คฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน
“ท่านปู่ พวกเรามิมีหลักฐานเอาผิดมัน…”
ซือถูหังกล่าวออกด้วยรอยยิ้มขื่นขม
“มิใช่ว่ามีคุณชายท่านนี้หรอกรึ?”
ซือถูโฮ่วกล่าวออกมา ก่อนที่จะหันมองไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยแววตาเลื่อมไส เห็นได้ชัดว่าเชื่อถือในความสามารถของต้วนหลิงเทียนแล้ว
แน่นอนว่านี่เป็นเพราะต้วนหลิงเทียนพึ่งสร้างปาฏิหาริย์ ฟื้นฟูอาการซือถูหังได้ทันตาเห็น ซึ่งเรื่องนี้เป็นอะไรที่กระทั่งปรมาจารย์เซียนหลอมโอสถระดับ 4 ดาว ปรมาจารย์จารึกเซียนระดับ 4 ดาว และแม้แต่ปรมาจารย์แพทย์ที่เป็นหมอหลวงยังไม่อาจกระทำได้สำเร็จ!!
“จากที่คุณชายท่านนี้กล่าวบอก อาคมมาร ที่ว่ามันไร้ร่องรอยยากแยกแยะ…การที่คุณชายท่านนี้สามารถค้นพบอาคมมารได้ล้วนเป็นเพราะคุณชายมีความสามารถสูงส่ง…ทว่าคนอื่นไหนเลยจักมีปัญญาค้นพบมันได้?”
ซือถูหังเผยความกังวลออกมา
“ตราบใดที่คุณชายท่านนี้รักษาเจ้าจนหายดี ยังกล้ามีอ้ายอีตัวใดไม่เชื่อ?!”
ซือถูโฮ่วเห็นชัดว่าไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆทั้งสิ้น
“ถึงแม้ว่าคุณชายท่านนี้จักรักษาข้าได้ แต่เกรงว่าอาศัยเพียงถ้อยคำวาจา ย่อมมิอาจทำให้ผู้ใดเชื่อเรื่องอาคมมารได้ลง…เพราะหากคุณชายท่านนี้มิได้เล่าเรื่องราวของอาคมมารออกมา ข้าเองก็มิรู้ด้วยซ้ำว่าโลกหล้าที่แท้มีอาคมมารอยู่ด้วย แถมซือถูจั๋วมิใช่ตัวโง่งม มันย่อมปัดสวะให้พ้นตัว กระทั่งสามารถรอดพ้นข้อกล่าวหาไปได้แน่…”
ซือถูหังกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ
“คุณชายซือถูกล่าวถูกแล้ว พวกเราไม่อาจวู่วาม…หากท่านคิดจะไปจับซือถูจั๋วที่ว่าจริง เรื่องนี้ต้องคิดให้มาก”
สุดท้ายต้วนหลิงเทียนก็กล่าวออกมา
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าซือถูจั๋วเป็นใคร แต่จากท่าทีของซือถูหังและซือถูโฮ่ว เห็นชัดว่าซือถูจั๋วต้องมีความเกี่ยวข้องกับซือถูหังในฐานะคู่แข่งหรืออะไรสักอย่าง
“คุณชายท่านนี้กล่าวถูกแล้ว…”
ซือถูหังพยักหน้าเห็นด้วยกับต้วนหลิงเทียน มันพยายามกระเสือกกระสนลุกขึ้นมาจากเตียงอย่างยากลำบาก ค่อยประสานมือโค้งคารวะต้วนหลิงเทียนด้วยความขอบคุณ “ขอบคุณท่านปรมาจารย์ที่ช่วยเหลือข้า…หาไม่แล้วน่ากลัวว่าตัวข้าคงมิอาจอยู่พ้นเกินสิ้นเดือน…”
ถึงแม้ชายหนุ่มในชุดสีม่วงเบื้องหน้าจะยังไม่ทันรักษามันให้หายดี แต่อาการของมันก็ดีขึ้นทันตาเห็นราวปาฏิหาริย์ ยังเปลี่ยนคำเรียกหาด้วยความยกย่องเลื่อมไส
“คุณชายใหญ่ซือถูเกรงใจไปแล้ว”
ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆ
“ข้าขอทราบนามสูงส่งของท่านปรมาจารย์ได้หรือไม่?”
ซือถูหังกล่าวถามด้วยความสุภาพ
“ต้วนหลิงเทียน”
ภายใต้สายตาที่จับจ้องมองมาด้วยความสนใจบองซือถูหังกับซือถูโฮ่ว ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆกล่าวตอบ
จนถึงตอนนี้ยิ่งมองเขายิ่งประทับใจในตัวคุณชายใหญ่ผู้นี้นัก
ด้วยประสบการณ์ 2 ช่วงชีวิต สายตาในการดูคนของเขาไม่ใช่ต่ำทราม เพียงเห็นกริยาและการกระทำของอีกฝ่าย เขาก็รู้ได้ทันทีว่านี่ไม่ใช่คนรวยรุ่นที่ 2 จำพวกนายน้อยอวดดีนิยมวางอำนาจบาตรใหญ่ หากแต่เป็นสุภาพบุรุษและวิญญูชนอันเที่ยงแท้คนหนึ่ง
“เป็นปรมาจารย์ต้วนนี่เอง”
อย่างไรก็ตามอาการของซือถูหังก็ไม่ใช่ว่าจะฟื้นฟูดีขึ้นมากมายอะไร หลังยืนได้ไม่นานร่างมันก็ทรุดลงไปนั่งบนเตียงอีกครั้ง
“เสี่ยวหังเจ้าพักผ่อนก่อนเถอะ”
เห็นดังนั้น ซือถูเร่งวูบร่างมาประคองให้อีกฝ่ายนอนลงทันที
“อา”
ซือถูหังเชื่อฟังคำ ก่อนที่จะยิ้มให้ต้วนหลิงเทียนด้วยความขอบคุณอีกครั้ง สองตาปิดลงพักผ่อน…
ขณะเดียวกันต้วนหลิงเทียนก็รู้งาน เมื่อเห็นซือถูโฮ่วเดินออกไป เขาก็เดินตามไปเพื่อให้ซือถูหังได้พักผ่อนดีๆ
“ปรมาจารย์ต้วนข้าต้องขออภัยกริยาไม่เหมาะสมและความหยาบคายที่ตัวข้ากระทำลงไปก่อนหน้านี้ด้วย…”
ทันทีที่ออกมาจากห้องของซือถูหัง ซือถูโฮ่วก็ประสานมือกล่าวขอขมาต้วนหลิงเทียนออกมาด้วยแววตาสำนึกผิดและเสียใจ เห็นได้ชัดว่ามันกล่าวถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่ลอบสั่งให้ผู้ดูแลฝูทดสอบต้วนหลิงเทียน
“อาวุโสโฮ่วอย่าได้คิดมากไป ข้าเข้าใจดีว่าท่านเป็นห่วงคุณชายใหญ่มากเพียงใด”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
หลังจากได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน ซือถูโฮ่วพลันยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ทั้งเร่งถามออกมาด้วยความสนใจทันที “ปรมาจารย์ต้วน ท่านใช่ยอดฝีมือในรายนามนภาหรือไม่?”
“ยอดฝีมือในรายนามนภา?”
เมื่อเห็นซือถูโฮ่วมองถามมาตาเป็นประกายด้วยความคาดหวัง ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะสับสน “เอ่อ…นั่นมันอะไรเหรอ?”
‘รายนามปฐพี’ เขาเคยได้ยินมาก่อน
หากแต่ ‘รายนามนภา’ นั่นมันอะไรกัน?
“ปรมาจารย์ต้วน…ท่านมิรู้จักรายนามนภาหรือ?”
เมื่อเห็นว่าต้วนหลิงเทียนไม่คล้ายแสร้งทำเป็นไม่รู้จริงๆ ซือถูโฮ่วอดไม่ได้ที่จะกล่าวถามออกมาด้วยความประหลาดใจ
“ข้าพึ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรกนี่ล่ะ”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบ “ข้าเคยได้ยินเรื่อง รายนามปฐพี มาก่อน ว่ามันมีไว้จัดอันดับยอดฝีมือในขอบเขตหลุดพ้นมนุษย์”
“รายนามปฐพีกับรายนามนภานั้นต่างกันราวฟ้าดิน…ในดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า มีรายนามปฐพีมากมายหลายชุดนัก หากแต่มีรายนามนภาเพียงแค่ราวๆ 10 กว่าชุดเท่านั้น”
ซือถูโฮ่วส่ายหัวไปมา
“ท่านบอกรายละเอียดของมันได้หรือไม่?”
หลังได้ยินคำของซือถูโฮ่ว ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวถามเพิ่มเติมออกมา เขาเริ่มสนใจรายนามนภาอะไรนี่ขึ้นมาแล้ว
จากนั้นภายใต้การกล่าวชี้แนะของซือถูโฮ่ว ต้วนหลิงเทียนก็ได้รับทราบว่ารายนามนภาที่ว่าคืออะไร มันคือสิ่งที่ขุมพลังชั้น 5 ได้จัดสร้างขึ้นภายใต้การปกครอง เป็นการจัดอันดับยอดฝีมือในขอบเขตสู่เซียน ในรายนามได้รวบรวมไว้ซึ่งรายชือของสุดยอดฝีมือขอบเขตสู่เซียน!
ประเทศฝูเฟิงแม้จะเป็นขุมพลังชั้น 6 และตั้งตัวเป็นประเทศอิสระ แต่กล่าวไปก็อยู่ภายในเขตอิทธิพลของขุมพลังชั้น 5 อย่างคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน และยังต้องจ่ายส่วยเพื่อตัดปัญหาเช่นกัน
ในพื้นที่อิทธิพลของ คฤหาสน์หลิ่งหนานหยวนนั้นมีขุมพลังชั้น 6 ทั้งสิ้น 11 ขุมพลัง และประเทศฝูเฟิงก็เป็น 1 ในนั้น
ดังนั้นแล้วยอดฝีมือในรายนามนภาของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน ก็คือสุดยอดฝีมือขอบเขตสู่เซียนในเขตอิทธิพลของคฤหาสน์หลิ่งหนานหยวน
ในบรรดายอดฝีมือขอบเขตสู่เซียนมากมายที่อยู่ในเขตอิทธิพลนี้ มีเพียงคนในประเทศฝูเฟิงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่ติดอันดับในรายนามนภา
“ข้ามิคาดจริงๆว่าอย่างท่านปรมาจารย์ต้วนจักไม่ทราบเรื่องรายนามนภา…ข้าขอถามได้หรือไม่ว่าปรมาจารย์ต้วนมาจากที่ใด?”
ซือถูโฮ่วกล่าวถามด้วยความสงสัย
“ข้ามาจากเขตปกครองของ 9 พันธมิตรน่ะ”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกไปตามตรง เพราะเดิมทีเขาก็ตั้งใจไว้แต่แรกแล้วว่าจะขอแรงตระกูลซือถูให้ช่วยตามหา พวกป๋ายลี่หง ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไร
“เขตปกครอง 9 พันธมิตรหรือ?”
ซือถูโฮ่ว โค้งคิ้วขึ้น “หากข้าจำมิผิดเขตปกครอง 9 พันธมิต สมควรตั้งอยู่ในพื้นที่ชายขอบดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าเรา เลยจากทะเลทรายลงไปตอนใต้…มิคิดเลยว่าสถานที่เช่นนั้นจักเพาะสร้างคนอย่างปรมาจารย์ต้วนขึ้นมาได้”
ซือถูโฮ่วถอนหายใจออกมา
“อาวุโสโฮ่ว ก่อนหน้าพวกท่านกล่าวถึง ซือถูจั๋ว ข้าสงสัยว่าคนผู้นี้เป็นใครกันเหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนอยากรู้เรื่องนี้
ต้องทราบด้วยว่าคุณชายใหญ่ตระกูลซือถูอย่างซือถูหังนั้น คือว่าที่ผู้นำตระกูลซือถูคนต่อไป…
กลับมีบางคนคิดฆ่า!
ยิ่งไปกว่านั้นฟังจากแซ่แล้ว สมควรเป็นคนของตระกูลซือถู!
“ซือถูจั๋ว ก็นับเป็นคนในตระกูลซือถูของเรา อีกทั้งยังเป็นคุณชายรอง…หากแต่มันก็มิได้มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับเสี่ยวหัง หากจะไล่ความสัมพันธ์ทางสายเลือดจริงๆ เกรงว่าต้องย้อนไปหลาย 10 ชั่วอายุคน”
ซือถูโฮ่วกล่าวออกอย่างไม่รีบไม่ร้อน
จากคำพูดของซือถูโฮ่วทำให้ต้วนหลิงเทียนเข้าใจได้ ว่าซือถูจั๋วกับซือถูหังต่างก็เป็นรุ่นเยาว์ในตระกูลซือถู หากแต่ไม่ได้มาจากสายเลือดเดียวกัน
“การสืบทอดมรดกและตำแหน่งประมุขของตระกูลซือถูมิได้อิงตามสายเลือด หากแต่คัดเลือกจากคนในรุ่นรองที่มีความสามารถโดดเด่นที่สุด และทำการสนับสนุนอุ้มชูให้กลายเป็นประมุขคนต่อไป ตอนนี้ผู้นำตระกูลซือถูของพวกเราคือบิดาของเสี่ยวหัง…ทว่าด้วยความสามารถ เสี่ยวหังก็เป็นผู้ที่โดดเด่นที่สุด จึงเป็นเหตุผลที่ไฉนถูกตั้งให้เป็นว่าที่ผู้นำรุ่นต่อไป…”
ซือถูโฮ่วกล่าวสืบต่อ “อย่างไรก็ตามในชนรุ่นเดียวกันกับเสี่ยวหัง ก็ยังมีผู้ที่โดดเด่นอีกคน…หากเสี่ยวหังมิอาจดำรงตำแหน่งผู้นำได้ มันย่อมเสียบตำแหน่งว่าที่ผู้นำทันที และจักได้เป็นผู้นำคนต่อไปของตระกูล”
“คนผู้นั้นก็คือซือถูจั๋ว?”
หลังได้ยินเรื่องราวจากปากซือถูโฮ่ว ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจได้ทันทีว่าแรงจูงใจในการฆ่าซือถูหังของซือถูจั๋วคืออะไร…ที่แท้ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าคิดช่วงชิงตำแหน่งกล่ายเป็นผู้สืบทอดคนต่อไปของตระกูลซือถู
เพราะสุดท้ายแล้วตราบใดที่ซือถูหังยังมีลมหายใจ มันก็สิ้นไร้โอกาส…
“ใช่!”
ลูกตาซือถูโฮ่วทอประกายด้วยแสงเย็นเยียบค่อยกล่าวสืบต่อ “ข้ามิคิดเลยว่ามันจะหาญกล้าขนาดนี้…ถึงขั้นกล้าทำลายกฏของตระกูล!”
กฏข้อแรกของตระกูลซือถูก็คือ…ห้ามไม่ให้ลูกหลานในตระกูลเข่นฆ่ากันเองอย่างเด็ดขาด!
“ก็นะ…อาคมมาร มันไม่ใช่อะไรที่ผู้คนทั่วไปจะสามารถมองออกได้”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา
“ปรมาจารย์ต้วน ท่านก็พักอยู่ในเรือนของเสี่ยวหังเถอะ…ก่อนอื่นข้าจักรีบไปแจ้งเรื่องนี้ให้ผู้นำตระกูลทราบก่อน ตอนนี้ข้าไม่รบกวนท่านพักผ่อนแล้ว”
ซือถูโฮ่วกล่าวกับต้วนหลิงเทียนจบ ก็หันไปสั่งให้หญิงรับใช้ในเรือนมาดูแลต้วนหลิงเทียน ก่อนที่จะจากไป
“คุณชายต้วนโปรดตามข้ามาทางนี้”
ในฐานะเรือนของคุณชายใหญ่ตระกูลซือถู ย่อมมีสตรีรับใช้อยู่มากมาย เมื่อได้ยินคำสั่งของซือถูโฮ่ว หนึ่งในนั้นก็รีบเข้ามานำพาต้วนหลิงเทียนไปยังห้องพักทันที
ห้องพักนั้นแม้จะว่างเปล่า ไร้สิ่งของตกแต่งอะไรมากมาย แต่ก็สะอาดสะอ้านแลดูโล่งสบายน่าอยู่ สมควรมีคนมาปัดกวาดเช็ดถูเป็นประจำ
“คุณชายต้วนหากท่านต้องการอันใด ข้าน้อยรอฟังคำสั่งท่านอยู่หน้าประตู”
ในขณะที่สตรีรับใช้กล่าวกับต้วนหลิงเทียน นางก็พยายามเล่นหูเล่นตาโปรยเสน่ห์ใส่ต้วนหลิงเทียนเต็มที่ ถึงแม้นางไม่รู้ว่าชายหนุ่มในชุดสีม่วงคนนี้เป็นใคร และจะสามารถรักษาคุณชายใหญ่ได้หรือไม่ แต่อาศัยท่าทีปฏิบัติที่อาวุโสระดับสูงอย่างซือถูโฮ่วมีให้ นางก็ยินดีทอดสะพานเตรียมรับใช้ปรนิบัติเขาด้วยดี…ทุกเรื่อง!
หากนางสามารถทำให้ตัวตนเช่นนี้หลงใหลหรือถูกใจได้ ก็เป็นโอกาสที่นางจะได้ท่องทะยานขึ้นฟ้าในคราวเดียว…
อนิจจาแม้สตรีรับใช้นางนี้จะแลดูใช้ได้ทั้งทรวดทงองค์เอวเข้ารูปไม่เบา แต่ยังนับว่าห่างไกลจากคู่หมั้นทั้ง 2 ของต้วนหลิงเทียนหลายขุม
‘ไม่รู้ว่าตอนนี้ศิษย์พี่กับพวกลุงเฟิ่งไปอยู่ที่ไหน…ข้าหวังว่าทั้งหมดจะเดินทางมายังประเทศฝูเฟิงเช่นกัน’
ต้วนหลิงเทียนกล่าวพึมพำในใจ
‘ค่อยถามผู้นำตระกูลซือถูดู ว่ามีขุมพลังชั้น 5 ไหนที่มีแซ่หานบ้าง’
นี่เป็นเบาะแสเดียวที่ต้วนหลิงเทียนมีเกี่ยวกับภูมิหลังของหานเฉวี่ยไน่
ตระกูลของหานเฉวี่ยไน่นั้นเห็นชัดว่าสมควรเป็นตระกูลใหญ่ กระทั่งตระกูลหานโบราณในทวีปเมฆาล่อง ก็ถูกสร้างขึ้นด้วยข้ารับใช้ธรรมดาๆของตระกูลหานที่ออกจากตระกูลไปเมื่อ 10,000 ปีก่อน
และเรื่องที่เขาเดาว่าตระกูลของหานเฉวี่ยไน่น่าจะเป็นขุมพลังชั้น 5 ก็มาจากหินเซียนที่นางมอบให้เขา
หินเซียนที่นางมอบมา 9 ส่วนเป็นหินเซียนระดับ 5 และ 1 ส่วนเป็นหินเซียนระดับ 4
นี่เป็นไปตามเกณฑ์หินเซียนที่จะขุดได้จากสายแร่หินเซียนระดับ 5 ซึ่งมีขุมพลังชั้น 5 ครอบครอง!
ต้วนหลิงเทียนนอนคิดเรื่องราวอยู่บนเตียงไม่ได้เข้าไปฝึกฝนในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติแต่อย่างไร
เพราะเขารู้ดีว่าแม้จะเข้าไปฝึกก็ไม่อาจฝึกได้นาน
และหลังจากที่นั่งๆนอนคิดเรื่องราวอะไรไปได้ไม่ทันไร ต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินเสียงเรียกของสตรีรับใช้หน้าห้อง ว่าผู้นำมารอพบเขาแล้ว
ผู้นำ ที่สตรีรับใช้กล่าวรายงานก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นผู้นำตระกูลซือถูนั่นเอง
ที่ต้วนหลิงเทียนไม่ได้เข้าไปฝึกในเจดีย์หลิงหลง 7 สมบัติก็เพราะรู้ดีว่าผู้นำตระกูลซือถูต้องเร่งรุดมาหาเขาโดยเร็วที่สุดเป็นแน่! เพราะอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นบิดาบังเกิดเกล้าของซือถูหัง เมื่อรู้ว่ามีคนที่จะสามารถช่วยชีวิตลูกชายได้ปรากฏตัวออกมา ไหนเลยยังจะกล้ารอช้าได้?
นี่คือความห่วงใยของบุพการี!
ไม่มีบิดามารดาคนใดไม่รักลูก!
เมื่อก้าวออกมาจากห้องต้วนหลิงเทียนก็ได้เห็นซือถูโฮ่วอีกครั้ง และข้างๆซือถูโฮ่วก็มีร่างที่แลดูไม่ธรรมดามาด้วย อีกฝ่ายเป็นชายวัยกลางคน สูงเท่าค่าเฉลี่ยมาในชุดคลุมสีน้ำเงิน ใบหน้าหล่อได้รูปปานหยกเสลา หว่างคิ้วคมเข้มดั่งดาบ อำนาจบารมีแผ่พุ่งออกมาไม่น้อย
เห็นได้ชัดว่าสมควรเป็นผู้นำตระกูลซือถู ซือถูฮ่าว!