ตอนที่ 253 อดทนจนไม่ไหวแล้วจริงๆ
เขาปฏิบัติกับนางเช่นนี้ นางฟาดหน้าเขาก็สมควรอยู่แล้ว และก็เพราะนางฟาดจนเขาได้สติ ไม่เช่นนั้น ก็ไม่รู้จะเป็นเช่นไร เพียงแต่นางยังขอโทษเขาอยู่ มือนั้นลูบแก้มที่บวมขึ้นมาอย่างแผ่วเบา แววตาทั้งตกใจทั้งหวาดกลัว แทบจะบีบให้ใจเขาแตกสลาย ความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามา เขาล้มตัวลงอย่างเศร้าสร้อย ซุกหน้าไว้ที่ซอกคอของนาง พูดพึมพำว่า “ขอโทษ ข้า…ข้าหน้ามืด…ข้าไม่ควรปฏิบัติเช่นนี้ต่อเจ้า ข้าทำอย่างนี้กับเจ้าได้อย่างไร เฉินยาง…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจ”
สุดท้ายนางก็โล่งใจ คิดจะผลักเขาแล้วลุกขึ้นนั่ง ผลักแล้วไม่ขยับ นางตบหลังเขาเบาๆ “ท่านลุกขึ้นก่อนค่อยพูดคุยกัน”
เขาไม่ขยับ นอนนิ่งๆ อยู่ตรงนั้น เฉินยางจนใจ จู่ๆ ก็รู้สึกที่ซอกคอเปียกชุ่ม หัวใจนางกระตุกวูบ ถามเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า “ท่าน…ท่านร้องไห้หรือ”
ลูกผู้ชายคนหนึ่ง จิตใจเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ ลำบากยากเย็นเพียงไรก็ไม่เคยร้องไห้ วันนี้กลับแพ้ให้กับผู้หญิงคนหนึ่ง หากไม่ใช่น้อยใจก็คือรู้สึกผิด รู้สึกว่าเมื่อครู่ตนทำร้ายนาง ผิดต่อนาง อีกอย่างตนปฏิบัติเช่นนั้นกับนางแล้ว เห็นอยู่แล้วว่ากำลังจะทำผิดใหญ่หลวง นางกลับยังปลอบเขาได้อีก พอเทียบกันดูแล้ว ตัวเองช่างน่าอับอายยิ่งนัก
ในใจเฉินยางรู้สึกประหลาด ตัวเองน้อยใจยังไม่ทันได้เล่าเลย เขากลับชิงร้องไห้ก่อนแล้ว นี่มันเรื่องอะไรกัน!
“พอแล้วๆ ท่านอย่าร้องเลย ท่านทับจนข้าหายใจไม่ออกแล้ว ลุกขึ้นมาพูดคุยกันก่อน”
เสียงของเขาอู้อี้ เจือแววสะอื้น ดูเหมือนเด็กเสียอย่างนั้น “ข้ามันเลอะเลือนจริงๆ ทั้งๆ ที่รู้ว่าที่เจ้าพูดมีเหตุผล แต่ก็…ก็ไม่อาจหยุดได้ ช่วงนี้ข้าอดทนจนเป็นบ้าไปแล้ว เจ้า…เจ้าอย่าได้โทษข้าเลยได้หรือไม่”
เพียงแต่เมื่อครู่ทำเอานางตกใจจริงๆ ไม่เคยเห็นเขามีท่าทางเช่นนั้น แค้นจนอยากจะกัดเขาให้ตาย เพียงแต่ตอนนี้ ถูกเขาก่อกวนเช่นนี้ ไฟโทสะก็ดับลงแล้ว ถึงกับสงสารเขาขึ้นมาอีก นี่นางเพี้ยนไปแล้วจริงๆ ตอนที่เขาใช้กำลังกับตัวเองได้คิดจะสงสารนางหรือไม่ หากให้สีหน้าเขาดีๆ เร็วเช่นนี้ เช่นนั้นแล้ววันหลังเขาจะไม่ยิ่งกว่านี้อีกหรือ หากเขาจะลงมือทำร้ายนาง เช่นนั้นแล้วชีวิตของนางก็คงหมดสิ้น ต้องให้เขารู้ว่า นางเว่ยเฉินยางก็ไม่ใช่คนที่จะถูกรังแกได้ง่ายนัก
“ไม่ได้” นางปฏิเสธอย่างแน่วแน่ “เพียงคำพูดขอโทษประโยคสองประโยคของท่านข้าก็ต้องอภัยให้ท่านงั้นหรือ เช่นนั้นแล้วเมื่อครู่ที่ท่านใช้กำลังกับข้าไฉนถึงไม่นึกถึงผลที่จะตามมา ข้าอธิบายแล้วท่านไม่เชื่อ ยืนกรานจะใส่ร้ายข้า แล้วข้าจะทำอะไรได้ ตอนนี้มาขออภัยกับข้า ข้าจะบอกท่านให้ ไม่มีทาง!”
ตอนนี้นางพูดอยู่นั้นไม่มีความเด็ดเดี่ยวเลย เห็นชัดว่าไม่มีความน่าเกรงขาม เพียงแต่ทุกประโยคนั้นกลับเหมือนดั่งมีดที่ปักลงในใจเฝิงเยี่ยไป๋ ก็จริง ตัวเองยังจะมีหน้าอะไรไปขอให้นางอภัยให้ ครั้งนี้เป็นเขาที่ไร้เหตุผล คิดจะเถียงก็เถียงไม่ออก
เฉินยางใช้ศอกดันอกเขาไว้ เว้นระยะห่างกับเขาหนึ่งชุ่น[1] แล้วพูดไม่ย่อท้อว่า “ข้ารู้ว่าเงินของท่านเป็นของท่าน หากท่านไม่ยอมให้ข้า ได้ ข้าจะไปหายืมกับคนอื่น ยืมแล้วข้าคืนเป็นพอ เพียงแต่ท่านอาศัยอะไรไม่ให้ข้าไป ท่านอาจเห็นท่านหมออิ๋งโจวเดินทางกลับไปมือเปล่า แต่ข้าไม่ได้ บุญคุณน้อยนิดยังต้องตอบแทนอย่างใหญ่หลวง อย่างมากข้าก็แค่เอาเครื่องประดับไปจำนำ ข้าไม่เชื่อว่าจะหาเงินค่าเดินทางให้เขาไม่ได้”
เก่งเสียจริงๆ ยังรู้จักเอาเครื่องประดับไปจำนำอีก เขากำมือนางไว้กดอยู่ที่ขอบเตียง “จำนำเครื่องประดับอะไร ข้าเคยบอกว่าจะไม่ให้เงินเจ้าตอนไหนกัน”
——
[1] ชุ่น เป็นมาตรวัดความยาวจีน เท่ากับ 1 นิ้ว
ตอนที่ 254 จะนวดก็นวดเอง
นางหึเบาๆ เถียงกลับว่า “ท่านพ่อของข้าเคยกล่าวไว้ ขอคนอื่นไม่สู้พึ่งตนเอง จะขอเงินกับท่านยังต้องดูสีหน้าของท่าน ไม่สู้ใช้ของตัวเอง พรุ่งนี้ข้าจะออกไปซักผ้าให้คนอื่น เดือนหนึ่งอย่างน้อยก็ยังได้เงินบ้าง รับอารมณ์คนอื่นก็ยังดีกว่ารับอารมณ์ท่าน”
พูดเป็นเล่น ตอนนี้นางมีฐานะเป็นอะไร เป็นถึงพระชายาตราตั้งขั้นหนึ่ง มีพระชายาคนใดออกไปซักผ้าให้คนอื่นบ้าง ต่อให้นางยอมบากหน้าไปทำ คนอื่นก็ไม่กล้าสั่งให้นางทำ เมื่อใดกันที่พระชายาตกต่ำถึงขั้นต้องไปซักผ้าให้คนอื่นแล้ว หากเป็นเช่นนั้นจริงแคว้นก็คงใกล้จะล่มจมเต็มทีแล้ว
ตกลงนางก็ยังคงเป็นเด็ก พูดอะไรไม่เคยคิด เฝิงเยี่ยไป๋โกรธจนหัวเราะ ประคองนางลุกนั่ง แล้วเขี่ยปลายจมูกนางเบาๆ พลางพูดว่า “เมื่อครู่ข้าโกรธอยู่ ตอนนี้เจ้าเป็นพระชายา ข้ายังจะให้เจ้าขาดเงินใช้ได้เช่นนั้นหรือ เพียงแต่ที่เจ้าพูดก็ถูก ตอนนี้เจ้าก็ควรจะมีเงินติดตัวบ้าง ตัดฐานะพระชายาออกไปก่อนไม่ว่า บ้านพวกเรามีกิจการใหญ่โต ย่อมไม่ขาดเงินแน่นอน ถ้าเจ้าออกไปยืมเงินกับเว่ยหมิ่น นางคงจะคิดว่าข้าตายไปแล้ว”
เฉินยางมีนิสัยดื้อดึง ใช้ของคนอื่นก็ต้องยอมเขา นางไม่อยากได้เงินของเขา นางเบือนหน้าหนี แล้วแค่นเสียงหึเบาๆ ด้วยความดื้อดึง “ข้าไม่เอาเงินของท่านหรอก”
คนบ้านเดียวกันกลับพูดถึงบ้านคนอื่น คิ้วเฝิงเยี่ยไป๋เริ่มขมวดขึ้นมา “ของข้าก็เป็นของเจ้า เงินของตัวเองก็ไม่เอาหรือ”
นางอยากจะพูดคำว่า ‘ไม่เอา’ คำนี้ออกมาอย่างห้าวหาญ เพียงแต่เงินเป็นเจ้านาย เห็นแล้วต้องก้มศีรษะให้ ไม่มีเงินทำอะไรไม่ได้ หลังจากที่ฝืนอยู่นาน สุดท้ายก็ยังต้องก้มศีรษะแต่โดยดี พูดเสียงเบาว่า “เอา” จากนั้นก็เงียบทันที
เขาขยับเข้าไปใกล้แล้วจูบปากที่บุ้ยอยู่ของนาง หลังจากแอบจูบนางไปแล้วก็ได้ใจ แสร้งทำเป็นขึงขังจริงจังว่า “เมื่อครู่พูดอะไรหรือ ข้าไม่ได้ยิน”
เฉินยางแค้นจนแทบอยากจะกัดฟันให้แตกทั้งปาก “ท่านบอกว่าจะให้เงินข้า เอามา ข้าเอา”
เขาเกาหู ยังคงทำเป็นไม่ได้ยิน “เอาอะไร”
นางพูดซ้ำอีกครั้งด้วยท่าทางโกรธแค้น “เอาเงิน”
คราวนี้ได้ยินชัดแล้ว เขาทำหน้าผิดหวัง ถอนหายใจพูดว่า “ข้าคิดว่าเจ้าจะเอาข้าเสียอีก”
ก็มีเพียงเขาที่ชอบคิดเข้าข้างตัวเอง เพียงแต่ตอนนี้ก็ไม่สนอะไรมากมายเช่นนั้นแล้ว เอาเงินให้อิ๋งโจวเป็นเรื่องสำคัญกว่า
“โอ๊ย ข้าล่ะเจ็บหน้าจริงๆ เลย เจ้าดู หน้าอ่อนนุ่มนิ่มของข้าถูกเจ้าตบเข้าให้ พรุ่งนี้จะให้ข้าออกไปพบคนอื่นได้อย่างไร” เขาเอาหน้าที่มีรอยฝ่ามือข้างนั้นขยับไปใกล้ๆ ผิวที่อ่อนนิ่มนี้ยังสามารถเป็นรอยฝ่ามือได้ เหมือนกับคนที่อายุสามสิบเสียที่ไหน แทบจะเหมือนเด็กที่ยังไม่โตเสียมากกว่า
เนื้อเป็นเนื้อนิ่ม ผิวก็เป็นผิวดี เพียงแต่เฉินยางมองแล้วก็รู้สึกโกรธ นางยังไม่ได้บ่นที่ข้อมือตนเองถูกเขาบีบจนแดงเลย เขากลับดีนัก ถึงกับชิงฟ้องขึ้นมาก่อน เฉินยางกัดฟันด้วยความแค้น แล้วจิ้มไปที่หน้าเขาอย่างแรง “ลูกผู้ชายมีนิสัยเอาแต่ใจเช่นนี้ใช้ได้ที่ไหน หลับไปคืนหนึ่งพรุ่งนี้เช้าก็ดีขึ้นแล้ว”
เฝิงเยี่ยไป๋ร้องโอดโอย “เจ้านวดให้ข้าหน่อย”
นวด? ตบเขาอีกครั้งหนึ่งยังดีกว่านวดอีก
เฉินยางเอามือไพล่ไว้ข้างหลัง ปฏิเสธเขาอย่างเด็ดขาด “จะนวดก็นวดเอง”
“ข้าเป็นสามีของเจ้า ข้าเป็นเช่นนี้เจ้าไม่สงสารบ้างหรือ” เมื่อครู่ยามมือเล็กๆ นุ่มนิ่มนั้นลูบไล้ใบหน้าของเขาเบาๆ เหมือนดั่งลมเย็นพัดผ่าน เพียงแต่เจ้าเด็กนี่ลงมือเ**้ยมโหดเสียจริง ฟาดจนหน้าเขาชาไปครึ่งซีก เพียงแต่พอคิดว่ามือของนางก็คงเจ็บ ดังนั้นแล้วที่นางฟาดไปนั้นก็ถือว่าได้ไม่คุ้มเสีย
เฉินยางหดมือถอยไปข้างหลัง “ข้าไม่สงสารท่านหรอก”