ตอนที่ 228 องค์หญิงสามไม่เหมือนปกติ

 

 

 

 

บรรดาพระสนมและองค์หญิงวังในพอถึงฤดูร้อนทางกรมวังจะมีน้ำแข็งมาส่งให้ เพื่อใช้คลายร้อน เฟิ่งหลิงอวี๋เป็นคนฟุ่มเฟือยที่สุด วันใดอากาศร้อน นางยังใช้น้ำแข็งวางที่ห้องโถงด้วย แต่วันนี้ไม่ได้เตรียมไว้ ไม่เหมือนปกติจริงๆ

 

 

“องค์หญิงประหยัดตั้งแต่เมื่อไร อากาศร้อนอบอ้าวอย่างนี้ไม่เอาน้ำแข็งมาวาง”

 

 

กู้ชิงเฉิงเป็นคนพูดขึ้น นางอยู่วังในหลายปี รู้จักเฟิ่งหลิงอวี๋ดี

 

 

“ไทเฮาทรงต่อว่าว่าข้าฟุ่มเฟือย ต่อไปข้าจะหัดทำตัวเรียบง่ายบ้าง” เฟิ่งหลิงอวี๋พูดจบ นางกำนัลสองสามคนก็ช่วยกันยกชามน้ำบ๊วยแช่เย็นกับแตงโมแช่เย็นมาอย่างละสามชาม เฟิ่งหลิงอวี๋เอ่ยชวนอย่างกระตือรือร้น “แตงโมนี้ท่านน้าของข้าให้คนเอามาให้เมื่อวานจากหนานเถียน แตงโมที่นั่นอร่อยที่สุดในแคว้นเว่ย ทั้งกรอบทั้งหวาน ลองชิมดู”

 

 

ซูจิ่วซือเต็มไปด้วยความสงสัย เมื่อก่อนเฟิ่งหลิงอวี๋ไม่เคยยิ้มให้นาง วันนี้กลับเชิญมากินแตงโม ไม่เหมือนปกติจริงๆ เฟิ่งหลิงอวี๋มีจุดประสงค์อะไรหรือ

 

 

แม้ในใจจะสงสัย แต่ใบหน้ากลับไม่แสดงออกมา นางยิ้มน้อยๆ “แตงโมหนานเถียนเป็นของหายาก นับว่าเป็นวาสนาของข้า”

 

 

เมื่อก่อนซูหลิ่วเคยกินแตงโมหนานเถียนบ่อยๆ แตงโมที่นั่นเป็นของกำนัลสำหรับเชื้อพระวงศ์ นอกจากราชตระกูลและขุนนางชั้นสูงแล้ว คนอื่นยากที่จะมีโอกาสลิ้มรส

 

 

ช่วงนี้แตงโมหนานเถียนมีจำนวนน้อยลงเรื่อยๆ ในวังถ้าไม่ใช่คนมีระดับไม่มีโอกาสได้กิน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนชั้นสูง น้าของเฟิ่งหลิงอวี๋สามารถให้คนเอาแตงโมมาส่งที่วังได้ แสดงว่าครอบครัวฝ่ายแม่ของเฟิ่งหลิงอวี๋มีอำนาจบารมีสูงมาก สมกับเป็นตระกูลใหญ่ที่สืบทอดมานาน

 

 

“องค์หญิงคงไม่เคยกินแน่ ลองชิมดู!”  

 

 

เฟิ่งหลิงอวี๋พูดด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่ง ซูจิ่วซือไม่เคยกินมาก่อนจริงๆ แต่ซูหลิ่วเคยกินไม่น้อย

 

 

กู้ชิงเฉิงไม่ชอบกินแตงโม และไม่ชอบความจองหองของเฟิ่งหลิงอวี๋ จึงยิ้มเจื่อนๆ “องค์หญิงสามเชิญข้าสองคนมาชิมแตงโมหรือ”

 

 

“ข้าเพียงแต่รู้สึกว่าองค์หญิงอันผิงบรรยายรวมบทกวีฉู่ฉื่อคงเหนื่อยแล้ว เมื่อมีของดีก็อยากมอบให้องค์หญิงอันผิง” เฟิ่งหลิงอวี๋พูดจบก็หยิบแตงโมมากินชิ้นหนึ่ง กิริยาสง่างาม ท่วงท่าแสดงความสูงศักดิ์ทระนงตน

 

 

ซูจิ่วซือหยิบมากัดคำหนึ่ง ยี่สิบปีแล้ว รสชาติของแตงโมหนานเถียนเปลี่ยนไปจากเดิม เมื่อก่อนหวานกว่านี้

 

 

กู้ชิงเฉิงไม่ชอบกินผลไม้ นางยกน้ำบ๊วยข้างหน้าขึ้นมา รสชาติเปรี้ยวหวานช่วยคลายร้อน และระยะหลังนางเบื่ออาหาร น้ำบ๊วยช่วยให้เจริญอาหาร

 

 

กู้ชิงเฉิงดื่มน้ำบ๊วยรวดเดียวหมด แล้ววางชามลง ยิ้ม “น้ำบ๊วยที่นี่รสชาติดีมาก ฝีมือทำก็เก่ง”

 

 

“ป้าจางทำน้ำบ๊วยมายี่สิบปี ฝีมือย่อมใช้ได้ ถ้าพระสนมกู้ชอบ ข้าจะให้คนตักมาเพิ่มอีกชามหนึ่ง

 

 

“เจ้ากินชามนี้ ข้าไม่ชอบกินของเปรี้ยว”

 

 

ซูจิ่วซือไม่ชอบกินของเปรี้ยว และไม่คิดจะกินน้ำบ๊วยที่วางข้างหน้า พอได้ยินว่ากู้ชิงเฉิงอยากกินอีก ก็นึกทันทีว่าจะเอาของตนให้กู้ชิงเฉิง

 

 

“เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจแล้ว”

 

 

กู้ชิงเฉิงถือซูจิ่วซือเป็นเพื่อนสนิทจริงๆ อยู่กับซูจิ่วซือจึงไม่เกรงใจ

 

 

พอเห็นกู้ชิงเฉิงจะดื่มน้ำบ๊วยของซูจิ่วซือ เฟิ่งหลิงอวี๋ก็รีบร้องห้าม “พระสนมกู้ถ้าจะดื่ม ข้าให้คนตักมาอีกชามหนึ่ง ในห้องครัวยังมีอีก องค์หญิงเชิญดื่ม”

 

 

 

 

——

 

 

 

 

ตอนที่ 229 พบโดยไม่ต้องหา

 

 

 

 

ซูจิ่วซือเป็นคนรอบคอบอยู่แล้ว พอเห็นเฟิ่งหลิงอวี๋ร้องห้าม ก็นึกขึ้นได้ทันทีว่าน้ำบ๊วยนี้อาจจะมีปัญหา นางยิ้ม “องค์หญิงสามพูดมีเหตุผล ให้คนเอามาให้พระสนมกู้อีกชามหนึ่งดีกว่า ข้าเพียงแต่ไม่ชอบของเปรี้ยว กระนั้นก็ขอขอบใจในน้ำใจขององค์หญิง”

 

 

ขณะที่ทั้งสองสนทนากัน กู้ชิงเฉิงซึ่งอยู่ข้างๆ ซูจิ่วซือก็เอาน้ำบ๊วยที่วางข้างหน้าซูจิ่วซือมาดื่มอึกใหญ่

 

 

“ชิงเฉิง…”

 

 

พอเห็นกู้ชิงเฉิงดื่มน้ำบ๊วยชามนี้ สีหน้าของซูจิ่วซือก็เปลี่ยนทันที อยากห้ามกู้ชิงเฉิง

 

 

กู้ชิงเฉิงยิ้มเจื่อนๆ “ข้าดื่มชามนี้ก็แล้วกัน”

 

 

พูดจบ ก็ดื่มน้ำบ๊วยจนหมดชาม

 

 

เฟิ่งหลิงอวี๋หน้าเสียราวกับวิตกขึ้นมาทันที เพื่อปกปิดอารมณ์ของตน จึงหลุบตาอย่างรวดเร็ว

 

 

“กินแตงโมไปแล้ว ดื่มน้ำบ๊วยไปแล้ว เราสองคนควรบอกลา ไม่รบกวนองค์หญิงสามแล้ว”

 

 

กู้ชิงเฉิงพูดจบก็ลุกขึ้น ซูจิ่วซือห่วงกู้ชิงเฉิง เวลานี้นางคิดว่าต้องพากู้ชิงเฉิงไปหาหมอหลวงอย่างเร่งด่วน รู้สึกว่าน้ำบ๊วยชามนี้มีปัญหาแน่

 

 

เฟิ่งหลิงอวี๋ขวางหน้าสองคนนี้ไว้ “ถ้าพระสนมกู้มีธุระก็กลับไปก่อน ข้ายังมีอะไรบางอย่างอยากถามองค์หญิงอันผิง”

 

 

“วันนี้ฟ้าจะมืดแล้ว ถ้าองค์หญิงสามมีคำถาม รอข้าเข้าวังครั้งหน้าค่อยถามก็ได้ วันนี้ข้าขอลาไปก่อน ยังต้องไปเข้าเฝ้าไทเฮาอีก”

 

 

ซูจิ่วซือรู้ว่าถ้านางอยู่ต่อไปต้องเกิดเรื่องนี้ แต่นางก็ห่วงกู้ชิงเฉิง จึงอยากออกไปพร้อมกับกู้ชิงเฉิง นางไม่เชื่อว่าเฟิ่งหลิงอวี๋จะกล้าบังคับให้อยู่ต่อ

 

 

พอเห็นว่าแผนการที่วางไว้ล้มเหลว ถ้าบีบบังคับก็จะทำให้ความลับเผยออกมา เฟิ่งหลิงอวี๋จึงไม่ฝืนซูจิ่วซือ ปล่อยซูจิ่วซือกับกู้ชิงเฉิงไป

 

 

ขณะออกไปจากตำหนักขององค์หญิงสาม ซูจิ่วซือจับมือกู้ชิงเฉิง “ชิงเฉิง เจ้าไม่เป็นไรใช่หรือไม่!”

 

 

“ข้าไม่เป็นไร เจ้าสงสัยว่าองค์หญิงสามวางยาพิษใช่หรือไม่ นางไม่ใจกล้าขนาดนั้นหรอก เฟิ่งหลิงอวี๋แม้จะหยิ่งยโส แต่ก็ไม่ถึงขั้นไม่รู้จักคิด”

 

 

“นางเชิญข้าไปศาลาฟังฝนโดยไม่มีเหตุผล เรื่องนี้ก็น่าสงสัย ต้องระวังไว้ดีกว่า ชิงเฉิง กลับไปแล้วเจ้ารีบให้หมอหลวงมาดูเถอะ”

 

 

ซูจิ่วซือเครียดมาก แต่กู้ชิงเฉิงไม่เครียดสักนิด นางยิ้มอย่างไม่ใส่ใจ “ข้าไม่เป็นอะไรจริงๆ ไม่ต้องห่วง จิ่วซือ รีบไปเถอะ ข้าจะกลับวังจื่อจิงแล้ว”

 

 

กู้ชิงเฉิงยืนยันว่าตนไม่เป็นไร ซูจิ่วซือแม้จะห่วง แต่ไม่เห็นความผิดปกติใดๆ เกิดขึ้นกับกู้ชิงเฉิง จึงไม่ได้พูดอะไร ได้แต่กำชับกู้ชิงเฉิงให้หมอหลวงมาดู

 

 

กู้ชิงเฉิงรับปาก ไม่คิดว่าจะเรียกหาหมอหลวง แต่รู้สึกว่าซูจิ่วซือเครียดเกินไป

 

 

พอกู้ชิงเฉิงไปแล้ว ซูจิ่วซือคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงไปเข้าเฝ้าเฟิ่งอวิ๋นหล่างที่ตำหนักหานจาง อยากให้เฟิ่งอวิ๋นหล่างทรงดูแลกู้ชิงเฉิง เพราะซูจิ่วซือไม่วางใจ

 

 

แม้นางจะกำชับอย่างไร แต่ไม่เห็นว่ากู้ชิงเฉิงจะรับฟัง นางรู้ว่าเฟิ่งอวิ๋นหล่างคอยดูแลกู้ชิงเฉิงอยู่

 

 

ขณะเดินออกนอกวัง หลี่ซั่วผู้บัญชาการกองทหารองครักษ์กำลังพาทหารออกลาดตระเวน ซูจิ่วซือช่วงนี้เข้าวังบ่อย เคยเห็นหลี่ซั่วแต่ไกลครั้งสองครั้ง แต่ไม่เคยพูดคุยกัน

 

 

ครั้งนี้เป็นการพบหน้ากันตรงๆ หลี่ซั่วจึงคารวะซูจิ่วซือ

 

 

“ผู้น้อยหลี่ซั่วคารวะองค์หญิงอันผิง”

 

 

หลี่ซั่วร่างสูงใหญ่ หน้าตาหล่อเหลา ผิวค่อนข้างคล้ำ ดูกระฉับกระเฉง พอได้ยินเสียงของหลี่ซั่ว ดวงตาซูจิ่วซือฉายแววสงสัยขึ้นมาทันที แต่ก็หายไปอย่างรวดเร็ว

 

 

นางพยักหน้าให้หลี่ซั่ว “ผู้บัญชาการหลี่เชิญลุกขึ้น อากาศร้อนอย่างนี้ยังต้องลาดตระเวนข้างนอก ลำบากท่านแล้ว”