บทที่ 423 สังหาร เฟิ่งชิงเฉินสร้างแค้น

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 423 สังหาร เฟิ่งชิงเฉินสร้างแค้น
เป็นการพนันเช่นเดียวกัน แต่ด้วยข้ออ้างเรื่องการช่วยเหลือคนยากจนและแบ่งเบาภาระของราชสำนัก การเดิมพันนี้จึงกลายเป็นเรื่องศักดิ์สิทธิ์

เมื่อมีชื่อเสียง ซูเหวินชิงจึงหาความร่วมมือง่ายขึ้น คนใหญ่คนโตเช่นหวังเซี่ย ซูเหวินชิงไม่มีทางปล่อยไปหรือเหล่าตระกูลที่มีชื่อเสียงเล็กน้อยซูเหวินชิงก็นับด้วยเช่นกัน

ยมบาลนั้นยั่วโมโหได้ง่ายแต่สัมภเวสีตัวเล็กตัวน้อยยากจะรับมือ อย่างไรการแบ่งผลประโยชน์นั้นจะแบ่งมากหรือน้อยก็คือแบ่ง

ไม่รู้ว่ามันเป็นความตั้งใจหรือไม่ แต่แม่นางและคุณชายที่เคยออกปากเสียดสีในงานชุมนุมกวีนั้น ตระกูลของพวกเขานั้นอยู่นอกขอบเขตของซูเหวินชิงและในบรรดาผู้มียศถาบรรดาศักดิ์ นอกจากจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว ซูเหวินชิงล้วนไปเยี่ยมเยือนจวนกั๋วกงทั้งสามด้วยตนเอง…

ตอนแรกจวนของหนิงกั๋วกงไม่เต็มใจที่จะเข้าร่วม ตระกูลของพวกเขาถ่อมตัวมาโดยตลอด แม้ว่าตลอดมาหนิงกั๋วกงจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในความขัดแย้งของการชิงตำแหน่งของเหล่าองค์ชาย แต่เมื่อได้ยินซูเหวินชิงพูดว่าการเดิมพันนี้ถูกเสนอขึ้นโดยเฟิ่งชิงเฉิน พวกเขาก็ไม่ยืนกรานเช่นนั้นอีก

ยังคงเป็นประโยคนั้น ในยุคนี้ไม่มีผู้ใดไม่ขาดแคลนเงิน จวนกั๋วกงใหญ่ถึงเพียงนี้ ต่อให้สมถะเพียงใดก็ยังต้องเลี้ยงดูคนอีกมากและยังคงต้องไปมาหาสู่ผู้อื่น ไฉนเลยจะไม่ใช้เงิน นอกจากนี้การเดิมพันนี้ยังมีแต่ได้กับได้ พวกเขาเพียงต้องลงแรงเล็กน้อยเท่านั้น

ธุรกิจการพนันร้อนแรง เมื่อมีการประกาศจากทางการเรื่องการแข่งขันระหว่างเฟิ่งชิงเฉินและซูหว่าน ซูเหวินชิงก็จะผลักดันเกมการพนันที่ใหญ่ที่สุดนี้ออกมา

ดังนั้น… การประลองระหว่างเฟิ่งชิงเฉินและยังไม่ทันเริ่มก็เป็นประเด็นร้อนขึ้นมาเสียแล้ว ยามนี้หากยังสนใจว่าค่าอาหารจะลดราคาหรือไม่และกำลังคุยกันว่าค่าอาหารจะลดลงไปมากที่สุดเท่าไรก็คงจะขาดทุนยิ่ง

การประลองระหว่างเฟิ่งชิงเฉินและซูหว่านกลายเป็นประเด็นร้อนที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงทันที เพียงแค่ข่าวออกมาก็ปิดเรื่องราคาอาหารที่ต่ำลงไปได้

เมื่อซูเหวินชิงพบว่าเกมการพนันเปิดกว้างและมีผลเช่นนี้ เขาก็มีความสุขมากจนมองอะไรก็อารมณ์ดีไปเสียหมด แต่ฉินเป่าเอ๋อเป็นเพียงคนเดียวที่ทำให้เขาอารมณ์ไม่ดีได้

วันหนึ่งเขาบังเอิญได้ยินฉินเป่าเอ๋อและปู้จิงอวิ๋นพูดถึงเรื่องนี้โดยบังเอิญ คำพูดนั้นดูถูกผู้ค้าขายและผู้ที่ซื้อเดิมพัน ซูเหวินชิงก็กลอกตาและอยากจะสบถออกมา

ให้ตายเถอะ กินของข้า อยู่กับข้าและใช้ของของข้า แต่ก็ยังดูถูกการหากำไรของพ่อค้าวาณิชย์ หากไม่มีพ่อค้าอย่างเขา เจ้ามีสิทธิ์อะไรกินดีอยู่ดี? ทำไมสาวใช้ต้องปรนนิบัติเจ้า คิดว่าเงินหล่นลงมาจากฟ้าหรือ ต่อให้ตกลงมาจากฟ้า คนอย่างเจ้าก็เก็บมันมาไม่ได้

ซูเหวินชิงตัดสินใจว่าถ้าหลานจิ่วชิงแต่งงานกับฉินเป่าเอ๋อ เขาจะเป็นคนแรกที่คัดค้าน

เพียงแค่ชั่วข้ามคืน ผู้คนในเมืองหลวงก็เลือดร้อนยิ่ง ตั้งแต่ขุนนางในวังไปจนถึงสามัญชน ทุกคนกำลังคุยกันเรื่องการประลองขันระหว่างเฟิ่งชิงเฉินและซูหว่าน แน่นอนว่าพวกเขากำลังพูดถึงเรื่องบ่อนเดิมพนันที่ซูเหวินชิงเปิดด้วย

“เงินหนึ่งตำลึงต่อหนึ่งเดิมพัน หากทายถูกจะสามารถแลกเงินพันตำลึงหรือหมื่นตำลึงได้ ชีวิตนี้ก็คงจะคุ้มแล้ว” เหล่าพ่อค้ารายย่อยกำลังถกประเด็นนี้กันที่โรงน้ำชาแห่งหนึ่ง

ทุกวันนี้เมื่อพูดถึงเรื่องเงิน ไม่มีใครที่จะไม่หวั่นไหว

“นี่เป็นเรื่องยาก มีความเป็นไปได้สิบเจ็ดอย่าง ใครจะรู้ว่าใคร จะชนะและใครจะแพ้ ทั้งยังต้องเดาว่าจะชนะกี่รอบ นี่ไม่ใช่การงมเข็มในมหาสมุทรหรือ” บางคนยังคงมีสติสัมปชัญญะอยู่

“แล้วอย่างไร สิบเจ็ดตัวเลือกเองมิใช่หรือ หากเดิมพันอย่างละหนึ่งก็จะทายถูกมิใช่หรือ ผู้ทายถูกจะได้ส่วนแบ่งเงินเดิมพันครึ่งหนึ่ง นั่นจะเป็นเงินเท่าใดกันนะ”

“เพียงแค่หนึ่งตำลึงเงินเท่านั้นเองมิใช่หรือ หากทายไม่ถูกก็ถือว่าพวกเราได้ช่วยทางการแบ่งเบาภาระบริจาคเงินให้แก่ผู้ยากไร้” ไม่ว่าในยุคใดก็จะมีผู้คนที่น่ารักอยู่เสมอ

“ถูกต้องๆ นี่ไม่ใช่การพนัน แต่เป็นการช่วยเหลือคนจน ผู้ที่ทำได้ก็ควรจะช่วยเหลือกัน” เขาพูดอย่างกล้าหาญและมีน้ำใจ ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ ไม่ว่าอย่างไรเฟิ่งชิงเฉินก็ได้หาเหตุผลอันสูงส่งให้นักพนันแล้ว

ไม่ว่าคนจะสับปลับขนาดไหนก็รักหน้าตา นักเดิมพันก็ต้องการได้รับความเคารพเช่นกัน

การสนทนาของหมู่คนในโรงน้ำชาเป็นไปอย่างคึกคัก พ่อค้าหาบเร่ข้างนอกก็ไม่ต้องการแสดงความอ่อนแอ ทั้งผู้ที่มีเงินและไม่มีเงินก็ล้วนเข้าร่วมสนุกด้วย

แม้พวกเขาไม่มีเงินที่จะเดิมพันแต่พวกเขาสามารถร่วมจับจ้องทุนพนันและคำนวณว่านักพนันสามารถทำเงินได้เท่าไหร่ ต้องรู้ว่าเงินเหล่านี้สำหรับพวกเขานั้นเป็นสิ่งที่ไม่เคยเห็นมาตลอดชีวิตและไม่กล้าแม้แต่จะคิด

มีพ่อค้าหาบเร่สองสามคนที่ปรึกษากันว่าหากพวกเขารวมเงินกันลงเดิมพัน หากชนะก็แบ่งเงินเท่าๆ กัน เงินหนึ่งตำลึงนี้สุดท้ายจะไม่ใช่เพียงตำลึงเดียวเท่านั้น

บนถนนมีเสียงคนร้องขายของและสนทนากันโดยไม่ขาดสาย แต่มีเสียงหนึ่งที่กลบเสียงทั้งหมดลงได้ “137,642 ตำลึง การเดิมพันเพื่อช่วยเหลือคนยากจนครั้งแรกในตงหลิงสะสมทุนพนันได้ถึง 137,642 ตำลึงแล้ว”

ท่วงทำนองของเสียงนั้นมีแรงดึงดูดเป็นพิเศษ ชายผู้นั้นจงใจย้ำจำนวนทุนพนันสองรอบเป็นการยั่วยวนใจอย่างเห็นได้ชัด

แน่นอนว่าตัวเลขนี้ไม่ใช่ตัวเลขจริง แต่ซูเหวินชิงตั้งใจพูดออกมาเพื่อดึงดูดผู้คนให้มาเดิมพันตามที่เฟิ่งชิงเฉินบอก เพื่อความสมจริงจึงกล่าวตัวเลขทุกตำแหน่งออกมาอย่างละเอียด

เพียงแค่ครึ่งวันก็มีเงินเกือบ 140,000 ตำลึงแล้ว ผู้ที่ทายถูกจะไม่ได้มีเงินส่วนแบ่ง 70,000 ตำลึงหรือ” เจ็ดหมื่นตำลึง มีคนกลืนน้ำลายและสองตาฉายแววบ้าคลั่ง

“เสี่ยวเอ้อ คิดเงิน”

เมื่อยกขาขึ้นได้ก็วิ่งไปที่โต๊ะเดิมพัน…

ตรงกันข้ามกับโรงน้ำชา สถานที่เหล่าคุณชายเศรษฐีเข้าๆ ออกๆ ก็คุยถึงเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน แต่พวกเขาไม่ได้สนใจเรื่องเงิน แต่สนใจเรื่องการแข่งขันสายตาของตนเองมากกว่า

“สามรอบ ข้าพนันว่าซูหว่านจะชนะเฟิ่งชิงเฉินได้สามรอบ” นายน้อยคนหนึ่งในชุดผ้าแพรตะโกนเสียงดัง

“ในฐานะชาวตงหลิง แต่กลับเดิมพันว่าชาวแคว้นอื่นจะชนะ ข้าพนันได้เลยว่าเฟิ่งชิงเฉินจะชนะหนึ่งรอบ หนึ่งรอบก็ถือว่าชนะเช่นกัน” อีกคนไม่ยอมประนีประนอม

“พวกเจ้าฟังข้าพูด เมื่อเอ่ยถึงเรื่องดนตรีต้องเป็นแม่นางซูหว่าน… เรื่องหมอเรื่องยา แม่นางชิงเฉิน…” ผู้แม่นทฤษฎีคนหนึ่งเริ่มนำเสนอข้อเท็จจริงและเหตุผล ขณะอธิบาย เขาก็ได้เขียนข้อดีและโอกาสชนะของทั้งสองไว้บนกำแพง “เจ้าดูสิ ในแปดรอบ ตามที่ข้าคาด แม่นางซูหว่านน่าจะชนะแม่นางชิงเฉินสองรอบ”

“คุณชายตู้มีเหตุผล ข้าเชื่อการอนุมานของคุณชายตู้ สิ่งที่คุณชายตู้พูดนั้นสมเหตุสมผลถึงเพียงนี้ ข้าเองก็หวั่นไหวเสียแล้ว ชนะหรือแพ้เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย แต่หากข้าทายถูกก็คงเป็นเรื่องน่ายินดีมาก ผลลัพธ์ทั้งสิบเจ็ด … พวกเราเพียงทายก็ถูกเสียแล้ว ฮ่าๆ เรื่องนี้พูดไปแล้วก็ช่างมีหน้ามีตานัก”

เหล่านักทฤษฎียังคงได้รับความนิยมอยู่มาก ไม่รู้ว่าคุณชายท่านใดอยากประจบคุณชายตู้หรือไม่ หรือว่าอยากจะทำเงินหรือว่าหาชื่อเสียง เขาจึงโยนตั๋วเงินให้ข้ารับใช้ข้างๆ ทันที “ไปซื้อเดิมพันให้ข้าหนึ่งพันเดิมพัน ซูหว่านชนะเฟิ่งชิงเฉินสองรอบ”

“ข้าไม่เห็นด้วย คุณชายตู้ การคิดคำนวณของเจ้าเมื่อครู่มีปัญหา ดูสิ…” คุณชายคนหนึ่งซึ่งไม่เห็นด้วยกับคุณชายตู้ก้าวออกมาข้างหน้า หยิบพู่กันของคุณชายตู้ไปและขอให้คนนำกระดาษมาให้เขาใหม่ จากนั้นก็เขียนบางอย่างลงไปในกระดาษ เขาจดบันทึกและเปรียบเทียบข้อมูลของซูหว่านและเฟิ่งชิงเฉินทีละอย่าง สุดท้ายก็ได้ผลลัพธ์ออกมา “ซูหว่านจะสามารถชนะเฟิ่งชิงเฉินได้สี่รอบ”

“ไปเถอะ ซื้อสองพันเดิมพันให้ข้าหน่อย ซูหว่านจะชนะเฟิ่งชิงเฉินสี่รอบ” เหล่าคุณชายที่อยากจะประจบคุณชายท่านนี้ก็ส่งคนใช้ไปซื้อด้วยเช่นกัน

สำหรับคุณชายที่ร่ำรวยเหล่านี้ พวกเขาไม่ได้ขาดแคลนเงิน พวกเขาเล่นเพราะความเหงา ด้วยหน้าตา และพวกเขาเหล่านี้นี่เองที่เป็นลูกค้าหลักของเฟิ่งชิงเฉิน

ไม่ต้องพูดถึงคุณชายที่ร่ำรวยเหล่านี้ แม้แต่เหล่าขุนนางใหญ่ก็แอบหารือเรื่องนี้กัน เมื่อกลับมาถึงจวน ฮูหยินของพวกเขาก็กระซิบอีกสองสามคำ

ช่วยไม่ได้ ฮูหยินของพวกเขาใส่ใจเรื่องนี้เป็นอย่างมาก พวกนางปาดน้ำตาและเอ่ยว่าคนผู้ยากไร้ช่างน่าสงสารเกินไป ขณะเดียวกันก็หยิบเงินตนเองออกมาและบอกว่าจะเอาไปช่วยคนยากไร้และแบ่งเบาภาระของราชสำนัก

เอ่อ… สุดท้ายแล้ว ดูเหมือนว่าคนที่ไม่เดิมพันก็คือผู้ที่ไม่ช่วยราชสำนักแบ่งเบาภาระ เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้คาดหวังกับผลลัพธ์นี้ ได้แต่บอกเพียงว่าคนเหล่านี้มีจินตนาการสูงยิ่ง จินตนาการทุกชนิดล้วนคิดออกมาได้

แน่นอนว่าเฟิ่งชิงเฉินมีความสุขที่ได้เห็นสถานการณ์ดังกล่าว แต่… เมื่อนางมีความสุข ผู้อื่นก็คงไม่มีความสุขเป็นแน่

“องค์ชายสาม โต๊ะพนันของเรายังเปิดอยู่หรือไม่?” ในครึ่งวันเช้ามีคนเดิมพันเพียงสิบคนและคนเหล่านี้ยังมาเพื่อรักษาหน้าขุนนางบางคนในตงหลิง เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้แล้วยังจะเปิดต่อไปได้อย่างไร

“เปิด ทำไมจะไม่เปิด เฟิ่งชิงเฉินเล่นได้ ทำไมข้าจะเล่นบ้างไม่ได้ เฟิ่งชิงเฉินไม่ใช่ว่ามีเสด็จอาเก้าหนุนหลังหรือ พวกเราก็มีองค์ชายหลายองค์สนับสนุนเช่นกัน ไปเปิดโต๊ะพนันแบบเดียวเฟิ่งชิงเฉินเสีย” หนานหลิงจิ่นฝานขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยว รายงานในมือของเขาถูกขยำจนเละ เห็นได้ว่าเขาโกรธเพียงใด

เขาที่ราบรื่นมาโดยตลอดกลับถูกบีบอยู่ในมือของเฟิ่งชิงเฉินครั้งแล้วครั้งเล่า

“พ่ะย่ะค่ะ” ผู้มาเยือนกลืนน้ำลาย แม้ว่าเขาจะมีอะไรบางอย่างจะพูด แต่เมื่อเขามองไปยังดวงตาเยียบเย็นของหนานหลิงจิ่นฝานแล้วก็กลืนคำพูดกลับด้วยความหวาดกลัว

องค์ชายสามน่ากลัวมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อถูกดวงตาของเขาจับจ้องก็เหมือนดังถูกอสรพิษจับจ้อง คนผู้นั้นวิ่งจู๊ดออกไปอย่างรวดเร็ว พอไปถึงประตูก็ได้ยินเสียงดัง “ปัง…”

หนานหลิงจิ่นฝานทุบโต๊ะไม้มะฮอกกานีขนาดใหญ่อย่างโกรธจัด

“เฟิ่งชิงเฉิน นังคนสารเลว ตั้งตัวเป็นศัตรูของข้าไปทุกหนทุกแห่ง หากข้าปล่อยเจ้าไป ข้าก็คงไม่ใช่หนานหลิงจิ่นฝานแล้ว” เขาทำงานหนักมาหลายเดือนแต่กลับถูกเฟิ่งชิงเฉินก่อกวนจนพังพินาศ

หนานหลิงจิ่นฝานยิ่งคิดก็ยิ่งไม่ยินยอม สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหากพลาดโอกาสนี้แล้วเขาจะไปหาเงินจากที่ไหน และเขาจะใช้อะไรต่อสู้กับหนานหลิงจิ่นสิงหากไม่มีทุนทางการทหาร

เกลียดๆๆ หนานหลิงจิ่นฝานเกลียดชังเฟิ่งชิงเฉินจนอยากจะฝังนางทั้งเป็น เกลียดจนกระทั่งเขาลืมไปแล้วว่าแท้จริงแล้วเขาไม่ใช่หนานหลิงจิ่นฝาน แต่ควรเป็นหวังจิ่นฝาน

นอกจากนี้ยังมีคนที่เกลียดเฟิ่งชิงเฉินเช่นกันยังมีเจิ้นกั๋วกง ความเกลียดชังของเขาที่มีต่อนางนั้นไม่น้อยไปกว่าหนานหลิงจิ่นฝานเลย

“เฟิ่งชิงเฉินตัวแสบ จวนกั๋วกงทั้งสี่เจ้ากลับละเลยจวนของข้าไป ในเมื่อเจ้าไม่มีคุณธรรมก็อย่าได้โทษที่ข้าไร้เมตตา” ดูเหมือนว่าเจิ้นกั๋วกงจะลืมไปว่าเขาไม่เคยเมตตาเฟิ่งชิงเฉินมาก่อนเลย

อะแฮ่ม แม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะไม่เคยออกหน้าข้องเกี่ยวกับการพนัน ซูเหวินชิงก็ไม่เคยพูดว่าการพนันนี้เกี่ยวข้องกับเฟิ่งชิงเฉิน แต่ทุกคนล้วนรู้ว่าพอซูเหวินชิงเข้าไปในจวนหลังเล็กที่เฟิ่งชิงเฉินอาศัยอยู่ จากนั้นก็มีเรื่องบ่อนพนันผุดออกมา อีกทั้งส่วนที่สำคัญมากก็คือ…