บทที่ 77 เจ้าอำนาจแห่งผลิตภัณฑ์ความงาม

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠)

บทที่ 77
เจ้าอำนาจแห่งผลิตภัณฑ์ความงาม

มู่หรงเสวี่ยยังคงยิ้มอ่อน ไม่สนใจท่าทางหยาบคายของหลินจ้าว “ตั้งแต่ครั้งก่อน หนูก็อยากจะหาเวลามาเยี่ยมคุณปู่โม่ตลอดซึ่งต้องถูกเลื่อนไปเพราะงานมากมาย นี่เป็นเพียงแค่ของขวัญเล็กๆน้อยๆ นี่คือโสมอายุ 10,000 ปีสำหรับช่วยบำรุงสายตาของคุณปู่โม่และมันหาค่าไม่ได้เลยนะคะ”

ทั้งห้องเงียบสงัด นี่คือของขวัญเล็กๆน้อยๆงั้นเหรอ?!!!!
หวู่หลินหลินถึงขนาดกัดริมฝีปากตัวเอง ในตอนนี้หยกคุณภาพดีที่เธอเอามา กลายเป็นของเล่นไปเลย มันเป็นไปได้ยังไงกัน?!!! เธอไม่รู้เลยว่าเด็กสาวคนนี้มาจากไหน ถึงได้เอาโสมซึ่งเป็นโสมที่ดีที่สุดมาได้แบบนี้ แล้วยังราคาสูงกว่าหยกคุณภาพดีที่เธอเอามาอีกหลายเท่าตัว

หลิวจ้าวคิดอย่างหนักในเวลานี้ เธอคือคุณนายหวู่แห่งเมืองหลวง ครั้งนี้เธอมองพลาด คนที่สามารถเอาโสม 10,000 ปีมาให้เป็นของขวัญได้ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ ถ้าเธอเผลอไปยุ่งกับคนที่ไม่ควรเข้าต่อไปต้องไม่เป็นผลดีกับเธอแน่ๆ เธอคิดอยู่สักพักแล้วก็เปลี่ยนสำเนียง นอกจากนี้รอยยิ้มบนใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นใจดีขึ้นอย่างมากด้วย ลดความหยิ่งลงและเหลือแต่เพียงความอ่อนโยน

“ฉันขอโทษนะคุณมู่หรง ตอนนี้ฉันตกใจไปหน่อย นี่ช่วยเปิดหูเปิดตาฉันได้มากจริงๆ เป็นครั้งแรกเลยนะเนี่ยที่ฉันได้เห็นโสมหมื่นปี เป็นบุญตาของฉันจริงๆเลย คุณมู่หรงไม่เพียงแค่สวยแต่ยังมีจิตใจที่ดีอีก…”

“ใช่แล้ว เสี่ยวเสวี่ยเป็นเพื่อนสนิทของหนู สายตาหนูมองไม่พลาดหรอกค่ะ” โม่อ้ายหลี่มีท่าทางภูมิใจ

เรียกรอยยิ้มของโม่หลิวเฟิงได้อย่างดี “ฮ่าฮ่า พูดเกินไปแล้ว ก่อนที่เธอกับมู่หรงเสวี่ยจะเป็นเพื่อนกัน ตอนแรกเธอก็ ปฏิเสธไม่ใช่เหรอ มองไม่พลาดอะไรกันล่ะ ตลกจริงๆ!” เมื่อพูดจบเขาก็แตะไปที่หัวของโม่อ้ายหลี่
คุณปู่โม่เองก็ยิ้มอย่างมีความสุขและพูดออกมาว่า “ใช่แล้ว ถ้าหลานมีมู่หรงเสวี่ยอยู่ข้างๆ ปู่ก็ไม่ต้องห่วงอะไรแล้ว”
โม่อ้ายหลี่กลอกตาและพูดออกมาว่า “คุณปู่…คงไม่ได้เก็บหนูมาจากถังขยะใช่ไหมคะ…”
“ไร้สาระ เอาเรื่องตลกอะไรมาพูด!” ดวงตาของคุณปู่โม่จ้องเขม็ง
“ฮ่าฮ่า อ้ายหลี่เป็นคนดี หนูชอบเธอมากเลยค่ะ!” มู่หรงเสวี่ยพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มว่าเธอชอบโม่อ้ายหลี่จริงๆในฐานะเพื่อนและยังเชิดชูเธอด้วย
“…”
หลังจากสองชั่วโมงที่พูดคุยกัน หลิวจ้าวและหวู่หลินหลินก็ขอตัวกลับก่อน น่าเสียดายจริงๆที่ต้องรอนานขนาดนี้ ตระกูลโม่ไม่มีทางเลือกนอกจากเชิญแขกกลับก่อน หวู่หลินหลินหวังว่าโม่หลิวเฟิงจะรั้งเธอไว้ บรรยากาศเงียบเฉียบ เขาหันหน้าไปอีกด้านจนแทบจะมองไม่เห็นเลย!
มู่หรงเสวี่ยถูกโม่อ้ายหลี่ดึงตัวไปและบอกว่าพวกเธอไม่ได้เจอกันมานานมาก อยากให้เธอค้างที่ตระกูลโม่ด้วยกันสักคืนจะได้สนุกกับการนอนค้างบ้านเพื่อนและคุยกันตลอดทั้งคืน
มู่หรงเสวี่ยรู้สึกเขินเล็กน้อยที่ต้องรบกวนเธอแต่คุณปู่และพี่โม่ต่างก็เชิญเธอให้อยู่ต่ออย่างอบอุ่นและเธอเองก็มีเรื่องบริษัทผลิตภัณฑ์ความงามที่ต้องคุยกับโม่อ้ายหลี่ด้วย เธอจึงอยู่ค้าง
ในตอนค่ำ หลังจากที่ทานอาหารเสร็จ มู่หรงเสวี่ยก็ช่วยวัดชีพจรคุณปู่โม่และจึงช่วยฝังเข็มเพื่อความแข็งแรงอีกด้วย

หลังจากที่ฝังเข็มและรมยาเสร็จ เขาก็รู้สึกผ่อนคลายไปทั่วทั้งร่าง เขาพูดออกมาว่า “หนูมู่หรง ไม่มีแผนที่จะพัฒนาการแพทย์แผนจีนของหนูบ้างเหรอ?”

มู่หรงเสวี่ยเก็บเข็มทองคำเข้ากล่องแล้วจึงตอบ “คุณปู่โม่ แน่นอนค่ะหนูอยากที่จะพัฒนาต่อ ในชั้นมหาวิทยาลัยหนูจะสมัครเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยการแพทย์ที่เมืองหลวงแต่ตอนนี้หนูยังเรียนไม่จบชั้นมัธยมเลย ตอนนี้เลยยังทำไม่ได้น่ะคะ”

“ด้วยฝีมือในตอนนี้ของหนู หนูเข้าเรียนที่มหาวิทยาละยการแพทย์ได้แน่ๆ ไม่ต้องพูดถึงมหาวิทยาลัยการแพทย์เลย หนูสามารถไปเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญได้เลยนะ ฉันมีเพื่อนสนิทที่เป็นศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยการแพทย์ ฉันหาตำแหน่งให้หนูได้นะ หนูคิดว่ายังไงล่ะ? มันเสียเวลาเปล่าที่จะอยู่ในจังหวัดเล็กๆทั้งๆที่มีฝีมือด้านการแพทย์ดีแบบนี้” คุณปู่โม่ชื่นชมหนูน้อยมู่หรงจริงๆ
มู่หรงเสวี่ยถามออกไปว่า “คุณปู่โม่คะ หมายความว่าไงเหรอคะ? ใช้เส้นสายเหรอคะ?”

ดวงตาของชายแก่จ้องตรง “ไร้สาระ ใช้เส้นสายอะไรกัน หนูมีความสามารถมากขนาดนี้ก็ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดเท่านั้นสิ!”

กังวลงั้นเหรอ? นี่ไม่ได้หมายถึงการใช้เส้นสาย พูดได้เลยว่ามู่หรงเสวี่ยรู้สึกตื่นเต้น “คุณปู่โม่คะ หนูไม่อยากสร้างปัญหาให้คุณปู่”

ผู้เฒ่าโม่หัวเราะและพูดออกมา “ฮ่าฮ่าฮ่า หนูจะสร้างปัญหาได้ยังไงกัน? ฉันว่าเพื่อนฉันต้องมาขอบคุณฉันซะอีกที่แนะนำนักเรียนที่เก่งขนาดนี้ให้เขาน่ะ ไม่ต้องห่วงนะ ฉันจะมาบอกหนูอีกทีเมื่อทุกอย่างเรียบร้อย”

มู่หรงเสวี่ยไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่พยักหน้าและพูดอย่างขอบคุณ “ขอบคุณนะคะคุณปู่โม่”

“ขอบคุณอะไรกันล่ะ ฉันดีใจนะ” คุณปู่โม่โบกมือ
ไม่นานหลังจากที่คุยกันเสร็จ โม่อ้ายหลี่ก็เข้ามาและลากมู่หรงเสวี่ยออกไป

ในตอนค่ำ มู่หรงเสวี่ยและโม่อ้ายหลี่ก็คุยกันเรื่องของผลิตภัณฑ์ความงามอยู่นานและพวกเธอก็ไม่ยอมนอนจนกระทั่งดึกมากแล้ว

อย่างไรก็ตามโม่หลิวเฟิงก็อยากที่จะหาโอกาสเพื่อคุยกับมู่หรงเสวี่ยตลอด โชคไม่ดีที่น้องสาวของเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลยและไม่สนใจหัวใจที่วุ่นวายของพี่ชายคนนี้เลย เธอไม่เข้าใจอะไรซะเลย เขาเริ่มที่จะไม่พอใจ ใบหน้าของโม่หลิวเฟิงเริ่มจะเข้มขึ้นเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตามโม่อ้ายหลี่ไม่รู้ว่าใบหน้าของพี่ชายเกิดอะไรขึ้น หน้าเขาดำอย่างกับท่านเปา เธอจึงลากเสี่ยวเสวี่ยเข้าไปในห้องและปิดประตูคุยกันจนดึก โม่หลิวเฟิงทำหน้าบิดเบี้ยวและคิดว่าจะต้องหาวิธีจัดการน้องสาวตัวเองซะหน่อยแล้ว

เช้าวันต่อมามู่หรงเสวี่ยและโม่อ้ายหลี่เข้าไปในห้องทำงานของคุณปู่โม่ด้วยท่าทางเป็นกังวล อยากที่จะอธิบายกับเขาถึงเรื่องความคิดและแผนที่ทั้งสองจะร่วมกันเปิดตัวผลิตภัณฑ์ความงามด้วยกัน

ทันทีที่เข้าไปในห้อง เขาก็จ้องมาที่ทั้งสอง โม่อ้ายหลี่วิ่งเข้าไปหาคุณปู่ กอดแขนเขาไว้และเปิดปากพูดอย่างอ่อนหวาน “คุณปู่คะ หนูกับเสี่ยวเสวี่ยมีบางเรื่องจะบอกคุณปู่”

โม่ฉางเฟิงปวดหัวกับท่าทางกระโดดโลดเต้นของหลานสาวอย่างมาก ตอนนี้เขาไม่รู้เลยว่าตัวเองจะต้องทำอะไร เธอดึงมู่หรงเสวี่ยเข้ามาด้วย เขาพูดออกมาอย่างเรียบง่ายว่า “มีเรื่องอะไรเหรอ?”

“คุณปู่ค่ะ หนูมีแผนที่จะทำธุรกิจกับเสี่ยวเสวี่ย เราจะทุ่มทุนครึ่งหนึ่งเพื่อทำผลิตภัณฑ์ความงาม หลักๆก็จะเป็นสินค้าเกรดหรูหน่อย เรื่องร้านถูกจัดการไปแล้ว แล้วก็มีเรื่องสูตร, การผลิตและวัสดุซึ่งเสวี่ยวเสวี่ยจะเป็นคนดูแลทั้งหมด หนูจะรับหน้าที่เรื่องการโฆษณา, โปรโมชั่นและอื่นๆ แล้วเราก็จะแบ่งกำไรกันคนละ 50% แต่เพราะอายุเรายังไม่ถึง เราต้องให้ผู้ปกครองยินยอมด้วย ดูสิคะคุณปู่…”
โม่ฉางเฟิงตกใจจนต้องหันมามองมู่หรงเสวี่ย หลานสาวของเขาคงจะเข้าใจ เรื่องพวกนี้ต้องไม่ใช่ความคิดของหลานสาวเขาแน่ๆ มีเพียงคำตอบเดียวเท่านั้น นั่นคือเป็นความตั้งใจของเด็กสาวมู่หรงที่อยู่ตรงหน้าเขา กำไรจากสินค้าแบรนด์หรูๆมีมูลค่ามาก

เขาอดไม่ได้ที่จะมองมู่หรงเสวี่ยอีกครั้ง เด็กสาวมู่หรงอายุเพียงแค่ 15 เท่านั้นเองแต่สไตล์การทำงานของเธอไม่เหมือนเด็กเล็กๆเลย แต่กลับมีใจที่มุ่งมั่นและแน่วแน่ราวกับผู้ใหญ่ ทักษะการแพทย์ของเธอก็ยิ่งน่าตกใจมากไปอีก แล้วนี่เธอยังมีความสามารถด้านธุรกิจอีก ตระกูลมู่หรงเลี้ยงลูกปีศาจขึ้นมาหรือไง
มู่หรงเสวี่ยเห็นว่าคุณปู่โม่ไม่ได้พูดคัดค้าน “คุณปู่โม่ หนูเขียนอธิบายแผนมาอย่างละเอียดแล้ว ส่วนเรื่องกฎหมายจะมีทีมทนายเข้ามาจัดการให้โดยเฉพาะนะคะ” เธอหยิบสมุดแผนออกมาและส่งให้คุณปู่โม่

โม่ฉางเฟิงรับสมุดแผนมาแต่ไม่ได้เปิดออก เขาเห็นความมั่นใจในตัวเองในสายตาของเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าเขา จึงพูดออกไป “ฉันอยากฟังความคิดของหนูก่อน”
อันที่จริงเขาไม่ได้คัดค้านการมีส่วนร่วมในธุรกิจของหลานสาว ยังไงซะในอนาคตก็มีบางธุรกิจที่จะเสนอการปกป้องที่ดีกว่าให้เด็กสาวได้ อย่างไรก็ตามพวกเธอก็ยังเด็กเกินไป ถึงแม้พวกเธอจะมีความกล้าแต่ก็ยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่ ศูนย์การค้าเหมือนสนามรบ เขาเกรงว่าความคิดนี้จะดีมากๆแต่ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นไปได้หรือเปล่า

มู่หรงเสวี่ยหายใจเข้าลึกๆแล้วจึงเริ่มอธิบาย “ด้วยการพัฒนาของสินค้าและวัตถุที่มีอย่างรวดเร็ว คนในโลกก็ยิ่งให้ความสนใจในเรื่องคุณภาพชีวิตมากขึ้นเรื่อยๆด้วย”

โม่ฉางเฟิงขมวดคิ้วและถามต่อ “หนูไม่ใช่คนเดียวที่ให้ความสำคัญกับโอกาสทางธุรกิจนี้ หนูจะขึ้นมาโดดเด่นท่ามกลางคู่แข่งที่มากมายได้ยังไง?” นิสัยของหลานสาวเขาไม่ใช่คนที่รับมือกับเรื่องซับซ้อนได้ พูดได้ว่าเขาก็ยังคงเป็นห่วงอยู่

มู่หรงเสวี่ยมองท่าทางไม่พอใจของโม่ฉางเฟิงแต่ก็ยังอธิบายต่อ “สินค้าแบรนด์หรูเติบโตอย่างมาในตลาดทุกวันนี้ แต่สิ่งที่ขาดไปคือนวัตกรรม ถ้าหนูผลิตสูตรลับฉบับชาววังขึ้นมาใหม่ มันจะไม่อยู่ไปได้ตลอดเหรอคะ? ทำไมต้องโดดเด่นแค่ในเวลานั้นด้วย?”
“แต่ในฐานะนักข่าวกรองมือดี การการันตีเรื่องคุณภาพของผลิตภัณฑ์เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด หนูจะการันตีคุณภาพของผลิตภัณฑ์ยังไง?” โม่ฉางเฟิงยกคำถามของตัวเองขึ้นมา

มู่หรงเสวี่ยหัวเราะ “คุณปู่โม่ ลืมไปแล้วเหรอคะว่าหนูคือแพทย์แผนจีนโบราณ? และหนูบังเอิญได้สูตรลับชาววังมาด้วยและหนูปรับปรุงสูตรสำเร็จแล้วด้วยและผลิตภัณฑ์ก็ถูกผลิตออกมาแล้ว ส่วนที่เหลือเป็นปัญหาของการผลิตและไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับผลกระทบ หนูได้ส่งผลิตภัณฑ์ไปยังสำนักงานตรวจสอบเพื่อตรวจสอบแล้ว มันเป็นธรรมชาติ 100% และดีต่อร่างกาย นอกจากนี้หนูกับโม่อ้ายหลี่ก็ได้ลองใช้กับตัวเองแล้วและผลที่ได้ก็การันตีได้เลยว่ามันดีที่สุด”

โม่ฉางเฟิงพยักหน้าและนึกถึงผลิตภัณฑ์ที่หลานสาวเคยพูดถึงเมื่อสักพักที่ผ่านมา เขาเองก็เห็นความเปลี่ยนแปลงของหลานสาวด้วยเหมือนกัน ผลิตภัณฑ์ดีมากจริงๆ มันได้ผลอย่างมากและคงจะไม่มีปัญหาแน่นอนถ้าเอาออกสู่ตลาด
มู่หรงเสวี่ยยังพูดต่อ “ผลิตภัณฑ์เพื่อความงามถือเป็นโอกาสทางธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ ตอนนี้ผลิตภัณฑ์เสริมความงามที่ถูกนำเข้ามาในประเทศของเรา ประเทศ G ทำกำไรสุทธิเกือบ 300 ล้าน นี่เป็นส่วนแบ่งที่ใหญ่มาก ทำไมเราต้องปล่อยให้ประเทศ G มาได้ประโยชน์ไปล่ะคะ?

โม่ฉางเฟิงเงยหน้ามองอย่างประหลาดใจ “หนูคิดมาดีมากและหนูรู้จักคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศ ราวกับแม่น้ำแยงซีที่ไหลไปข้างหน้าจริงๆ แต่ฉันมีเรื่องกังวลนิดหน่อย อ้ายหลี่เป็นเพียงเด็กสาวธรรมดา นอกจากนี้ตระกูลโม่ก็มีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนมากมาย ฉันเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของเธอนิดหน่อย”
มู่หรงเสวี่ยพูดอย่างเคร่งขรึม “โม่อ้ายหลี่เป็นเพื่อนรักของหนู สำหรับหนูแล้วเธอเป็นเหมือนน้องสาวและหนูจะไม่ยอมให้เธอต้องเจอปัญหาอะไร บางทีก่อนหน้านี้หนูอาจจะไม่ได้คิดให้ถี่ถ้วน ถ้าคุณปู่โม่เป็นกังวลเรื่องปัญหาความปลอดภัยของโม่อ้ายหลี่ หนูจะให้เธอรับผิดชอบอยู่เบื้องหลังในฐานะประชาสัมพันธ์และเรื่องอื่นๆแทน ส่วนเรื่องการจัดการหนูจะเป็นคนดูแลเอง หนูมีแผนเรื่องนี้เป็นพิเศษ”