ตอนที่ 192 เหยียบย่ำจนแหลกโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น / ตอนที่ 193 ลมเพชรหึง

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 192 เหยียบย่ำจนแหลกโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น

 

 

           มั่วไป๋ถือบุหรี่เข้าไปใกล้ๆ “ช่วยฉันจุดไฟหน่อยสิ”

 

 

           ไป๋จิ่งกดเปิดไฟแช็กช่วยจุดบุหรี่ให้เขา

 

 

           นานแล้วที่เขาไม่ได้สูบบุหรี่ รู้สึกได้ถึงกลิ่นบุหรี่ที่คุ้นเคยค่อยๆ อบอวลอยู่ในปาก คิ้วมั่วไป๋คลายออกจากกันเล็กน้อย

 

 

           มั่วไป๋ยืนสูบบุหรี่อยู่ตรงระเบียง ความเย็นชาปกคลุมไปทั่วร่าง ปลายนิ้วคีบบุหรี่อย่างถนัดมือ ภาพที่ปรากฏพาให้รู้สึกอ้างว้างทีละนิดๆ

 

 

           ไป๋จิ่งเห็นท่าทางแบบนี้ของมั่วไป๋ ดูใจลอยอยู่ในที

 

 

           “นายอยากถามเรื่องแฟนเก่าของฉันใช่ไหม”

 

 

           จู่ๆ เสียงของมั่วไป๋ก็ดังขึ้นทำให้สายตาของไป๋จิ่งหยุดชะงักลง เขากะพริบตาพยักหน้า “ใช่ ถ้าไม่สะดวกจะพูด คุณไม่พูดก็ได้นะ”

 

 

           “ที่จริงก็ไม่ได้มีอะไรไม่สะดวกหรอก” มั่วไป๋หลับตาลงเล็กน้อย “เพียงแต่ว่าไปรักผิดคน เลยต้องจ่ายค่าเสียเวลาไปเท่านั้นเอง”

 

 

           “เพราะเรื่องนี้ เจียงมู่เฉินเลยกลัวว่าผมจะเป็นเขาคนต่อไปใช่ไหม”

 

 

           ‘มิน่าล่ะทันทีที่เจียงมู่เฉินได้ยินเขาพูดแบบนั้นถึงได้เปลี่ยนไปในพริบตา’

 

 

           “เขาไม่ได้มีเจตนาไม่ได้ เขาแค่เป็นห่วงฉัน”

 

 

           ไป๋จิ่งทำเสียงกระดกลิ้น “ผมรู้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเขาดีมากจริงๆ”

 

 

           ที่ไปกินอาหารด้วยกันครั้งนั้น เขาคิดแค่เพียงว่าความสัมพันธ์ระหว่างเจียงมู่เฉินกับมั่วไป๋สนิทสนมกับระดับหนึ่ง เจอกันวันนี้ถึงได้พบว่า ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสองคนสนิทสนมกันมากกว่าที่เขาคิดเอาไว้เยอะมาก

 

 

           “ดีมากๆ เลยล่ะ” มั่วไป๋ตอบแค่นั้น ไม่ยอมพูดมากกว่านี้

 

 

           ไป๋จิ่งเห็นท่าทางเขาแบบนี้ ก็ไม่ตามถามต่ออยู่แล้ว ถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา ถามมากเกินไปก็ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่นัก

 

 

           “ครั้งนี้ผมจริงจัง” ไป๋จิ่งเอียงหัวมองมั่วไป๋ “บอกตามตรง ผมรู้สึกว่าเหมือนว่าผมจะชอบคุณขึ้นมาบ้างแล้ว”

 

 

           อย่างน้อยเมื่อครู่นี้ยามที่เขาเห็นมั่วไป๋ยืนโดดเดี่ยวคนเดียวอยู่ตรงระเบียง เขาก็อยากจะอยู่เคียงข้างมั่วไป๋แล้ว

 

 

            ถ้าพูดว่าสิ่งที่เขากำลังรู้สึกนี้คือ ‘ชอบ’ เขาก็ควรจะชอบมั่วไป๋ขึ้นมาบ้างแล้ว

 

 

           มั่วไป๋ได้ยินคำพูดของเขาก็ไม่ได้มีท่าทีตอบสนองอะไรมากมาย เพียงแค่ยิ้มหัวเราะ “ไป๋จิ่ง นี่นายเคยชอบใครมากี่คนแล้ว”

 

 

           ไป๋จิ่งพูดไม่ออกไปสักพัก เขาครุ่นคิดก่อนจะเอ่ยออกมา “น่าจะมีคนหนึ่ง” เพียงแต่ว่าเขายังไม่ทันได้จัดความคิดของตัวเองให้เข้ารูปเข้ารอย คนคนนั้นก็ไปเสียแล้ว

 

 

           นัยน์ตามั่วไป๋ดำดิ่งลงลึกเรื่อยๆ ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ไม่รู้ว่ากำลังหัวเราะเยาะไป๋จิ่ง หรือว่ากำลังหัวเราะเยาะตัวเองอยู่กันแน่

 

 

           “เอาล่ะ สายแล้ว นายไม่ต้องไปบริษัทเหรอ”

 

 

           ไป๋จิ่งมองดูเวลา “งั้นผมไปบริษัทก่อนก็แล้วกัน พรุ่งนี้มาหาคุณอีก?”

 

 

           “พรุ่งนี้นายไม่ต้องมาแล้ว”

 

 

           ไป๋จิ่งสะดุ้งตกใจ “หมายความว่าไง”

 

 

           “พรุ่งนี้ฉันต้องไปดูงานต่างเมือง อีกหลายวันถึงจะกลับมาได้” มั่วไป๋เอ่ยชี้แจงเสียงต่ำ

 

 

           ไป๋จิ่งโล่งใจ “ผมคิดว่าคุณจะริดรอนสิทธิ์ในการเจอกันของคุณกับผมซะอีก”

 

 

           “เรื่องที่ฉันมั่วไป๋รับปากตกลงแล้ว ไม่มีทางจะเปลี่ยนใจได้ง่ายๆ อยู่แล้ว ข้อนี้นายวางใจเถอะ” เกมของเขาเพิ่งจะเริ่มเอง มีหรือจะเปลี่ยนใจง่ายขนาดนั้น

 

 

           ‘ริดรอนสิทธิ์เหรอ’

 

 

           ‘ต้องมีวันนี้อยู่แล้ว เพียงแต่ว่ายังไม่ใช่ตอนนี้’

 

 

           “ได้ งั้นผมไปก่อนนะ”

 

 

           หลังจากเห็นไป๋จิ่งออกจากคอนโดมิเนียมไปแล้ว มั่วไป๋ถึงได้ยกมุมปากขึ้น ชอบเขาขึ้นมาบ้างแล้วงั้นเหรอ

 

 

           แต่น่าเสียดาย ที่เขาต้องการไม่ใช่ความชอบนิดๆ หน่อยๆ อะไรทั้งนั้น

 

 

           เป้าหมายของเขานั้นง่ายมาก แค่ต้องการให้ไป๋จิ่งตกหลุมรักเขา เหมือนกับตัวเองในตอนนั้น เขาจะทำเหมือนกับที่ไป๋จิ่งทำในตอนนั้น ให้ไป๋จิ่งมอบหัวใจทั้งดวงวางไว้ในมือของเขา จากนั้นเขาจะเขวี้ยงมันทิ้งลงพื้น แล้วค่อยๆ เหยียบย่ำจนแหลกโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น

 

 

           คนเราส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือหัวใจ ถ้าแม้แต่หัวใจก็ไม่มีแล้ว คนคนนี้ก็แทบจะไม่ต่างอะไรกันแล้ว

 

 

           ……

 

 

           นัดเวลาย้ายบ้านกับซือเหยี่ยนเรียบร้อยแล้ว เจียงมู่เฉินตั้งใจไปบริษัทซือเหยี่ยนก่อนเวลา เวลาที่เขานัดกันกับซือเหยี่ยนคือบ่ายสองโมง ไม่ถึงบ่ายโมงเจียงมู่เฉินก็ถึงใต้ตึกของซือกรุ๊ปแล้ว

 

 

           เขาขึ้นลิฟต์ไป ค่อยๆ เคลื่อนตัวขึ้นสู่ชั้นบน ออกมาจากลิฟต์แล้ว เดินมุ่งหน้าไปยังห้องทำงานของซือเหยี่ยนด้วยความเคยชิน

 

 

           เพิ่งจะเดินถึงประตู ก็พบว่าประตูห้องทำงานของซือเหยี่ยนปิดอยู่ เจียงมู่เฉินขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย เวลาเข้างานมีเรื่องลับอะไรถึงขนาดต้องปิดห้องแบบนี้กัน

 

 

           

 

 

ตอนที่ 193 ลมเพชรหึง

 

 

           เขาถอนหายใจยื่นมือออกไปเตรียมจะเปิดประตู แต่ประตูก็ถูกดึงเปิดออกมาจากข้างใน

 

 

           ผู้ชายผมสีทองตาสีฟ้าน้ำทะเลคนหนึ่ง ดูแล้วน่าจะอายุน้อยกว่าตัวเองสักปีสองปี เจียงมู่เฉินมองเขาแล้วเลิกคิ้วเงียบๆ

 

 

           “เหยี่ยน คนนี้คือใครน่ะ”

 

 

           ‘เหยี่ยนเหรอ’

 

 

           ‘ชื่อนี่เรียกกันสนิทสนมเชียวนะ เขายังไม่เคยเรียกซือเหยี่ยนแบบนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ’

 

 

           เขายิ้มหัวเราะเล็กน้อย มองไปทางซือเหยี่ยน “ใช่สิ คนนี้คือ?”

 

 

           นัยน์ตาซือเหยี่ยนฉายแววซับซ้อน “เพื่อนผมตอนอยู่ที่อเมริกา ซูเตอร์”

 

 

           เจียงมู่เฉินเชิดริมฝีปากขึ้นทันที เขายิ้มหัวเราะ “อ้อ เพื่อนจากอเมริกานี่เอง”

 

 

           ซูเตอร์มองเจียงมู่เฉิน “เหยี่ยน นายไม่คิดจะแนะนำเขาให้ฉันรู้จักหน่อยเหรอ”

 

 

           ตอนที่เขาพูดอยู่ สายตาเจียงมู่เฉินกวาดมองทั้งสองคนอย่างด้วยท่าทีสงบนิ่ง และก็เป็นธรรมดาที่จะไม่ได้มองข้ามนัยน์ตาซือเยี่ยนที่ฉายแววซับซ้อนขึ้นมาวาบหนึ่ง

 

 

           เจียงมู่เฉินมองพวกเขาทั้งสองคนอย่างขำๆ ดูท่าว่าเขาจะมาได้จังหวะพอดี รบกวนพวกเขาแล้ว

 

 

           “เพื่อนของผมเอง คุณชายเจียง” ซือเหยี่ยนพูดแบบแบ่งรับแบ่งสู้

 

 

           เจียงมู่เฉินอดจะหัวเราะออกมาไม่ได้ “ดูท่าว่าประธานซือจะไม่ค่อยสะดวก งั้นฉันก็ไม่อยู่รบกวนต่อแล้ว”

 

 

           ไม่ได้เวลาซือเหยี่ยนและซูเตอร์พูดสักนิด เจียงมู่เฉินพูดจบก็หมุนตัวหันกลับไปทั้งอย่างนั้น

 

 

           ‘เพื่อนเหรอ’

 

 

           คำตอบนี้ของซือเหยี่ยนทำให้เขาฟังไม่รื่นหูจริงๆ

 

 

           เจียงมู่เฉินเดินเข้าลิฟต์ไป หยิบมือถือออกมาโทรหาซังจิ่ง “สถานที่ที่นายบอกอยู่ที่ไหน ฉันจะเข้าไปตอนนี้”

 

 

           ซังจิ่งเลิกคิ้วเล็กน้อย “ไม่ใช่วันจันทร์หน้าเหรอ”

 

 

           “ทำไม ฉันอยากไปสำรวจสถานที่ก่อน ประธานซังกลัวเหรอ”

 

 

           ซังจิ่งหัวเราะ “ไม่อยู่แล้ว เอางี้คุณมาบริษัทผม พวกเราไปด้วยกัน”

 

 

           “ทำไม ประธานซังอยากไปส่งฉันด้วยตัวเอง?”

 

 

           “ไม่ใช่ไปส่งคุณด้วยตัวเอง ไปกับคุณด้วยตัวเองต่างหาก”

 

 

           ……

 

 

           กว่าซือเหยี่ยนจะส่งซูเตอร์ออกไปได้ไม่ใช่ง่ายๆ ซือเหยี่ยนกดสายโทรหาเจียงมู่เฉิน แต่ทางนั้นปิดมือถือแล้ว ซือเหยี่ยนขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย แล้วออกจากห้องทำงานไป

 

 

           เขารู้ว่าคำพูดของตัวเองเมื่อครู่นี้ทำให้เจียงมู่เฉินเข้าใจผิดแล้ว แต่ซูเตอร์อยู่ตรงนั้นด้วย เขาไม่มีวิธีอื่น จะให้ซูเตอร์รู้ความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างเจียงมู่เฉินกับตัวเองไม่ได้ ไม่เช่นนั้นถึงเวลา เขาก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

 

 

           ซือเหยี่ยนขับรถปราดเดียวถึงบ้านตระกูลเจียง หลังจากเข้าคฤหาสน์ไปแล้วถึงได้พบว่าเจียงมู่เฉินไม่ได้กลับมาตั้งแต่แรกแล้ว เขาขมวดคิ้ว เวลานี้นอกจากกลับบ้านตระกูลเจียงแล้วเขายังจะไปไหนได้อีก

 

 

           กลับมานั่งในรถอีกครั้งหนึ่ง ซือเหยี่ยนครุ่นคิด โทรหาไป๋จิ่งดีกว่า ถึงอย่างไรตอนนี้คนที่ติดต่อมั่วไป๋ได้ก็มีแค่ไป๋จิ่งเท่านั้น

 

 

           “อะไรนะ คุณชายน้อยของนายหายไป”

 

 

           ไป๋จิ่งนั่งอยู่ในห้องทำงาน สีหน้าแปลกใจ สองวันก่อนยังตัวติดกันอยู่แท้ๆ ทำไมวันนี้คนถึงหายไปได้

 

 

           “นายบอกวิธีติดต่อมั่วไป๋มาให้ฉัน ฉันจะถามเขาว่าเจียงมู่เฉินอยู่บ้านเขาหรือเปล่า”

 

 

           ไป๋จิ่งหยุดชะงักไป “นายอยู่ที่ไหน ฉันจะเข้าไปด้วยกันกับนาย ถ้าเจียงมู่เฉินไปหามั่วไป๋ก็ควรจะอยู่ที่บ้านเขา เพียงแต่ว่าเขาบอกว่าสองวันนี้ต้องไปดูงานต่างเมือง ไม่รู้ว่าตอนนี้ออกไปหรือยัง”

 

 

           ซือเหยี่ยนพยักหน้า “ฉันเพิ่งออกมาจากบ้านเขา นายส่งที่อยู่มาให้ฉัน ฉันจะเข้าไปตอนนี้”

 

 

           ไป๋จิ่งคว้าเสื้อสูท แล้วเดินออกมา “ได้ ฉันก็จะไปตอนนี้เหมือนกัน ถึงแล้วเจอกันนะ”

 

 

           ทั้งสองคนรีบมุ่งหน้าไปที่บ้านของมั่วไป๋ แต่กลับไม่รู้ว่าเจียงมู่เฉินไม่ได้ไปหามั่วไป๋เลยด้วยซ้ำ แต่อยู่ที่สนามบินกับซังจิ่ง เตรียมพร้อมจะขึ้นบินแล้ว

 

 

           ……

 

 

           “เจียงมู่เฉินหายตัวไปเหรอ” มั่วไป๋มองทั้งสองคนด้วยสีหน้าเย็นชา

 

 

           “เขาไม่ได้มาหาคุณที่นี่เหรอ” ซือเหยี่ยนเอ่ยเสียงต่ำ

 

 

           “เปล่า ฉันไม่ได้ข่าวเขาเลย”

 

 

           ซือเหยี่ยนไม่ได้อธิบายอะไรต่อ เขาลุกขึ้นมาทันที “รบกวนคุณแล้ว ผมขอตัวก่อน”

 

 

           มั่วไป๋มองตามซือเหยี่ยนไป ก่อนจะเบนสายตามามองไป๋จิ่งที่ข้างๆ ตัว “เกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆ เจียงมู่เฉินถึงหายไปได้ล่ะ”