DC บทที่ 323: นั่นมิใช่นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยหรอกรึ

 

หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ โหลวหลานจีก็พยักหน้า ตกลงเดิมพันกับซูหยาง “ทางที่ดีเจ้าอย่าคืนคำเมื่อเจ้าแพ้”

ซูหยางยิ้มและกล่าวว่า “มิต้องกังวล ท่านมิมีโอกาสได้ถามอะไรข้าแน่นอน”

 

“…”

 

ไม่เพียงแต่โหลวหลานจี แต่หญิงสาวคนอื่นๆต่างก็พากันเหม่อมองสีหน้ามั่นใจของเขาด้วยท่าทีสงสัยว่าเขากำลังจะทำอะไรบ้าบอหรือไม่

 

“ถ้าเจ้าทำให้เกิดปัญหากับตระกูลซี ถือว่าเจ้าแพ้” โหลวหลานจีเพิ่มเงื่อนไข

 

“มิมีปัญหา”

 

“ฮึ่ม”

 

หลังจากที่พวกเขาตกลงกันแล้ว นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยก็ได้รอให้ถึงตาของตนเองที่จะลงทะเบียนการแข่งขัน

 

แน่นอน เพราะว่ากลุ่มของพวกเธอประกอบไปด้วยสาวสวยระดับสุดยอดที่ยากจะพบเห็นในทวีปนี้ นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยจึงเป็นที่เตะตาสายตามากมายจากรอบข้างดังปกติ

 

“สวรรค์ มีสาวสวยมากมายเช่นนี้รวมกันอยู่ในที่เดียว ศิษย์ชายในที่แห่งนี้ต้องยิ้มทุกวันกระทั่งในความฝัน”

 

หลังจากเวลาผ่านไปชั่วขณะ เมื่อพวกเขาไม่อาจยับยั้งความสงสัยได้อีก สุภาพบุรุษสองสามคนก็เข้าไปหานิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย

 

“เหล่านางฟ้าแสนสวย ทำไมเรามิสนทนากันสักหน่อยระหว่างที่พวกเรารอล่ะ”

 

“อย่าใส่ใจเขา นั่นเป็นเพียงแค่ศิษย์จากนิกายระดับสาม ข้าสิเป็นศิษย์หลักจากสำนักลึกเก้าชั้น

 

“สำนักหุ่นฟ้าคำรามของพวกเราอยู่แนวหน้าสุด ถ้าพวกเจ้าชอบ เราสามารถเว้นที่ให้พวกเจ้าได้ นางฟ้าทั้งหลาย”

 

เหล่าศิษย์จากนิกายมากมายพยายามที่จะสร้างความประทับใจให้กับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย กระทั่งโอ้อวดอำนาจเบื้องหลังของตนเอง

 

“…”

 

อย่างไรก็ตามเหล่าศิษย์จากนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยยังคงไม่ประทับใจกับคนเหล่านี้ กระทั่งดูเห็นเป็นสิ่งน่ารำคาญกับการมาของพวกเขา

 

“ศูนย์แต้ม” ศิษย์หญิงคนหนึ่งส่ายหน้า

 

“พวกฝูงคางคกที่ไร้ความสง่างาม ไปให้พ้น”

 

เมื่อผู้ที่เข้ามาเกี้ยวพาราณสีไม่ได้รับอะไรนอกจากการสาปแช่งจากนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย พวกเขาก็กลับไปยังสำนักของตนเองด้วยใบหน้าอับอาย อย่างไรก็ตามนี่ไม่ได้ทำให้คนอื่นเลิกพยายาม ยิ่งหญิงสาวจากนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยปฏิเสธที่จะร่วมคุยด้วย ก็ยิ่งมีคนต้องการที่จะพยายามดูว่าตนเองมีโอกาสหรือไม่มากยิ่งขึ้น

 

ในเวลานั้นผู้อาวุโสและพี่ที่นำกลุ่มของตนเองต่างพากันประทับใจกับพลังอำนาจโดยรวมของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย

 

“พวกเธอมาจากไหนกัน เกือบทุกคนในกลุ่มนั้นอยู่ในเขตสัมมาวิญญาณ สองคนในกลุ่มนั้นกระทั่งอยู่ในเขตปฐพีวิญญาณ ทำไมผู้ทรงอำนาจเช่นนั้นจึงมิมีใครรู้จัำ”

 

“เดี๋ยวก่อน นั่นมิใช่นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยหรอกรึ เป็นไปไม่ได้ ข้าคิดว่าพวกเขาได้สลายไปแล้วหลังจากเกิดเหตุการณ์นั้น ทำไมพวกเขาจึงมาอยู่ที่นี่กัน”

 

“นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย ทำไมข้าจึงมิเคยได้ยินพวกเขาเลย”

 

“พวกเขาเป็นเพียงแค่สำนักระดับสามจากภาคตะวันออก ตามจริงศิษย์ของพวกเขาทุกคนได้ถูกขับไล่โดยนิกายล้านอสรพิษซึ่งพวกเขาได้ล่วงเกินไว้”

 

“สำนักระดับสามรึ เจ้าคิดจะหลอกใครกัน สำนักระดับสามประเภทไหนกันที่จะสามารถปลุกปั้นศิษยที่ยอดเยี่ยมเช่นนั้น”

 

“ข้าพูดความจริง พวกเขาเพียงมีแค่พลังการฝึกปรือที่สูงเพราะการฝึกวิชาพิเศษเฉพาะของพวกเขา ตามจริง สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดของพวกเขาก็คือพลังการฝึกปรือของพวกเขาเท่านั้น ฝีมือการต่อสู้ของพวกเขานั้นน่าขัน กระทั่งศิษย์ในเขตคัมภีร์วิญญาณจากสำนักข้าก็สามารถล้มเขตสัมมาวิญญาณระดับสูงสุดของที่นั่นได้อย่างง่ายดาย”

 

“วิธีการฝึกวิชาพิเศษเฉพาะที่เจ้าพูดถึงนี่คืออะไรกัน” บางคนพลันถามขึ้น

 

“แน่นอนต้องเป็นการฝึกคู่ แม้ว่าหญิงสาวเหล่านี้อาจจะดูน่ารักบริสุทธิ์ แต่ศิษย์จากที่แห่งนั้นล้วนเป็นโสเภณี ใครจะรู้ว่ามีคู่ฝึกมากมายกี่คนที่พวกเธอมี”

 

ครั้นเมื่อผู้คนเริ่มรู้จักนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยและพฤติกรรมปกติของพวกเธอ ก็มีคนน้อยลงไปเรื่อยๆที่ไปหาพวกเธอ และในเวลานับเป็นนาที ก็ไม่มีใครไปหาพวกเธออีก

 

จริงแล้วผู้คนก็เริ่มมองดูพวกเธออย่างเหยียดหยาม

 

“ไอ้ย่า ข้ามิอยากเชื่อว่าข้าได้พยายามที่จะเกี้ยวสิ่งสกปรกพวกนี้เมื่อกี้…”

 

“ช่อดอกไม้ที่สกปรก น่าสมเพช”

 

อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะมีการเหยียดหยามส่งไปหาพวกเธอ เหล่าศิษย์จากนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยก็ยังคงไม่ได้รับผลกระทบ ยังคงเยือกเย็น ราวกับว่าพวกเธอไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น

 

โหลวหลานจียิ้มในใจเมื่อเธอเห็นความสงบเฉยของเหล่าศิษย์ ชื่นชมความสามารถในการอดทนต่อการถูกเหยียดหยามของพวกเธอ

 

แน่นอนว่าถ้าพวกเธอมิสามารถกระทั่งรับมือกับคำวิพากษ์วิจารณ์เช่นนั้น ก็ไม่มีใครในหมู่พวกเธอที่จะได้รับให้เข้าร่วมกับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย

 

“ครั้นเมื่อทั้งหมดนี้จบลงและเรากลับไปถึงโรงเตี๊ยม ทำไมพวกเราทั้งหมดมิมาร่วมสนุกด้วยกันล่ะ แน่นอนว่าภายในห้องเดียวกัน ข้ามีกลเม็ดใหม่ที่ข้าต้องการแบ่งปันกับพวกเจ้าทั้งหมด” ซูหยางพลันกล่าวขึ้นด้วยเสียงที่ดังพอที่จะได้ยินไปทั่วทุกคนที่อยู่รายรอบ

 

แม้ว่าเหล่าหญิงสาวค่อนข้างจะตะลึงกับคำพูดของเขา พวกเธอทั้งหมดต่างพากันพยักหน้า ก่อนที่จะหัวเราะอย่างงดงามสง่า

 

ส่วนคนที่อยู่รายรอบนั้น พวกเขาทุกคนต่างพากันมองดูซูหยางด้วยใบหน้ายับย่น สายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความโกรธและอิจฉา

 

“ข้าสาบานว่าถ้าข้าโชคดีพอได้พบกับเจ้าเลวนี่บนเวที ข้าจักแม่งฆ่ามัน”

“พูดได้ดี ข้าจักสาบานที่จะฆ่ามันเช่นกันถ้าเราเจอกันบนเวที”

 

เมื่อรู้สึกว่าถูกยั่วยุจากเพียงแค่การปรากฏตัวของซูหยาง โดยเฉพาะหน้าตาที่สุดยอดของเขาที่เย้ยหยันชายทุกคนที่นั่นอย่างเงียบๆ คนหลายสิบคนที่นั่นต่างพากันสาบานที่จะฆ่าเขาถ้าพวกเขาขึ้นบนเวทีเดียวกันระหว่างการแข่งขัน

 

แน่นอนว่า การแข่งขันห้ามการฆ่ากันโดยเจตนา อย่างไรก็ตามบนเวทีซึ่งทุกคนจะต้องแสดงวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดของตนเอง อุบัติเหตุย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

หลังจากที่ยืนอยู่หลายชั่วโมงสุดท้ายก็เป็นตาของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยที่จะต้องลงทะเบียน

 

“ชื่อสำนักและจำนวนผู้เข้าร่วม” คนงานด้านหลังโต๊ะลงทะเบียนพูดกับพวกเขาทันทีที่พวกเขาเข้าไปหา “จำนวนของผู้เข้าร่วมในแต่ละสำนักสามารถมีได้ถึงยี่สิบคน และทุกคนต้องอยู่เหนือกว่าเขตปฐมวิญญาณ และมีอายุต่ำกว่าสามสิบจึงจะมีคุณสมบัติเป็นผู้เข้าร่วม”

 

“นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย ผู้เข้าร่วมสิบเอ็ดคน”

 

“จำไว้ พวกเจ้าควรเข้าไปในห้องโถงเพื่อประเมิน” คนงานยื่นป้ายให้กับโหลวหลานจีก่อนที่จะเปิดประตูสู่สนามการแข่งขันขนาดใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง

 

“เราเข้าไปทดสอบภายในนั้นกันเถอะ” โหลวหลานจีกล่าว

 

“เรายังต้องทดสอบอีกหรือ” ศิษย์คนหนึ่งถาม

 

“นั่นเป็นเพียงการทดสอบเพื่อที่จะดูว่าพวกเจ้ามีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วมจริงหรือไม่” โหลวหลานจีกล่าวขณะที่นำพาพวกเขาไปยังสนามแข่งขัน “เจตนาที่แท้จริงก็เพื่อคัดทิ้งคนโกหก อย่ากังวลนั่นมิได้ใช้เวลาพวกเรามากกว่าหนึ่งนาทีต่อคน”