ตอนที่ 1602 ปีศาจ (1)
แต่มีอย่างหนึ่งที่จวินอู๋เสียรู้สึกแปลกๆเล็กน้อย ในแววตาของกู่ซินเยียน นางไม่เห็นความดีใจที่พี่น้องได้มาพบกันหลังแยกจากกันไปนานเลยสักนิด เห็นแต่ความไม่สบายใจและความหวาดกลัว
จวินอู๋เสียไม่รู้ว่าปฏิกิริยาแบบนี้เป็นเรื่องปกติหรือไม่ แต่นางรู้สึกได้ว่าการมาของกู่อิ่งได้นำปัจจัยที่ทำให้เกิดความไม่มั่นคงมาด้วย
แม้ว่าพวกเฉียวฉู่จะเปลี่ยนรูปลักษณ์ไปบ้างหลังจากเข้ามาในอาณาจักรกลาง แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก พวกเขายังคงมีรูปลักษณ์เดิมให้เห็นอยู่มาก จวินอู๋เสียไม่แน่ใจว่ากู่อิ่งจะจำพวกเฉียวฉู่ได้หรือไม่ แต่ถ้ากู่อิ่งรู้เข้า เรื่องคงยุ่งยากมากขึ้น
ตอนที่จวินอู๋เสียออกค้นหาแผนที่ไปทั่วดินแดน นางก็ปลอมแปลงรูปร่างหน้าตาของตนมาตลอดตั้งแต่แรก ด้วยความกลัวว่าหลังจากที่นางเอาแผนที่ไป คนของสิบสองวิหารที่เหลือจะจำนางได้ หากวันหนึ่งสิบสองวิหารพบว่าแผนที่ที่สูญหายไปทั้งหมดนั้นเกี่ยวข้องกับนาง พวกเขาคงพยายามกำจัดนางโดยไม่จำเป็นต้องรู้ด้วยซ้ำว่านางค้นพบสุสานจักรพรรดิแห่งความมืดแล้ว
หลังจากกลับเข้าห้องของตัวเอง จวินอู๋เสียก็ให้เย่ฉาและเย่กูนำข้อความไปให้พวกเฉียวฉู่ทันที บอกให้พวกเขาหยุดแกล้งคนของวิหารมารโลหิตชั่วคราว และใช้เวลาอยู่ข้างนอกให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ จะได้ไม่ไปดึงดูดความสนใจของกู่อิ่ง
ในหมู่พวกเขา สิ่งที่จวินอู๋เสียเป็นห่วงมากที่สุดก็คือกลัวว่าฟ่านจั๋วจะควบคุมตัวเองไม่ได้
พ่อบุญธรรมของฟ่านจั๋วตายด้วยน้ำมือของกู่อิ่ง จวินอู๋เสียไม่แน่ใจว่าฟ่านจั๋วรู้รึเปล่าว่ากู่อิ่งยังมีชีวิตอยู่และมาปรากฏตัวที่สำนักธาราเมฆแล้ว เขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไรหลังจากรู้เรื่องนี้
การมาของกู่อิ่งอยู่ภายใต้การควบคุมเป็นพิเศษของสำนักธาราเมฆ มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ และหนึ่งในนั้นก็คือหลินเฮ่าอวี่
หลินเฮ่าอวี่รีบพุ่งไปที่ห้องของกู่ซินเยียนอย่างทนรอไม่ไหว หลังจากเคาะประตูห้อง เขาก็เห็นใบหน้าหล่อเหลายิ้มแย้มของกู่อิ่งอยู่ที่ประตู
“พี่ใหญ่กู่อิ่ง ท่านมาแล้ว” ทันทีที่หลินเฮ่าอวี่เห็นกู่อิ่ง เขาก็อดสะดุ้งไม่ได้ ใบหน้ายิ้มแย้มนั้นนำความทรงจำมืดมัวที่ฝังลึกของเขาออกมา
กู่อิ่งมองหลินเฮ่าอวี่ที่กำลังเครียดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและพูดว่า “เป็นเจ้านี่เอง เข้ามาซิ”
หลินเฮ่าอวี่เดินเข้าไปอย่างเชื่อฟัง เตือนตัวเองในใจซ้ำๆว่าตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว
ภายในห้อง กู่ซินเยียนนั่งเงียบอยู่บนเก้าอี้ ใบหน้าซีดขาวปราศจากสีเลือด ริมฝีปากงามเม้มแน่น ทั้งร่างดูเครียดเกร็งไปหมดจากความกังวลและไม่สบายใจ
บรรยากาศภายในห้องแปลกๆอยู่บ้าง หลินเฮ่าอวี่เตรียมคำที่อยากจะพูดกับกู่อิ่งมาเต็มที่ แต่พอเห็นรอยยิ้มสดใสของกู่อิ่งและใบหน้าซีดขาวของกู่ซินเยียน คำพูดเหล่านั้นก็ดูเหมือนจะติดอยู่ในลำคอของเขา
ปีศาจร้ายเช่นนี้ จะไว้ใจได้จริงหรือ?
ในใจของหลินเฮ่าอวี่เกิดความขัดแย้งขึ้นครั้งใหญ่
ในห้องเงียบกริบ หลินเฮ่าอวี่ยืนตัวแข็งอยู่ในห้อง ไม่กล้าแม้แต่จะนั่ง กู่ซินเยียนเหลือบตาขึ้นมองเขาแวบหนึ่ง แล้วก้มหน้าลงอีกครั้ง ไม่รู้จะทำยังไงดี มีเพียงกู่อิ่งที่ยังยิ้มอยู่ราวกับว่าไม่ได้สังเกตเห็นอะไรเลย
“หลินเฮ่าอวี่” จู่ๆกู่อิ่งก็พูดออกมาขณะมองหลินเฮ่าอวี่ที่ตัวแข็งทื่อ หลินเฮ่าอวี่สะดุ้ง แล้วรีบมองไปที่กู่อิ่ง
“พี่ใหญ่กู่อิ่ง” หลินเฮ่าอวี่เสียงสั่นเล็กน้อย
“ข้าจำได้ว่าข้าบอกเจ้าแล้วว่า ถ้ามองน้องสาวข้าด้วยสายตาแบบนั้นอีก ข้าจะควักตาเจ้าออกมา เจ้าจำไม่ได้แล้วหรือ?” กู่อิ่งเอามือข้างหนึ่งเท้าคางพลางพูดถ้อยคำที่น่ากลัวด้วยน้ำเสียงเนือยๆสบายๆ