ตอนที่ 1568

War sovereign Soaring The Heavens

มือที่มองไม่เห็น!

 

ทัศนคติของคุณชายใหญ่ตระกูลซือถู ซือถูหัง นับว่าประทับใจต้วนหลิงเทียนไม่น้อย

 

และทันทีที่ต้วนหลิงเทียนแลเห็นปานรูปแมงมุมดำบนหว่างคิ้วของอีกฝ่าย เขาก็มั่นใจเกินกว่า 9 ส่วนว่านี้สมควรเป็นอาคมมาร แมงมุมหยิน ที่เขาคาดไว้จริงๆ!

 

แน่นอนว่าเขาไม่กล้ามั่นใจเต็มสิบส่วนหากยังไม่ได้ใช้พลังวิญญาณตรวจสอบให้รู้ชัด

 

“ผ่อนคลายเถอะ…”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวกับซือถูหังด้วยเสียงอ่อน ให้ความรู้สึกเสมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิ

 

และทันทีที่ซือถูหังไม่เคร่งเครียดต่อต้านอะไร พลังวิญญาณของต้วนหลิงเทียนพลันแผ่พุ่งออกไปเข้าสู่หว่างคิ้วของซือถูหังทันที กล่าวให้ชัดคือพุ่งเข้าไปยังปานสีดำรูปแมงมุมที่หว่างคิ้วอีกฝ่าย!

 

“อ๊าค!!”

 

ทันทีที่พลังวิญญาณต้วนหลิงเทียนแผ่พุ่งเข้าไปยังปานรูปแมงมุมดำ ซือถูหังพลันกรีดร้องออกมาทั้งทรุดลงไปนอนทันที!

 

“เจ้าทำอะไร!?!”

 

เห็นฉากนี้ซือถูโฮ่วที่อยู่ด้านข้างถึงกับอดรนทนไม่ไหว สีหน้ามันเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เร่งจับจ้องต้วนหลิงเทียนตาขวาง

 

อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนไม่ได้แยแสอะไรมัน

 

กลับเผยรอยยิ้มมั่นใจขึ้นที่มุมปากบางๆแทน

 

รอยยิ้มนี้ของต้วนหลิงเทียน ย่อมเข้าสู่สายตาของซือถูโฮ่วเป็นธรรมดา ทำให้มันรู้สึกชะงักไปทันที ‘เขาช่วยหังเอ้อได้จริงๆหรือ…’

 

ตั้งแต่ตอนแรกที่เห็นอีกฝ่ายกระทั่งสยบผู้ดูแลฝู มาตอนนี้ต้วนหลิงเทียนกลับยิ้มด้วยความมั่นใจแม้จะเห็นอาการป่วยของซือถูหัง…ทำให้ซือถูโฮ่วยิ่งมายิ่งมองชายหนุ่มชุดม่วงผู้นี้ไม่ออก ถึงแม้พลังฝีมือของอีกฝ่ายจะไม่ใช่ขอบเขตเซียนหากแต่กลับเต็มไปด้วยความลึกลับ…

 

“เจ้ามีหนทางแล้วหรือ?”

 

สูดลมหายใจเข้าลึกๆเฮือกหนึ่ง ซือถูโฮ่วพลันกล่าวถามออกมาเสียงเข้ม

 

อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนยังคงไม่สนใจซือถูโฮ่ว เพียงเอื้อมมือขวาออกไป แล้วใช้นิ้วโป้งกดลงไปยังปานรูปแมงมุมดำที่หว่างคิ้วของซือถูหัง

 

พริบตาต่อมาก็เห็นได้ชัดว่าปานรูปแมงมุมดังกล่าวมันจางลงไปเล็กน้อย!

 

ถึงแม้ว่ามันจะจางลงแค่เพียงเล็กน้อย แต่ซือถูโฮ่วที่จับจ้องมองทุกการกระทำของต้วนหลิงเทียนอย่างไม่วางตาย่อมแลเห็นได้ชัดเจน!

 

ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนไม่จำเป็นต้องตอบ มันก็ได้รับคำตอบที่ต้องการแล้ว รอยยิ้มพลันคลี่กางออกมาบนใบหน้าทันที ยังเป็นรอยยิ้มยินดีที่มาจากก้นบึ้งของใจ!

 

“อา…”

 

เมื่อต้วนหลิงเทียนถอนมือออกมา ซือถูหังก็ตื่นขึ้นมาทันที สีหน้ายังแลดูดีขึ้นเล็กน้อย

 

“เกิดอันใดขึ้นกัน…ไฉนตอนนี้ข้ารู้สึกดีขึ้นแบบนี้?”

 

ซือถูหังกล่าวออกด้วยความแปลกใจ

 

ครู่ต่อมาคล้ายมันนึกอะไรออก เร่งหันไปมองต้วนหลิงเทียนด้วยความตกตะลึงทันที “เป็น…ฝีมือท่าน?”

 

“แล้วยังจะมีใครได้ล่ะ?”

 

ต้วนหลิงเทียนรู้ดีว่าตอนนี้ซือถูหังคิดอะไรอยู่ เขากล่าวถามออกมาด้วยรอยยิ้มบางๆ “ข้าพอจะรู้แล้วว่าเจ้าโดนอะไรมา…แถมไม่ใช่เรื่องยากที่จะช่วยเจ้าสลาย อาคมมาร ที่เจ้าโดน.. แต่เจ้าต้องเตรียมวัตถุดิบบางอย่างให้ข้า สำหรับตระกูลซือถูแล้วคงหาพวกมันได้ไม่ยาก”

 

เพียงวาจาครึ่งประโยคแรกของต้วนหลิงเทียนซือถูหังก็อื้ออึงไปแล้ว แทบไม่ได้ฟังท้ายๆเลย

 

ถึงแม้มันจะยังไม่รู้ว่า ‘อาคมมาร’ คืออะไร แต่มันมั่นใจว่าสมควรเป็นอะไรที่ทำให้มันกลับกลายเป็นแบบนี้

 

ทว่าเรื่องที่สำคัญที่สุดคือ ชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้ากลับบอกว่าสามารถรักษามันได้?!

 

นี่มัน…

 

จังหวะนี้ซือถูหังรู้สึกเสมือนกำลังจะได้หลุดพ้นออกจากขุมนรกขึ้นสู่สวรรค์!

 

ต้องทราบด้วยว่าความทรมานเจียนตายได้เคี่ยวกรำจิตใจมันจนอ่อนล้า และไม่เหลือความหวังอะไรแล้ว

 

อย่างไรก็ตามมันกลับไม่คิดไม่ฝันเลย ว่าขนาดปรมาจารยเซียนหลอมโอสถระดับ 4 และปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 4 ดาวมากมายล้วนจนปัญญาและกล่าวบอกว่ามันอาจอยู่ได้ไม่พ้นสิ้นเดือนนี้! ทว่าชายหนุ่มผู้นี้กลับสามารถมอบแสงแห่งความหวังให้มัน!!

 

อรุณรุ่งแห่งความหวังนี้ สลายหมอกควันมืดมัวในใจมันทันใด!

 

ใครจะอยากตายหากสามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้?

 

นับประสาอะไรกับอยู่ในสภาพไม่ยินยอม!

 

“เจ้าหนุ่ม…อาคมมารคืออันใดหรือ”

 

ตอนนี้เองซือถูโฮ่วที่อยู่ข้างๆอดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกมา

 

“อาคมมารมันก็เป็นอาคมเซียนประเภทหนึ่ง…แต่ไม่เหมือนอาคมเซียนทั่วไป มันเป็นอาคมเซียนที่จารึกขึ้นมาเพื่อส่งผลร้ายต่อผู้อื่น…นอกจากนี้มันยังเป็นอาคมเซียนประเภทใช้ได้ครั้งเดียวแล้วหายไป คล้ายๆกับยันต์เต๋า”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกตามตรง

 

“มีอาคมเซียนพรรค์นี้อยู่ด้วย!?”

 

ซือถูโฮ่วอดไม่ได้ที่จะตกใจเมื่อได้ยิน “ข้าพึ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก!”

 

“แล้วไฉนเสี่ยวหังถึงได้โดนอาคมมารนี้เล่า!?”

 

ซือถือโฮ่วเร่งกล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย

 

“อาคมมารในเมื่อมันเป็นอาคมเซียนประเภทหนึ่ง เช่นนั้นมันก็ต้องมีการจารึก…โดยมากแล้วมันจะถูกจารึกไว้ในศาสตราหรือสิ่งของที่ต้องใช้ อีกทั้งยังสามารถผสานเข้ากับอาคมเซียนทั่วไปได้อย่างไร้ร่องรอย ยากที่คนทั่วไปจะสังเกตเห็น เมื่อมีคนสัมผัสกับศาสตราเซียนที่จารึกอาคมมารเอาไว้ เมื่อเปิดใช้อาคมเซียนในศาสตราดังกล่าวก็จะกระตุ้นอาคมมารให้ทำงาน และมันจะเริ่มแทรกซึมทำร้ายตัวผู้ใช้ทันที”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกชัดถ้อยชัดคำ

 

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขารู้จากหยกบันทึกข้อมูลที่มีเคล็ดวิชาจารึกพิสดาร

 

อย่างไรก็ตามข้อมูลที่บันทึกไว้ในแผ่นหยกมีเพียงข้อมูลและวิธีทำลายอาคมมารเท่านั้น ไม่มีวิธีจารึกอาคมมารแต่อย่างใด

 

นอกจากนั้นอาคมมารที่ถูกบันทึกไว้ในหยกดังกล่าวก็เป็นอาคมมารเบื้องต้น แม้จะมีมากมายหลายอาคมหากแต่ก็นับเป็นอาคมมารทั่วๆไป

 

อาคมมารแมงมุมหยินที่ซือถูโหวโดนนั้นเป็นอาคมมารแมงมุมหยินระดับ 2 ดาว ซึ่งถือว่าไม่ได้ร้ายกาจและซับซ้อนอะไรมากมาย

 

“ศาสตราเซียน?”

 

ได้ยินวาจานี้ของต้วนหลิงเทียน ซือถูโฮ่วกับซือถูหังหันหน้ามามองสบตากันทันที และต่างเห็นถึงแววตาเหลือเชื่อของกันและกัน

 

“ข้าได้ยินมาว่า คุณชายซือถูเป็นแบบนี้หลังจากได้รับศาสตราเซียนพระราชทาน?”

 

ต้วนหลิงเทียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งค่อยกล่าวถามออกไป

 

ซือถูโฮ่วเงียบไปทันใด

 

“ไม่มีทางเป็นท่านลุงไปได้!”

 

ซือถูหังส่ายหัวไปมา กล่าวออกด้วยความมั่นใจถึงที่สุด

 

ท่านลุงที่มันกล่าวนั้น แน่นอนว่าคือฮ่องเต้ฝูเฟิง!

 

“เจ้าเอาศาสตราเซียนนั่นออกมาให้ข้าดูหน่อยได้ไหม?”

 

ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามซือถูหัง

 

ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะยังรักษามันไม่หาย แต่ก็เป็นเรื่องจริงที่อาการของมันดีขึ้นทันตาเห็น ซือถูหังจึงไม่คิดปฏิเสธ ทั้งยังมองต้วนหลิงเทียนเสมือนฟางเส้นสุดท้ายของมัน รีบให้ความร่วมมือแต่โดยดี

 

“นี่ท่าน”

 

ยกมือขึ้นเบาๆ ปรากฏหอกยาว 7 ฉื่อจากความว่าง ยื่นส่งให้ต้วนหลิงเทียน

 

เมื่อรับหอกดังกล่าวมาต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ถึงความไม่ธรรมดาของวัตถุดิบที่ใช้หลอมหอกเล่มนี้ทันที

 

ตัวหอกมีไอเย็นเสียดกระดูกนัก เพียงจับก็รู้สึกเสมือนถูกไอเย็นชำแรก

 

หากแต่ต้วนหลิงเทียนไม่ได้สนใจอะไร สองตาเขาสังเกตเห็นอาคมเซียน 3 อาคมที่จารึกไว้บนด้ามหอกทันที

 

เขาสามารถจดจำอาคมเซียนทั้ง 3 ได้ ต่างเป็นอาคมเซียนระดับ 3 ดาวทั้งสิ้น

 

จากที่เขารู้มาหอกนี้สมควรมีอาคมเซียนระดับ 4 อยู่ด้วย และเนื่องจากไม่ได้อยู่ที่ด้ามเช่นนั้นก็ต้องเป็นปลายหอก

 

แน่นอนว่าต้วนหลิงเทียนย่อมพึ่งเคยเห็นอาคมเซียนระดับ 4 ดาวเป็นครั้งแรก เพราะตั้งแต่มายังดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า นี่ก็เป็นครั้งแรกเลยจริงๆที่เขาเห็นอาคมเซียนระดับ 4 ดาว…

 

อาคมเซียนระดับ 4 ดาวกระทั่งศิษย์พี่ของเขาอย่างป๋ายลี่หงยังไม่มีสามารถจารึก!

 

แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เพราะความรู้ของศิษย์พี่อ่อนด้อยอะไร หากแต่ด่านพลังฝึกปรือไม่สูงพอจะจารึกอาคมเซียนระดับ 4!

 

ตราบใดที่ศิษย์พี่เขาบุกทะลวงไปถึงขอบเขตเซียน กลายเป็นตัวตนในขอบเขตเซียนได้สำเร็จ พลังวิญญาณก็ต้องเพิ่มพูน ถึงตอนนั้นก็ไม่ยากอะไรที่จะจารึกอาคมเซียนระดับ 4 ดาว!

 

ตราบใดที่พลังฝึกปรือถึง ศิษย์พี่เขาย่อมกลายเป็นปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 4 ดาวได้ทันที!

 

“พบเบาะแสอันใดหรือไม่?”

 

ซือถูหังอดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกมา

 

อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนยังไม่ได้ตอบคำ ความสนใจของเขายังอยู่ที่อาคมเซียนระดับ 4 ดาวที่ปลายหอก

 

อาคมเซียนระดับ 4 ดาวนี้มีไว้ทำอะไร ต้วนหลิงเทียนก็ยังไม่สามารถบอกได้

 

ผ่านไปครู่หนึ่งหลังจากการสังเกตรายละเอียดต่างๆบนรอยจารึก พลังวิญญาณเขาก็สัมผัสได้ถึงร่องรอยบางอย่างที่หลงเหลือไว้จางๆในลวดลายและอักขระจารึกของอาคมเซียนระดับ 4 ดาวดังกล่าว…

 

“เป็นอาคมมารจริงๆ”

 

ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่มุมปากของต้วนหลิงเทียนพลันปรากฏรอยยิ้มเย้ยหยันขึ้นมา

 

“เจ้าบอกว่าฮ่องเต้ไม่มีวันทำร้ายเจ้าแน่หรือ?”

 

พอละสายตาออกมาจากหอกต้วนหลิงเทียนก็หันไปถามซือถูหังทันที

 

“ใช่”

 

ซือถูหังพยักหน้าด้วยความมั่นใจ “ไม่ต้องสนใจเรื่องที่ฮ่องเต้เป็นท่านลุงของข้า ด้วยฐานะของท่าน ย่อมมิมีเหตุผลที่จักทำร้ายข้าเช่นนี้…อีกทั้ง…”

 

เมื่อกล่าวถึงจุดนี้ใบหน้าที่ซีดเซียวของซือถูหังก็คล้ายจะขึ้นสีแดงเล็กน้อย ท่าทางของมันแลดูคล้ายสาวน้อยขี้อายอย่างไรชอบกล ถึงขั้นไม่อาจกล่าวให้จบประโยคได้

 

“หากมิเกิดเรื่องร้ายๆอันใดกับเสี่ยวหัง…อีกครึ่งปีหลังจากนี้เสี่ยวหังจักเข้าพิธีวิวาห์กับองค์หญิงชิวหมิง…อีกทั้งนี่ยังเป็นสมรสพระราชทานจากฝ่าบาท”

 

ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วเพราะซือถูหังกล่าวไม่จบคำ ซือถูโฮ่วพลันกล่าวต่อออกมาก่อน “องค์หญิงชิวหมิงยังเป็นธิดาเพียงคนเดียวของฝ่าบาท”

 

ทันใดนั้นต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้

 

เช่นนั้นแล้ว ฮ่องเต้ ก็ไม่มีแรงจูงใจในการทำร้ายคุณชายใหญ่จริงๆ

 

ในฐานะธิดาองค์เดียว ไม่ต้องบอกก็รู้ฝ่าฮ่องเต้ฝูเฟิงจะรักถนอมองค์หญิงขนาดไหน!

 

ย่อมเป็นไปไม่ได้เลยที่จะฆ่าลูกเขยที่กำลังจะแต่งงานกับธิดาของตัวเองแบบนี้!

 

เพราะสุดท้ายแล้วโลกนี้ก็เสมือนประเทศหัวเซี่ยบนโลกเก่าเขาในสมัยโบราณ พิธีวิวาห์ของบุตรีมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด เป็นไปไม่ได้ที่จะมาล้อเล่นอะไรแบบนี้!

 

“หากไม่ใช่ฮ่องเต้…ถ้างั้นก็หมายความว่ามีการจารึกอาคมมารหลังจากนั้น”

 

ต้วนหลิงเทียนหันไปมองซือถูหังทั้งกล่าวถามออกมาทันที “หลังจากที่ฮ่องเต้มอบหอกเล่มนี้ให้กับเจ้า มีใครเคยขอยืมมันไปหรือไม่? เพราะหากมีมือมืดคิดจะจารึกอาคมมารลงบนหอกจริงๆ ต่อให้เป็นผู้ฝึกมารที่เป็นปรมาจารย์จารึกเซียนระดับสูง ก็ต้องใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนในการจารึกมัน! อาคมมารนั้นต่างจากอาคมเซียนทั่วไป…เพราะมันเป็นอาคมที่ใช้ได้ครั้งเดียวและมีอันตรายสูงกว่า”

 

“ใช่แล้วเสี่ยวหัง เจ้าได้ให้ผู้ใดยืมหอกเล่มนี้ไปหรือไม่?”

 

ซือถูโฮ่วเร่งถามออกมาทันที

 

ก่อนที่ซือถูหังจะกล่าวตอบ ทั้งซือถูโฮ่วกับต้วนหลิงเทียนก็รอจะฟังคำตอบนี้ด้วยความสนใจแล้ว

 

เมื่อได้ยินคำอธิบายของต้วนหลิงเทียนและคำถามของซือถูโฮ่ว สีหน้าของซือถูหังก็เปลี่ยนไปใหญ่หลวง ในแววตาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ ไม่เข้าใจ สุดท้ายก็กลายเป็นคับแค้น

 

“เป็นผู้ใด!?”

 

ลูกตาซือถูโฮ่วเย็นลงทันใดเมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ยังถามออกมาเสียงเย็น

 

ตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนยังรู้สึกเสมือนอุณหภูมิในห้องลดต่ำลงอย่างฉับพลัน!

 

‘สมแล้วที่เป็นขอบเขตเซียน ยามมีโมโหช่างต่างจากคนธรรมดานัก’

 

ต้วนหลิงเทียนที่ลอบคิดในใจอดไม่ได้ที่จะเดาะลิ้น

 

“ซือถูจั๋ว”

 

ซือถูหังถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง

 

“เป็นมันจริงๆ!!”

 

สีหน้าซือถูโฮ่วยิ่งมายิ่งมืดลง “สารเลวนั่นมันกล้าดีอย่างไร! ข้าจะลากคอมันไปโถงคุมกฏเดี๋ยวนี้!!”

 

กล่าวจบซือถูโฮ่วก็เผยท่าทีเดือดดาลยังคล้ายจะเร่งรุดไปทุบตีผู้คน

 

“ท่านปู่ช้าก่อน!”

 

“ช้าก่อน!”

 

เสียงซือถูหังดังขึ้นพร้อมๆกันกับต้วนหลิงเทียน หยุดร่างซือถูโฮ่วเอาไว้ได้ทันท่วงที

 

“หืม?”

 

ซือถูโฮ่วมองซือถูหังด้วยความสงสัย ก่อนจะหันไปมองต้วนหลิงเทียนอย่างสับสน มันไม่รู้ว่าไฉนทั้งคู่ถึงกล่าวหยุดมันออกมาพร้อมเพรียงราวกับนัดกันมาแบบนี้…