บทที่ 556 สำนักกิเลน

บัญชามังกรเดือด

บัญชามังกรเดือด บทที่ 556 สำนักกิเลน
“ตุ้ม!”

“โอ๊ย……”

เสียงกำหมัดกระทั่งกันสั่งสนั่น พร้อมเสียงร้องโหยหวนของการได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส จนทุกคนแสบแก้วหูไปตามกัน

กลุ่มคนที่หลับตาลงนั้น ต่างคิดว่าฉินเทียนได้ตายไปแล้ว

น้ำตาหลั่งไหลมาจากดวงตาของพวกเขา

มีคนขี้ขลาดบางกลุ่ม ในที่สุดถูกข่มขู่จนสูญเสียความกล้าหาญไป ได้คุกเข่าและโขกหัวลงบนพื้น ร้องตะโกนด้วยเสียงอันสั่นเทาว่า:”คุณชายลิไว้ชีวิตด้วย!”

“พวกเขาทุกคนยินดีที่จะติดตามคุณ!”

“อย่าฆ่าพวกเราเลย!”

หลังจากนั้น ที่นั่นก็เงียบสงัดราวกับความตาย

ทันใดนั้น จี้ซิงก็ร้องตะโกนขึ้นมา

“รีบจับตัวเขาไว้!”

“อย่าให้เขาหนีไปได้!”

ฮือ?

หรือว่าฉินเทียนยังไม่ตายอย่างนั้นหรือ?

คนที่หลับตากันอยู่ อดไม่ได้ที่จะลืมตาขึ้นมา และเห็นคนพวกเดียวกันมากมายอยู่รอบตัว ทุกคนต่างอ้าปากค้าง ด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ

เหมือนกับที่เห็นอยู่นั้นคือมนุษย์ต่างดาว

จี้ซิงกระโจนเข้าหาคนที่ร่างเต็มไปด้วยเลือด อย่างฉับไวราวกับกระต่าย

คนคนนี้เดินโซเซ และวิ่งหนีไปทางปากทางหุบเขาอย่างทุลักทุเล

จี้ซิงยกเท้าลอยพุ่งเข้าไป ถีบเขาจนกลิ้งตลบอยู่บนพื้น และเตะต่อยอย่างรุนแรง

“นายน้อย ยั้งมือไว้ก่อน!”

“อย่าพึ่งตีจนตายเสียก่อน!”จ้าวจิ่วรี่รีบพุ่งเข้าไปขวางไว้อย่างสุดกำลัง ถึงสามารถทำให้จี้ซิงหยุดลงได้

จี้ซิงถอนหายใจเฮือกใหญ่ และคว้าเสื้อของคนนั้นไว้ แล้วยกเขาขึ้นมา

เห็นเพียงใบหน้าที่ขาวซีดของเขา และคนคนนี้ก็คือ ลิเหลียง

นี่ เป็นไปได้อย่างไร?

ลิเหลียงในเวลานี้ ไม่ได้มีท่าทีดุร้ายเหมือนกับเมื่อครู่แล้ว ร่างกายก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม

เขาปิดปากแน่น ดูแล้วสุดแสนจะจนตรอก และอ่อนแรงอย่างที่สุด

แต่พอมองฉินเทียนที่ยืนอย่างน่าเกรงขามอยู่บนเวทีอีกครั้ง แสงพระอาทิตย์ดุจแสงแห่งเทพเจ้า ที่อยู่เหนือศีรษะสาดส่องอยู่บนเรือนร่างของเขา

“ฉินเทียนชนะแล้ว!”

“ยินดีด้วยพี่เทียน!”

“พี่เทียนผู้พลานุภาพ!”

วินาทีต่อมา ในที่สุดที่นั่นก็รุกโหมกระหน่ำขึ้นมา ผู้คนตะโกนร้องโหวกเหวก ใบหน้าของทุกคน ล้วนเต็มไปด้วยสีสันแห่งความตื่นเต้นอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

ลิฉุนและเถียหนิงซวงฟื้นขึ้นมาช้าๆ และเมื่อได้เห็นภาพนี้ พวกเขาจึงเผยรอยยิ้มสดใสออกมาอย่างเงียบๆ

ฉินเทียนกะพริบตา เหลือบตามองไปยังเหล่ามือธนู บนผนังภูเขาสูงตระหง่าน และพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า:”พวกนายจงดูให้ดี!”

“เจ้านายของพวกนาย ตกอยู่ในเงื้อมมือของเราแล้ว ใครก็ตามที่กล้ายิงธนู เราก็จะฆ่าเขาก่อน!”

“ยังไม่รีบวางธนูลงอีก!”

เปรียบเสมือนเทพเจ้ากำลังตักเตือนให้รู้ว่าอย่าหลงผิด

สายตาของคนสวมชุดดำเหล่านั้น เต็มไปด้วยความหววดผวา และวางธนูลงตามสัญชาตญาณ

ในเวลานี้เอง ลิเหลียงก็ตะโกนขึ้นมาอย่างกะทันหัน

“ลูกศิษย์ใต้บังคับบัญชาสำนักกิเลนฟังคำสั่ง!”

“ตอนนี้ ฉันขอออกคำสั่งในฐานะเจ้าสำนักให้พวกนาย ยิงธนู!”

“สำนักกิเลนของเรามีเพียงวิญญาณของวีรชนที่เสียชีวิตในสงคราม แต่จะไม่มีเฉลยที่ยอมจำนน!”

“พวกเขากล้าฆ่าฉัน องค์กรจะล้างแค้นแทนฉันเอง!”

“ยังไม่รีบยิงธนูอีก!”

เขาต้องการตายไปพร้อมกับทุกคนจริงๆ เมื่อได้ยินคำพูดนี้ คนชุดดำที่วางธนูลงเหล่านั้น ก็จับธนูขึ้นมาอีกครั้งตามสัญชาตญาณ

จิตใจของฉินเทียนหวาดหวั่นขึ้นมา

ถ้าฝั่งนั้นพร้อมใจตายไปด้วยกัน เช่นนั้นวันนี้ต้องเป็นเหตุการณ์ที่น่าเศร้าสลดแน่นอน

ในขณะที่คนชุดดำเหล่านั้นยังลังเลตัดสินใจไม่ได้อยู่นั้น ทันใดนั้นก็มีเสียงร้องตะโกน มาจากข้างหลังของพวกเขา

ไม่รู้ว่ามีกี่คนที่พุ่งออกมา และกวัดแกว่งดาบในมือฆ่าสังหารมุ่งหน้ามาอย่างดุเดือด

คนชุดดำตกใจยกใหญ่ และไม่ทันจะได้ปล่อยธนูออก ต้องรีบหันกลับมาเพื่อต่อต้าน

ฉินเทียนตะลึงไปครู่หนึ่ง และจำได้เลือนรางว่า ผู้เฒ่าสองคนที่นำทัพในกองกำลังเสริมนั้น ดูเหมือนจะเป็นผู้นำพัธมิตรและรองผู้นำพันธมิตรแห่งพันธมิตรฉู่ในฉู่โจว

“จินหรงผู้นำแห่งพันธมิตรฉู่ นำนักรบคุณธรรมพันธมิตรฉู่ มาช่วยคุณฉินแล้ว!”

“คุณฉินโปรดวางใจได้ คนพวกไม่มีใครหนีพ้นแน่นอน!”

“เจี่ยงว่านทาว รองผู้นำแห่งพันธมิตรฉู่ อยู่นี่แล้ว!”

“พันธมิตรฉู่จะไม่ยอมให้คนจิตใจต่ำทราม ก่อความวุ่นวายในยุทธภพได้!”

ฉินเทียนทั้งตกใจและดีใจ โดยเขาคิดไม่ถึงว่า คนของพันธมิตรฉู่ จะมาในช่วงเวลาที่ที่สำคัญแบบนี้ได้

พันธมิตรฉู่ สหพันธ์นักรบคุณธรรมแห่งฉู่โจว ซึ่งฉู่โจวก็ถือว่าเป็นบ้านฝั่งพ่อแม่ของหยางยู่หลัน และก็เป็นบ้านคุณยายของซูซูด้วย

ช่วงก่อนเทศกาลฉงหยาง ฉินเทียนติดตามซูซูและหยางยู่หลันไปเยี่ยมญาติที่เมืองฉู่โจว ซึ่งมันพอดีเหมาะเจาะกับงานเทศกาลดอกเบญจมาศประจำปีของพันธมิตรฉู่พอดี

ครั้งนั้น ฉินเทียนได้เก็บเกี่ยวมากมาย

พ่ายแพ้จากฉู่โจวคนนี้ เข้าร่วมตระกูลฉินตะวันตกเฉียงเหนือ และกลายเป็นหัวหน้าปีศาจของหนึ่งในแปดนายพล

ตอนนั้นผู้นำจินหรงประกาศว่า ต่อไปพันธมิตรฉู่จะถือเคารพในตัวฉินเทียน

ในเวลาเดียวกัน เขายังปราปราบนายพลที่แข็งแกร่งอย่างถงชวนและเถียปี้ได้ ที่สำคัญกว่านั้นได้เจอกับผู้ใต้บังคับบัญชาของวิหารพญายมอย่างฉานเจี้ยนอีกด้วย

และด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้มีองค์กรคำสาปสวรรค์ในปัจจุบัน

ก่อนหน้านี้เถียปี้ยังเคยเป็นบอดี้การ์ดคนสนิทของเจี่ยงว่านทาวรองผู้นำพันธมิตรอีกด้วย

สถานการณ์คับขันไม่กี่วันก่อนในเจ็ดเมืองทางใต้ ฉินเทียนได้ตกหลุมพรางที่ถูกล้อมทั้งสี่ด้าน ซึ่งเถียปี้ก็เคยแนะนำฉินเทียนว่า จะขอให้พันธมิตรฉู่ออกหน้าให้ความช่วยเหลือหรือไม่

ในตอนนั้น หลังจากที่ฉินเทียนคิดทบทวนไปมาหลายรอบ จึงไม่รับคำแนะนำของเถียปี้

เพราะฉู่โจวเป็นบ้านเกิดเมืองนอนยายของซูซู ความรักความผูกพันที่ฉินเทียนมีต่อพวกเขาก็ดีมากเช่นเดียวกัน ดังนั้นจึงคิดว่าการเก็บพันธมิตรฉู่ไว้ ฉู่โจวก็จะเป็นดินแดนที่บริสุทธิ์

ญาติมิตรสหายเหล่านั้นก็จะปลอดภัย

นอกจากนี้ แม้แต่เขาเองก็เดาไม่ถูก กับสถานการณ์ในตอนนั้น และมีคนเสียชีวิตมากขนาดนั้นเขาไม่อยากเห็นพันธมิตรฉู่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

เพราะถ้าเข้ามาเกี่ยวข้องแล้ว ไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะมีคนตายอีกกี่คน

คิดไม่ถึงว่า ในช่วงเวลาวิกฤตแบบนี้ ท้ายที่สุดพันธมิตรฉู่ก็ตามมาจนได้

ฉินเทียนน้ำตาคลอเบ้า เมื่อเห็นพวกเขาสังหารศัตรูอย่างกล้าหาญ

คำสัญญาบางคำ บางคนอาจลืมเลือนไปนานแล้ว และบางความสัมพันธ์ อาจไม่มีค่าควรที่จะกล่าวถึงเลยสักนิด

แต่สำหรับคนที่ให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือ สำหรับอุปนิสัยผู้ชายเลือดร้อน สัญญาแล้วจะไม่คืนคำ

หนึ่งคำสัญญา ก็คือตลอดชีวิต มันคือสัญญาแห่งชีวิตและความตาย

“ยังมึนงงทำอะไรอยู่อีก? พี่น้องทั้งหลาย บุกเข้าไป!”เถียปี้ที่อยู่ด้านล่างหุบเขาตะโกนเสียงดัง และพุ่งนำขึ้นไปบนกำแพงภูเขา

สมาชิกที่เหลือของคำสาปสวรรค์ เทพเจ็ดดาวตระกูลจี้ และยอดฝีมือท่านอื่นที่อยู่ที่นั่นพึ่งจะรู้สึกตัวได้ว่า

พวกเขาถูกนักยิงธนูเหล่านี้ขู่บังคับเหมือนสัตว์เดรัจฉานมานานขนาดนี้ ความอาฆาตแค้นเต็มอยู่ในทรวงอกมานานแล้วเช่นกัน

ตอนนี้สามารถปลดปล่อยออกมาแล้ว

ท่ามกลางเสียงคำรามโทสะ และร่างที่แข็งแรงปราดเปรียว รีบพุ่งขึ้นไป

ในขณะนี้ฐานทัพที่มั่นคงของเหล่าคนชุดดำที่อยู่ข้างบน ถูกพันธมิตรฉู่โจมตีจนเสียหลัก และไม่ทันได้ปล่อยธนูออกด้วยซ้ำ

บวกกับที่ถูกเหล่ายอดฝีมือบุกรุกด้วยความอาฆาตแค้น จึงทำให้พ่ายแพ้ย่อยยับในเวลาอันสั้น

นอกจากบางคนที่หลบหนีไปได้ คนอื่นๆ บ้างก็เสียชีวิตอยู่ที่นั่น บ้างก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนเคลื่อนไหวไม่ได้ บ้างก็ทิ้งอาวุธลง และยอมให้เจ็บตัวโดยไม่ขัดขืน

หม่าหงเทา จี้ตูและคนอื่นๆ ควบคุมตัวหลายสิบคน เดินลงมาข้างล่างอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกร และพูดด้วยความตื่นเต้นว่า:”พี่เทียน เช็ญพี่จัดการเลย!”

จนถึงตอนนี้ แก๊งลิเหลียง ที่อยู่ภายใต้วิหารเทพสังหาร ที่เรียกว่าสำนักกิเลน ได้พ่ายแพ้อย่างย่อยยับ

ลิเหลียงนั่งลงบนพื้นอย่างจนปัญญา และมองเมฆขาวบนขอบฟ้าอย่างเอ้อละเหย ไม่รู้ว่าคิดสิ่งใดอยู่

“ฆ่าพวกมันเสีย!”

“ฆ่าพวกกระจอกพวกนี้ซะ!”

“หั่นพวกมันไปเลี้ยงสุนัขซะ!”

ชนะตั้งแต่ยกแรก ผู้คนตะโกนดังลั่นด้วยความเดือดดาล

ฉินเทียนเงียบไปครู่หนึ่ง และพูดเสียงทุ้มว่า:”ทุกคนอย่าหุนหันพลันแล่นไป”

“ตอนนี้จะยังสังหารคนพวกนี้ไม่ได้”

“จี้ซิง ควบคุมตัวพวกเขากลับไปก่อน”

จี้ซิงพยักหน้า เขารู้ว่าฉินเทียนต้องการรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิหารเทพสังหารจากปากของลิเหลียง

เพราะเขาเองก็อยากรู้เหมือนกัน