DC บทที่ 322: กายที่ไม่อาจสงบ

 

หลังจากออกจากตระกูลซี ซูหยางก็กลับไปยังโรงเตี๊ยมผลึกหิมะที่ซึ่งโหลวหลานจีรอคอยเขาอย่างกระวนกระวาย

 

“ซูหยาง ในที่สุดเจ้าก็กลับมา”

 

“ท่านดูเหมือนเป็นกังวล หรือว่ามีอะไรเกิดขึ้นขณะที่ข้าไม่อยู่” เขาพลันถามขึ้น

 

“เราสบายดี มิมีอะไรเกิดขึ้น แต่แล้วเจ้าล่ะ เจ้ายังดีอยู่หรือไม่” โหลวหลานจีถามเขา

 

“อะไรที่ทำให้ท่านคิดว่าข้ามิได้เป็นเช่นนั้น”

 

“ปราชญ์กระบี่ศักดิ์สิทธิ์ดูค่อนข้างจะขุ่นเคืองยามที่เขาพาเจ้าไป… เขามิได้ทำสิ่งใดยุ่งยากให้กับเจ้าใช่ไหม”

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า” ซูหยางพลันเริ่มหัวเราะ ทำให้เธอตื่นตะลึง “ยุ่งยากรึ เขายังเร็วเกินไปอีกหลายพันปีที่จะสร้างปัญหาอะไรให้กับข้าได้”

 

“…”

 

โหลวหลานจีพลันกลับกลายเป็นไร้วาจาว่ากล่าว

 

“อย่างไรก็ตาม ข้าจักพาเจ้าและคนอื่นไปลงทะเบียนแข่งขันพรุ่งนี้ พักผ่อนกันก่อนที่จะถึงเวลานั้น” เธอกล่าวสักพักหนึ่งหลังจากนั้น

 

ซูหยางพยักหน้าและเข้าไปในห้องของตนเองซึ่งเขาก็เริ่มครุ่นคิดถึงขิงเลือดปีศาจ

 

“เป็นไปได้มากว่าขิงเลือดปีศาจจะยังคงมีปรากฏขึ้นในโลกนี้ ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าจักต้องสร้างขึ้นมาเองด้วยตนเอง”

 

ขิงเลือดปีศาจเป็นสมุนไพรพิเศษที่ไม่ต้องการดินหรือน้ำในการเติบโต กลับกันมันต้องการเลือดจำนวนมาก ปริมาณที่จะตรงกับเงื่อนไขก็ต่อเมื่อทำการสังเวยมนุษย์จำนวนมากเท่านั้น

 

อย่างไรก็ดีเป็นโชคดีสำหรับซูหยางและซีซิงฟาง รังลับของโจรภูผาแดงมีเลือดจำนวนมากพอ ตามจริงแล้วด้วยจำนวนของศพและปริมาณเลือด ขิงเลือดปีศาจควรจะเติบโตที่นั่นแล้ว

 

“ขิงเลือดปีศาจจักเติบโตตามธรรมชาติตราบเท่าที่มีเลือดเพียงพอในพื้นที่แถบนั้น ถ้ามิมีใครล้างเลือดในรังลับของโจรเหล่านั้น ในเมื่อมีเลือดมากมายปานนั้น ขิงเลือดปิศาจควรจะพร้อมเก็บเกี่ยวได้ภายในหนึ่งปี”

 

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ซูหยางตัดสินใจที่จะไปเยี่ยมรังลับของโจรภูผาแดงอีกครั้งหลังจากการแข่งขันระดับภูมิภาค

 

ทันใดนั้นก็มีใครสักคนเคาะประตู

 

“เข้ามาด้านใน” ซูหยางกล่าว

 

ประตูเปิดออกและหญิงสาวสองคนก็เดินเข้ามาภายในห้อง

 

“ผู้นำนิกายพูดว่าเจ้าได้กลับมาแล้ว” ซุนจิงจิงซึ่งดูค่อนข้างกระวนกระวายกล่าว

 

ซูหยางมองดูซุนจิงจิงที่มีการเคลื่อนไหวไม่เป็นธรรมชาติแล้วยิ้มออกมา “ร่างของเจ้าดูไม่สงบ เจ้าสบายดีไหม”

 

“แน่นอนว่าไม่ นับตั้งแต่ข้ารับรู้ถึงกลเม็ดใหม่ของเจ้า ร่างของข้าก็ถูกแผดเผาด้วยความปรารถนา” ซุนจิงจิงบ่น

 

ซูหยางหันไปดูฟางซีหลานและถามว่า “เจ้าก็รู้สึกเช่นเดียวกันหรือไม่”

 

ฟางซีหลานพยักหน้าอย่างเงียบๆ แม้ว่าเธอไม่ได้งุ่นง่านไปทั่วเหมือนซุนจิงจิง ร่างของเธอก็ได้ปล่อยปราณหยินออกมานับตั้งแต่เธอเข้ามาในห้อง

 

“เช่นนั้นเจ้ามีคำแนะนำอะไรบ้างหรือไม่” ซูหยางพลันถาม

 

“หยุดหยอกเย้าพวกเราและรับผิดชอบเดี๋ยวนี้เลย” ซุนจิงจิงกล่าวขณะที่เธอปลดเปลื้องจนเปลือยเปล่าแล้วกระโดดดึ๋งเข้าใส่ซูหยางราวกับเสือหิว

 

ซูหยางได้แต่หัวเราะกับการกระทำของเธอ

 

“รีบเร่งอะไรกัน ข้าจักอยู่เป็นเพื่อนพวกเจ้าทั้งสองตลอดคืน”

 

จากนั้นพวกเขาทั้งสามคนก็เริ่มฝึกวิชา และหยุดยั้งก็ต่อเมื่อทั้งซุนจิงจิงและฟางซีหลานสลบไสลไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยหลังจากผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น

 

เช้าตรู่ของอีกวัน โหลวหลานจีรวบรวมซูหยางและศิษย์คนอื่นทั้งหมดที่จะต้องเข้าร่วมในการแข่งขันระดับภูมิภาค

 

“เราจักกลับมาภายในไม่กี่ชั่วโมง อย่าออกไปข้างนอกห้องของพวกเจ้าจนกว่าพวกเราจะกลับมา” โหลวหลานจีสั่งเหล่าศิษย์ที่จะต้องคอยอยู่เบื้องหลัง

 

ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น โหลวหลานจีนำซูหยางและศิษย์คนอื่นไปยังใจกลางเมืองที่ซึ่งศิษย์นับพันจากสำนักหลากหลายมารวมตัวกันเพื่อลงทะเบียน

 

“ค…คนที่มาเข้าร่วมช่างมากมาย” ซุนจิงจิงมีท่าทางประหลาดใจเมื่อเธอเห็นฝูงชนที่นั่น

 

“เจ้าคาดว่าจะได้อะไรจากเหตุการณ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของทั่วทั้งทวีป” โหลวหลานจีถาม

 

“ถ้าจะพูดไปแล้ว จำนวนของผู้เข้าร่วมในการแข่งขันระดับภูมิภาคในปีนี้อย่างน้อยสามเท่าของครั้งก่อนหน้านั้น… แน่นอนว่าเจ้าหญิงตระกูลซีเป็นที่นิยมอย่างมาก”

 

ซูหยางเพียงแค่ยิ้มและพึมพัมว่า “เธอเป็นแค่เด็กหญิงที่ไม่แม้จะกระทั่งทำตามคำแนะนำง่ายๆ…”

 

“เจ้าพูดว่าอะไรนะ”

 

เนื่องมาจากบรรยากาศอันอึกทึกครึกโครม โหลวหลานจีจึงไม่ได้ยินคำพูดของซูหยาง

 

“มิมีอะไร” เขายิ้ม

 

โหลวหลานจีหรี่ตาของเธอกับรอยยิ้มน่าสงสัยของเขา “อย่ามีความคิดแผลงๆอะไรกับเจ้าหญิง ซูหยาง เจ้าถือว่าโชคดีหากว่าได้เห็นเธอในชั่วชีวิตนี้ของเจ้า อย่าว่าแต่ได้หายใจร่วมกับเธอในที่เดียวกัน”

 

“อะไรที่ทำให้ท่านคิดว่าข้าจักทำอะไรเธอรึ” เขาถามด้วยเสียงงุนงง

 

“ฮึ่ม อย่าคิดว่าข้าละเลยไปอย่างสิ้นเชิงกับความคิดของเจ้า ลืมเรื่องเธอไปเสีย ไม่ว่าจะเป็นพรสวรรค์หรือเบื้องหลังของเธอ เธออยู่คนละโลกกับพวกเรา”

 

“อืมมม… เช่นนั้นท่านอยากจะเดิมพันกับข้าหรือไม่ ท่านผู้นำนิกาย” ซูหยางพลันกล่าวขึ้น

 

“เจ้าต้องการที่จะพนันรึ เรื่องอะไร” โหลวหลานจีพลันรู้สึกสนใจ

 

“จากคำพูดของท่านเมื่อกี้นี้ ข้าได้มีโชคดีพอที่ได้เห็นเธอจากการแข่งขันนี้และจักมิมีโอกาสได้ยืนอยู่ข้างเธอ ข้าพูดถูกไหม”

 

“เป็นเช่นนั้น”

 

เช่นนั้นเรามาพนันเรื่องนั้นกัน ข้าจักสามารถไปยืนอยู่ข้างเธอหรือไม่” เขากล่าว

 

“…เจ้าเอาจริงรึ” โหลวหลานจีหรี่ตาไปยังเขาด้วยท่าทางจริงจัง

 

“แน่นอน”

 

“…”

 

โหลวหลานจีกลับเงียบลง

 

“เจ้าเด็กซูหยางมีความสัมพันธ์กับปราชญ์กระบี่ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้พิทักษ์ แต่ต่อให้มีความสัมพันธ์อยู่บ้าง เจ้าหญิงตระกูลซีก็ยังคงเป็นคนละระดับ… แม้กระทั่งบุตรของปราชญ์กระบี่ศักดิ์สิทธิ์ยังมิอาจที่จะยืนเคียงข้างเจ้าหญิงได้ อย่าว่าแต่เจ้าเด็กลามกน้อยคนนี้…”

 

หลังจากที่ครุ่นคิดมากมาย โหลวหลานจีกล่าวว่า “เดิมพันด้วยอะไร”

 

“อืม… ถ้าข้าชนะ เช่นนั้นท่านจักต้องยอมให้ข้าควบคุมการทดสอบศิษย์เข้าสำนักใหม่ทั้งหมด”

 

“นี่… เจ้าต้องการที่จะควบคุมการทดสอบเข้าสำนักทั้งหมดงั้นรึ” โหลวหลานจีขมวดคิ้วกับคำขอที่แปลกประหลาดของเขา ในเมื่อเธอไม่อาจเข้าใจเจตนาของเขา

 

“ถูกต้องแล้ว และถ้าท่านชนะ ข้าจักตอบคำถามอะไรก็ได้สามข้อจากท่าน ไม่ว่าจะเป็นความลับหรือเป็นส่วนตัวแค่ไหน ข้าจักตอบคำถามนั้นอย่างซื่อสัตย์”

 

“บ้าอะไรกัน นี่จะยุติธรรมได้อย่างไรกัน เปรียบกับเงื่อนไขของข้า เจ้ามิสูญเสียอะไรทั้งสิ้น”

 

“ท่านแน่ใจรึว่ามีมีคำถามอะไรในตัวข้า ไม่ว่านั่นจะลับเพียงไหน ข้าจักตอบคำถามนั่น ท่ารู้ไหม” เขากล่าวด้วยรอยยิ้มลึกลับ

 

ได้ยินเช่นนี้ โหลวหลานจีพลันเงียบลงทันที และบนใบหน้าของเธอพลันมีสีหน้าครุ่นคิดอย่างเคร่งเครียด