชุดกระโปรงสีชมพู เวลานี้ยิ่งดูเย้ายวน นางก้าวเดินเข้ามาคว้ามือฉินหยุนไว้
สื่อชิงเฉิงสวมใส่ชุดสีม่วง นางก้าวเดินออกมาพร้อมกล่าว “พวกเขาเหล่านั้นไม่ได้อยู่ที่เกาะดาบแห่งนี้แล้ว”
“อย่างนั้นไปที่ใดแล้ว?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“ผู้คนของเขตแดนลึกล้ํา ได้เชื้อเชิญพวกเขาเข้าสู่เขตแดนลับอ้างว้างโบราณ กล่าวว่าจะจัดงานประลองยุทธ์ขึ้นที่นั่น พร้อมทําการสํารวจเขตแดนลับอ้างว้างโบราณด้วยเลย!” สื่อชิงเฉิงถอนหายใจ “เขตแดนลับอ้างว้างโบราณกล่าวว่ายอดเยี่ยม กระทั่งครึ่งเซียนทั้งหลายยังกระหายคิดอยากไป ภายหลัง พวกเขาคณะใหญ่จึงเร่งรีบเดินทางไป!”
“ผู้คนของเขตแดนลึกล้ําเชื้อเชิญไป? นี่ย่อมมีอุบายอะไรแน่แล้ว!” ฉินหยุนพอได้ฟัง เขาได้กลิ่นไม่ชอบมาพากลโดยทันที
“น้องหยุน ข้าเองก็คิดเช่นกัน ดังนั้นเจ้าไม่ควรไป! จ้าวสํานักเปากล่าวว่าเมื่อใดเจ้าออกมาให้รอพวกเขากลับมา จากนั้นจึงค่อยกลับนครเซียนยุทธภัณฑ์ด้วยกัน” สุ่ยเทียนสื่อเวลานี้เผยมือลื่นไหลลูบสัมผัสศีรษะฉินหยุนเบามือ
“เย่ว์เหม่ยก็ไปด้วยหรือ?” ฉินหยุนเอ่ยถาม
“ใช่!” สื่อชิงเฉิงพยักหน้ารับ
“ไม่ดีนัก! แล้วเขตแดนอ้างว้างนั่นอยู่ที่ใด? ข้าต้องไป!” ฉินหยุนกล่าว
“จ้าวสํานักดาบและครึ่งเซียนทั้งหลายของตระกูลเจี้ยนล้วนเดินทางไป นี่ไม่น่ามีปัญหาใด” สี่อชิงเฉิงขมวดคิ้ว “เจ้าหนู อย่าได้กังวลไปแล้ว เพียงอยู่ที่นี่กับพวกเรารอพวกเขากลับมา!”
“ข้าได้ทราบว่าตระกูลหลงค้นพบเขตแดนลับอ้างว้างโบราณ และหลายฝ่ายของเขต แดนลึกล้ําต่างก็ไปถึงที่นั่นกันแล้ว!” สุ่ยเทียนสื่อกล่าว “น้องหยุน พวกเราไม่ควรไป เชื่อฟังพี่สาวและรอที่นี่!”
“ไม่ได้ ข้าต้องไป! ข้ากังวลว่านี่จะเป็นกับดัก! ไม่ใช่จ้าวสํานักดาบและผู้อื่นเคยติดกับเช่นนี้มาก่อนหรือไร!” ฉินหยุนไม่เชื่อใจในกําลังของเจี้ยนสือเทียนและคณะ
ครั้งล่าสุด หากเขาไม่นําจอมราชันดวงดาวอสูรออกมาต่อสู้อย่างหนักหน่วงจนพลิกสถานการณ์ ตอนนั้น ทั้งคฤหาสน์เซียนดาบได้ล่มสลายเพราะผู้ฝึกตนอสูรของเขตแดนลึกลําอสูรอ้างว้างไปแล้ว
สื่อชิงเฉิงนํายันต์ตามรอยวิญญาณออกมา “ได้! อย่างนั้นพวกเราร่วมทางไปกับเจ้าด้วย!”
“ยันต์ตามรอยวิญญาณนี้ได้ดูดกลืนออร่าของพี่หลิงหลงไว้ พวกเราสามารถติดตามออร่าที่นางหลงเหลือไปได้ พี่หลิงหลงมอบสิ่งนี้ไว้ให้พวกเรา!”